“เข้ามาหาเรื่องตาย!”
เมื่อคํากล่าวได้หลุดออกมา ทุกคนในที่แห่งนี้พลันหน้าเปลี่ยนสี เหลยเฉียนจือที่มีท่าที่สงบ และลึกล้ําก็เริ่มเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวน่าเกลียด
ตั้งแต่เหลยเฉียนจือถมทะเลด้วยแผ่นดินขยายเกาะเทพเจ้าสายฟ้าด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ จนมันขยายออกไปหลายร้อยล์ในฉับพลัน ในยุทธภพต่างดินแดนมีใครไม่รู้บ้างว่าเหลยเฉียนจือเป็นเซียนเทพปฐพีแล้ว?”
ซูฉินกลับบอกให้เซียนเทพปฐพี เข้ามาหาความตาย ด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่นเช่นนี้ หากมองไปทั่วยุทธภพต่างแดน ในรอบหลายพันปีที่ผ่านมานี้ เกรงว่าคงจะไม่มีคนที่สองที่ทําเช่นนี้“มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังไม่รู้หรือว่าเหลยเฉียนจือ ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีแล้ว?”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? ไม่ต้องกล่าวถึงข่าวที่เหลยเฉียนจือถมทะเลด้วยแผ่นดินนั้นแพร่ก็จะไปทั่วมาตั้งนานแล้ว แม้ว่ามนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังจะไม่รู้จริงๆ แต่เหลยเฉียนจือก็ได้มาถึงที่แห่งนี้แล้ว ด้วยกลิ่นอายระดับนี้ มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังจะไม่รู้ได้อย่างไร?”
จอมยุทธหลายคนมองไกลออกไป กล่าวออกด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา
เซียนเทพปฐพีอย่างเหลยเฉียนจือนั้น ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณแรกกําเนิดของเขาได้รับการขัดเกลาด้วยทะเลปราณในส่วนลึกของความว่างเปล่าแล้ว และในบางแง่มุมมันย่อมเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป
เมื่อเผชิญหน้ากับตัวตนเช่นนี้ ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สี่และชั้นที่ห้าคงไม่เป็นอะไร อย่างดีที่สุดก็แค่สามารถสัมผัสได้ แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่หกไปจนถึงตำนานยุทธขั้นสูงสุด ย่อมจะสัมผัสถึงกลิ่นอายของเซียนเทพปฐพี่ที่แสนน่าสะพรึงกลัวได้
กลิ่นอายนี้คล้ายเป็นการรวมตัวกันของมนุษย์และฟ้าดิน เป็นตัวแทนของโลกทั้งใบ มันทรงพลังถึงขนาดที่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดไม่กล้าแม้แต่จะจ้องมองโดยตรง
ตํานานยุทธขั้นสูงสุดยังสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของเซียนเทพปฐพี ไม่ต้องกล่าวถึงตัวตนอย่างซูฉินที่เทียบเคียงเซียนเทพปฐพีจะไม่รู้ได้อย่างไร?
เกรงว่าเมื่อเหลยเฉียนจือก้าวเข้าสู่แผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ คงจะทําให้มนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังตื่นตัวตั้งแต่แรกแล้วนอกเมืองฉางอัน
สีหน้าของเหลยเฉียนจือกลับมาสงบอีกครั้ง เขาเหลือบมองไปยังส่วนลึกของเมืองฉางอันก้าวเท้าและหายตัวไปจากที่เดิมทันที
“เข้าไปแล้ว”
“เหลยเฉียนจือเข้าไปแล้ว”
“เกรงว่าจะมีการแสดงดีๆ ให้ได้รับชมในภายหลัง
“พวกเราออกห่างหน่อยดีกว่า กรณีที่ทั้งสองต่อสู้กัน ผลจากการต่อสู้คงจะรุนแรงยิ่ง ต่อให้ข้ามีสิบชีวิตก็คงต้องตายอยู่ดี”
จอมยุทธนับไม่ถ้วนดูเคร่งเครียด ถอยห่างออกไปหลายอย่างรวดเร็ว ความคาดหวัง ปรากฏขึ้นในแววตามองเข้าไปในเมืองฉางอัน
แม้ว่าจะเป็นนิกายใหญ่ ก็คิดเห็นว่าการที่เหลยเฉียนจือมาพบมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังเช่นนี้ หรือแม้แต่จอมยุทธธรรมดาที่ไม่รู้อะไรเลยก็ยังตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ประกอบกับวลีที่ว่า ‘เข้ามาหาเรื่องตาย” ที่เอ่ยออกมาโดยมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังซึ่งไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อย การเผชิญหน้ากันระหว่างมนุษย์สวรรค์ทั้งสองอาจจะเริ่มต้นขึ้นนานแล้วก็เป็นได้
ด้านนอกวังหลวง
ซูฉินในชุดดํายืนอยู่บนอากาศ มองลงไปที่เหลยเฉียนจอที่กําลังเดินอย่างช้าๆเข้ามาหา
“มนุษย์สวรรค์อาณาจักรถัง เจ้าปล่อยให้ข้าเข้ามาตาย ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าจะใช้อะไรในการสังหารเซียนเทพปฐพี่”
เหลยเฉียนจือมองตรงไปที่ซฉิน รัศมีพลังของเขาส่องประกายเผยให้เห็นถึงพลังทําลายล้าง
“ใช้อะไรในการสังหาร?”
ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ก็ตามปกติ สังหารด้วยมือนี้แหละ”
“ฮ่าฮ่า”
ดวงตาของเหลยเฉียนจือเย็นชา ในตอนนี้เขาไม่สามารถปกปิดจิตสังหารในใจได้อีกต่อไป ไอพลังอันน่าสยดสยองแพร่กระจายออกไปในทันที เมฆก้อนใหญ่มารวมตัวกันทั่วเมืองฉางอัน และมองเห็นทะเลปราณอันไร้ที่สิ้นสุด
“เป็นวาจาที่ใหญ่โตเหลือเกิน
เสียงของเหลยเฉียนจือแผดคํารามราวกับฟ้าร้อง “ข้าฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาสามร้อยปีในหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์ ไม่รู้ว่าเจอวิกฤติความเป็นความตายมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในที่สุดข้าก็เข้าใจแก่นแท้ของหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์และได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ก่อนจะออกมา”
“แม้แต่ดินแดนต้องห้ามก็ไม่สามารถสังหารข้าได้ แล้วมนุษย์สวรรค์แห่งอาณาจักรถังจะสังหารข้าได้อย่างไร?”
เสียงของเหลยเฉียนจือที่เหมือนกับฟ้าร้อง ดูเหมือนจะตั้งคําถามกับซูฉิน แต่ในความเป็นจริง มันกําลังวัดพลังของตนเอง
การเผชิญหน้าระหว่างเซียนเทพปฐพี่เมื่อเทียบกับตํานานยุทธยุทธแล้วนั้น จะให้ความสําคัญกับจิตใจและจิตวิญญาณแรกกําเนิดมากกว่า ในขณะที่ตํานานยุทธจะวัดกันที่อาณาเขตและร่างกายเพียงเท่านั้น
“หุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์?”
“ไม่คาดคิดเลยว่าเหลยเฉียนจือจะถูกกักขังอยู่ในหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์?”
แม้ว่าผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่จะออกจากเมืองฉางอันไปเพื่อชมการต่อสู้จากระยะไกล เพราะพวกเขากลัวว่าจะได้ผลกระทบ แต่ยังมีจอมยุทธที่กล้าเข้าใกล้ นอกจากนี้ บรรพชนจากนิกายใหญ่ทั้งหลายก็ยืนอยู่ไม่ไกลเช่นกัน
“แน่นอนว่าหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์นั้นเป็นดินแดนต้องห้ามในต่างดินแดนที่เซียนเทพปฐพีก็ไม่กล้าเข้าไป เหลยเฉียนจืออยู่ในนั้นมาสามร้อยปีโดยไม่ตกตาย ทั้งยังได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีเช่นนั้นหรือนี่?”
มีบรรพชนมองขึ้นไปบนฟ้าและถอนหายใจ ทอดถอนอารมณ์ออกมา
ในต่างดินแดนมีสถานที่ต้องห้ามเก้าแห่ง ดินแดนต้องห้ามทั้งเก้าแห่งนี้เกี่ยวข้องกับยุคเฟื่องฟูกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งดินแดนต้องห้ามอันดับหนึ่ง หุบเหวลึก ที่เป็นสนามรบที่มนุษย์และปีศาจจากโลกถ้ําปีศาจจํานวนนับไม่ถ้วนต่อสู้กัน
ไม่ต้องกล่าวถึงตํานานยุทธ แม้แต่เซียนเทพปฐพีก็ไม่ยอมเข้าใกล้พื้นที่ต้องห้ามเหล่านี้โดยไม่มีเหตุผล
ส่วนหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์เป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยสายฟ้า ในส่วนลึกของหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์ก็มีแม้แต่ร่องรอยของสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้า มีเซียนเทพปฐพี่นิกายเทพเจ้าสายฟ้าต้องการจะใช้พลังจากหุบเขาสายฟ้าสัมบูรณ์ในการฝึกเคล็ดวิชา แต่ผลที่ได้กลายเป็นต้องรับบาดเจ็บสาหัส ไม่ว่าใครก็คงนึกภาพความน่ากลัวของดินแดนต้องห้ามนี้ได้
บรรพชนทั้งหลายไม่เคยคาดคิดว่าเหลยเฉียนฉือจะพบโอกาสที่ดีเช่นนี้
ขณะที่ความคิดของผู้คนกําลังหลั่งไหลนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]