สรุปตอน ตอนที่ 332 (II) ความมั่นใจของสมาชิกปร... – จากเรื่อง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet
ตอน ตอนที่ 332 (II) ความมั่นใจของสมาชิกปร... ของนิยายActionเรื่องดัง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
Sign in Buddha’s palm 332 (II) ความมั่นใจของสมาชิกประตูเซียน
“ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมานี้ เคล็ดวิชาที่ทรงพลังส่วนใหญ่ได้สูญหายไปนานแล้ว แม้ว่าจะมีมนุษย์สวรรค์กําเนิดขึ้น แต่จะเทียบกับศิษย์สาวกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างพวกเราที่มีทักษะสังหารมากมายได้อย่างไร?”แม้พวกเขาทั้งหมดจะเป็นเซียนเทพปฐพี แต่ก็มีความแตกต่าง มีทั้งระดับสูงและระดับต่ํา และเหล่าศิษย์สาวกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภายในประตูเซียนย่อมเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน พวกเขามีเคล็ดวิชาทรงพลังมากมายที่สืบทอดมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุด เซียนเทพปฐพีคนอื่นๆจะมาเทียบได้เช่นไร?
“ตามนั้น”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอ
“เอาล่ะ”
“ไม่ต้องเถียงกันแล้ว”
เสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากเทพธิดาไก่อิน นางมองไปยังเด็กหนุ่มซึ่งจ้องมองไปที่ความว่างเปล่า แล้วจึงกล่าวขึ้นว่า “หากไม่ใช่ช่วงที่วิหารการสงครามจะโผล่ขึ้นมา มันก็รวมเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของความว่างเปล่า หากไม่มีวิธีการจําเพาะ แม้แต่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดก็ไม่สามารถจับตําแหน่งของวิหารการสงครามได้”
“ข้าอยากจะรู้นักว่าทําไมเจ้าถึงคิดว่าจะหาตาแหน่งของวิหารการสงครามพบ?”
สายตาของเทพธิดาไท่อนฉายความอยากรู้อยากเห็นออกมา
วิหารการสงครามเป็นสมบัติพื้นที่มิติขนาดใหญ่พิเศษที่ได้รับการปรับแต่งโดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุด แม้จะไม่ใช่สมบัติล้ําค่า แต่ก็สูงค่ายิ่งกว่าสมบัติล้ําค่าโดยกําเนิดของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดบางคน เพื่อปรับแต่งวิหารการสงคราม เจ้าของวิหารการสงครามต้องเดินทางค้นหาไปทั่วโลก ยอมจ่ายทรัพยากรทั้งหมดเพื่อตามหาผลึกหินมิติที่มีขนาดเท่าภูเขา
ผลึกหินมิตินั้นเกิดขึ้นเฉพาะในพายุมิติด้านในส่วนลึกของความว่างเปล่า มีเพียงผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเท่านั้น จึงจะมีความสามารถในการฉีกช่องว่างเพื่อค้นหาผลึกหินมิติได้ แต่ผลึกหินมิติส่วนใหญ่อย่างมากก็มีขนาดไม่เกินกําปั้น
ส่วนผลึกหินมิติที่มีขนาดเท่าภูเขาพบเจอได้ไม่บ่อยนัก
วิหารการสงครามสร้างขึ้นจากหินมิติขนาดเท่าเนินเขาลูกเล็กๆ พื้นที่ที่อยู่ภายในไม่รู้ว่าเหนือกว่าสมบัติพื้นที่มิติอันอื่นๆ มากแค่ไหน
ทั้งนี้มันยังสามารถรองรับสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย หากกฎเกณฑ์ของโลกถูกถ่ายเทเข้าไป มันอาจจะพัฒนาเป็นโลกใบเล็กเหมือนประตูเซียนก็เป็นไปได้
“สบายใจได้”
“เคล็ดวิชาลับของข้านั้น ได้มาจากเจ้าของวิหารการสงคราม ที่สามารถสัมผัสหรือแม้กระทั่งเรียกวิหารการสงครามที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของความว่างเปล่าออกมาได้”
“ทว่า หากต้องการจะผลักดันทักษะลับนี้ให้ถึงขีดสุด อย่างน้อยความแข็งแกร่งก็ต้องไปถึงขั้นกลับคืนต้นกําเนิด กระนั้น หากเราทั้งห้าร่วมมือกัน ก็คงจะพอไปแตะถึงบริเวณขอบธรณีประตูของขั้นกลับคืนต้นกําเนิด และสามารถอัญเชิญวิหารการสงครามออกมาจากส่วนลึกของความว่างเปล่าได้”
เด็กหนุ่มไม่ได้ปิดบัง และพูดออกมาตามความจริง
“มันเป็นเช่นนี้นี่เอง”
เทพธิดาไท่อนกะพริบตา และไม่ได้ถามอีกฝ่ายว่าทําไมจึงมีทักษะที่เจ้าของวิหารการสงครามทิ้งไว้
“ต่อจากนี้ข้าจะสอนทักษะลับนี้ให้พวกเจ้า หลังจากคุ้นเคยกับมันแล้ว เราทั้งห้าจะช่วยกันกระตุ้นทักษะลับร่วมกัน”
เด็กหนุ่มรีบสอนทักษะลับให้กับทั้งสี่คนอย่างรวดเร็ว
ทักษะลับนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ออกจะเรียบง่ายเสียด้วยซ้ํา แต่ถ้าไม่ได้รับการถ่ายทอดจากเด็กหนุ่ม อีกสี่คนที่เหลือจะไม่มีวันเข้าใจทักษะลับนี้
“เอาล่ะ”
“มาเริ่มพร้อมๆ กันเถอะ”
เด็กหนุ่มนั่งขัดสมาธิ อีกสี่คนที่เหลือรวมถึงเทพธิดาไม่อินก็นั่งลงด้วย พลังภายในร่างก็เริ่มโคจรอย่างช้าๆ ในลักษณะที่ค่อนข้างพิเศษ
หวิ่ง!!!
ขณะที่ทั้งห้าคนใช้ทักษะลับร่วมกัน พวกเขาก็รู้สึกว่าจิตใจของพวกเขาเริ่มล่องลอยอย่างไร ขอบเขตและในทันทีที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆในอากาศ ก็ได้เข้ามาถึงส่วนลึกของความว่างเปล่า
“ที่นี่คือ?”
ม่านตาของเทพธิดาไท่อินและคนอื่นๆหดตัวลง ตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างอย่างรวดเร็ว
ท้ายที่สุด คนทั้งหมดก็เป็นเซียนเทพปฐพี จิตวิญญาณแรกกําเนิดได้รวมเข้ากับทะเลปราณตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้รู้สึกแปลกกับการเข้ามาในส่วนลึกของความว่างเปล่า
เพียงแต่ว่าตําแหน่งที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ทะเลปราณ แต่เป็นระดับที่ลึกกว่าในส่วนลึกของความว่างเปล่า
ไม่เช่นนั้น หากมังกรปีศาจยังคงมีชีวิตอยู่ จะเคลื่อนวิหารการสงครามออกมาได้อย่างไร?
ในเวลาเดียวกัน
ส่วนลึกของเกาะเทพเจ้าสายฟ้า ใต้รูปปั้นเทพเจ้าสูงร้อยจ้างเมื่อเทียบกับพลังของจิตวิญญาณแรกกําเนิดอันบริสุทธิ์หรือพลังจากกายเนื้อ พลังใหม่นี้ยิ่งใหญ่และสง่างามกว่า หากไม่ใช่เพราะการควบคุมที่ทําได้อย่างพอเหมาะของซูฉิน เกรงว่าในเวลานี้ทั้งเกาะเทพเจ้าสายฟ้าคงถูกพลังนี้บดขยี้ไปแล้ว
“การคาดเดาของข้าถูกต้องจริงๆ”
“หากต้องการเข้าสู่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด วิธีเดียวคือการยับยั้งการต่อต้านกันระหว่างพลังปราณเลือดและพลังจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วยพลังของอาณาเขต
จิตใจของซูฉินค่อยๆแปรผันไป เข้าควบคุมจิตวิญญาณแรกก่าเนิดและปราณเลือดในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
“เพียงแต่ว่าพลังปราณเลือดของข้านั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้พลังของอาณาเขตจะสามารถยับยั้งการต่อต้านของจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ แต่ความเร็วก็ลดลงไปเยอะทีเดียว……”
ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถ้าเขามีแค่กายแห่งธรรมชาติ อาศัยเพียงพลังจากอาณาเขตในตอนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเข้าสู่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิดในเวลาไม่กี่ปี
แต่น่าเสียดายที่ร่างกายของซูฉินไม่ใช่กายแห่งธรรมชาติธรรมดาๆ แต่เป็นร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองค่า ทั้งยังขัดเกลาภายในสระสายฟ้าโบราณมาระยะหนึ่งแล้ว เรียกได้ว่าอยู่ไกลเกินกว่าร่างกายธรรมดาๆ
พลังปราณเลือดที่เกิดจากร่างกายเช่นนี้สูงส่งเพียงใด? แม้จะได้รับผลจากพลังของอาณาเขตจริง แต่มันก็ช้าราวกับเต่าคลาน
“ดูเหมือนว่าจะต้องปรับปรุงอาณาเขตเสียแล้ว”
ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา คิดใคร่ครวญอยู่กับตนเองในตอนนั้นเอง
จิตใจของซูฉินก็ขยับวูบ และมองไปทางเทือกเขาคุนหลุน
“มีคนมาแตะต้องวิหารการสงครามงั้นหรือ?” ร่องรอยความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]