เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 34

สรุปบท ตอนที่ 34: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

อ่านสรุป ตอนที่ 34 จาก เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 34 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายAction เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

Sign in Buddha’s palm 34 ธุระ

ณ วัดเส้าหลิน

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนักต่างมารวมตัวกันอยู่ที่ลานธรรม

“ท่านเจ้าอาวาสเรียกพวกเรามา มีเรื่องอันใดหรือ?” หัวหน้าตำหนักยุทธสงฆ์มองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินแล้วถามอย่างสงสัย

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินใบหน้าประด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ฟังคำ “ข้ากำลังจะปลีกวิเวกปิดด่านฝึกตน เมื่อเป็นเช่นนั้นให้เรื่องราวภายในวัดเส้าหลินดำเนินการโดยการดูแลของฮุ่ยเจ๋”

ฮุ่ยเจ๋เป็นหัวหน้าตำหนักลานธรรมหรือก็คือหัวหน้าฝ่ายวินัย ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในสามระดับบนเป็นรองแค่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเท่านั้นในวัดเส้าหลินนี้

“ปลีกวิเวก?”

หัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์ตกใจ และพลันถามขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ “หรือท่านเจ้าอาวาสกำลังจะเตรียมตัวสำหรับการตัดผ่าน…”

หัวหน้าฝ่ายวินัยสงฆ์มองไปที่เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินด้วยสายตายากจะเชื่อ

“เมื่อเร็วๆ นี้…”

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินกำลังจะกล่าวคำ

ทันใดนั้น

ในเวลาเดียวกัน

บูม!!!

คลื่นพลังที่น่ากลัวพัดกระจายไปทั่วทั้งวัดเส้าหลิน หมู่ตึกวิหารต่างๆ พากันสั่นสะท้านเล็กน้อย

“เกิดอะไรขึ้น?”

“มีเหตุใดเกิดขึ้น?”

หัวหน้าตำหนักต่างหน้าเปลี่ยนสี รีบเดินกันออกมาจากลานธรรม

“มันคือที่ภูเขาด้านหลัง แรงสั่นสะเทือนมาจากพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง!”

หัวหน้าตำหนักยุทธสงฆ์ตัวสั่นเทา มองไปที่ภูเขาด้านหลังอย่างเคร่งเครียด

เมื่อมีคำกล่าวออกมา

หัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ รวมถึงเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเอง สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไปอีก

ตั้งแต่เหตุการณ์ที่‘อรหันต์ถัว‘ ปราบปรามมารพุทธะแล้วสะกดไว้ที่ภูเขาด้านหลัง พื้นที่แถบภูเขาด้านหลังก็กลายเป็นเขตหวงห้ามของวัดเส้าหลินไปตั้งแต่บัดนั้น

สถานที่หวงห้ามอื่นๆ เช่น หอคอยสะกดมาร และวิหารพระสหัสพุทธ แม้ว่าจะมีบางสิ่งเกิดผิดพลาดขึ้นมา ย่อมไม่ส่งผลใดต่อวัดเส้าหลินนอกเสียจากอาการปวดเศียรเวียนเกล้า

แต่ถ้าเกิดข้อผิดพลาดขึ้นในเขตหวงห้ามภูเขาด้านหลัง มันย่อมเป็นหายนะของวัดเส้าหลินอย่างแน่นอน

แค่เพียงผู้สืบทอดของมารพุทธะที่ปรากฏตัวทุกๆ หนึ่งร้อยปี ก็ทำให้วัดเส้าหลินหม่นหมองและเกือบจะถูกกวาดล้างไปสิ้น แล้วนับประสาอะไรกับตัวมารพุทธะจริงๆ จะไม่แย่กว่าอีกหรือ?

จนถึงตอนนั้น

ไม่ใช่แค่วัดเส้าหลินเท่านั้น เกรงว่าโลกทั้งใบจะกลายเป็นเพียงของเล่นที่อยู่ในมือของมารพุทธะไปเสีย

“เร่งรุดไปที่ภูเขาด้านหลังกันเถอะ!”

เจ้าอาวาสและเหล่าหัวหน้าตำหนักมองหน้ากัน สีหน้ามืดทะมึน

หากมารพุทธะหลุดออกมาจากพื้นที่ต้องห้ามได้จริงๆ แม้ต้องแลกด้วยชีวิต พวกเขาก็ต้องหยุดมารพุทธะเอาไว้ให้ได้

อย่างเร็วไว

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและสงฆ์รูปอื่นๆ ต่างเร่งความเร็วไปยังพื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลัง

อย่างไรก็ตาม

เมื่อเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักเงยหน้าขึ้นมองไปยังเขตแดนพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง

พวกเขาก็ได้เห็นฉากที่จะไม่ลบเลือนไปจากความทรงจำ

ภาพที่เห็นเป็นองค์ยูไลทองคำนั่งอยู่ท่ามกลางหมู่ดอกสาละสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานออกจากความว่างเปล่า ชำระพื้นที่ตรงนั้นให้กลายเป็นบริสุทธิ์ ปกคลุมไปทั่วเขตหวงห้ามภูเขาด้านหลัง

หวึ่ง!

สายตาของเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินเห็นองค์ยูไลยกฝ่ามือขึ้นแล้วค่อยๆ เหวี่ยงลงไปในส่วนลึกของพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลัง

“นี่คือ……”

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินอ้าปากกว้าง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

“ฝ่ามือยูไล สิ่งนี้คือฝ่ามือยูไล!!!”

หัวหน้าลานธรรมรู้สึกอื้ออึงอยู่ในหัว มองไปที่องค์ยูไลสีทอง เกือบจะก้มลงไปกราบอยู่รอมร่อ

“ฝ่ามือยูไลหายสาบสูญไปกว่าเก้าร้อยปีพร้อมการจากไปของอรหันต์ถัว แล้วตอนนี้มันคือ…..”

หัวหน้าลานธรรมพึมพำกับตนเอง “เป็นไปได้ไหมที่‘อรหันต์‘จะฟื้นชีพกลับคืนมา?”

“มันไม่ควรเป็นเยี่ยงนั้น”

เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินนิ่งเงียบเป็นเวลานานและกล่าวขึ้นว่า “หากแม้อรหันต์ถัวจะไม่ได้ล่วงลับไปเมื่อเก้าร้อยปีก่อน แต่ก็ไม่มีทางมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้”

เมื่อเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินกล่าวเช่นนั้น พวกเขาก็หยุดไปชั่วขณะแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “งั้นนี่ควรจะเป็นผู้อื่นที่กำลังใช้ฝ่ามือยูไลเพื่อสะกดมารพุทธะในตอนนี้…….”

เมื่อเขาถูกปราบลงแล้วส่งตัวไปกักขังอีกครั้ง คราวนี้ตัวมารพุทธะอาจจะถึงคราวจบสิ้นอย่างแท้จริง

เพราะถึงแม้ว่ามารพุทธะจะได้ละทิ้งกายหยาบด้วยอำนาจแห่งจิตวิญญาณแรกกำเนิด มันก็ไม่สามารถจะอยู่รอดไปได้นานกว่าสองพันปี ถึงกายละเอียดนี้จะเสื่อมถอยช้ากว่ากายหยาบหลายต่อหลายเท่า

“เจ้ามิอาจหลบหนีได้”

ดวงตาของซูฉินเยือกเย็น เขาเสมือนเป็นอรหันต์ถัวจากเมื่อเก้าร้อยปีก่อน มือขวายกขึ้นค่อยๆ กดลงมากขึ้นไปอีก

เสียงสนั่นกึกก้อง

ทั่วผืนฟ้านภาดินปกคลุมไปด้วยฝ่ามือสีทองเข้มแห่งองค์ยูไล

แยกออกเป็นแถวห้าสาย ฉีกกระชากกฎเกณฑ์ทั้งปวง

หมอกสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน ส่งเสียงกรีดร้องระงม ค่อยๆ ระเหยสลายหายไปจนหมด

ในขณะนี้ พลังของผนึกตราประทับโถมเข้ามารวมตัวกันอย่างไม่มีสิ้นสุด จุดเล็กๆ ที่มารพุทธะใช้ความพยายามในการทำลายอยู่กว่าเก้าร้อยปีถูกซ่อมแซมสร้างขึ้นใหม่ในทันที

ร่างจิตวิญญาณแรกกำเนิดของมารพุทธะถูกกดทับลงไปใต้ดินร่ำร้องคร่ำครวญแล้วค่อยๆ หายไปอย่างสมบูรณ์

“ในที่สุดก็จบลงแล้ว”

ซูฉินลดมือขวาลง ความรู้สึกที่สื่อถึงองค์ยูไลทองคำตรงกึ่งกลางคิ้วทั้งสองข้างสงบลง เขากลับมาหายใจได้โล่งสบายอีกครั้ง

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมองค์ยูไลทองคำองค์นี้ถึงสามารถระดมกำลังจากตราประทับของพื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลังได้อย่างง่ายดาย

แต่ตอนนี้ทุกสิ่งมันก็จบลงแล้ว

“กายเนื้อของข้าถูกปรับปรุงขึ้นอีกขั้นแล้ว”

ซูฉินที่รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตนก็มีความสุขมาก

แม้ว่าซูฉินจะไม่ได้ใช้พลังของตัวเองในยามนี้ แต่ด้วยผลพวงจากการแบกรับพลังของผนึกตราประทับเขตหวงห้าม ก็ไม่ต่างจาก ‘อรหันต์‘ ตัวเป็นๆ ใช้ฐานบ่มเพาะช่วยชำระเส้นเอ็นล้างไขกระดูกให้กับซูฉินด้วยตนเอง

หลังจบการต่อสู้ครั้งนี้ ผลประโยชน์ที่ซูฉินได้รับมีมากจนไม่สามารถจินตนาการได้

ถ้าซูฉินเป็นเพียงคนธรรมดา

ไม่แน่ว่าคงจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธในสามระดับบนได้ในก้าวเดียวจากสิ่งนี้

“โอ้ใช่”

“เกือบลืมทำธุระไปเลย”

ซูฉินเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่าง และกล่าวคำขึ้นในใจเงียบๆ

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]