เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 4

Sign in Buddha’s palm 4 กายวัชระไร้เทียมทาน!

ที่ลานอรหันต์ พระเณรหลายต่อหลายคนต่างก็พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ศิษย์พี่เจินซิ่งเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งในลานอรหันต์ของข้านี่แหละ ไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งเข้าสู่ระดับชั้นที่แปด เขาไม่มีปัญหาใดๆ แน่ในการบุกฝ่าค่ายกลทองแดงสิบแปดแถว”

“มิผิด พี่ชายเจินซิ่งเป็นถึงศิษย์ที่ทรงคุณค่าของท่านหัวหน้าตำหนักลานอรหันต์หลัวฮ่าน ว่ากันว่าเป็นคำสั่งของท่านเจ้าอาวาสที่สั่งให้ส่งเสริมศิษย์พี่ท่านนี้”

“เจินซิ่ง?”

ซูฉินนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็นึกได้

เจินซิ่งคนนี้เองเป็นศิษย์ที่เข้ามาสักการะวัดเส้าหลินเช่นเดียวกับซูฉิน แล้วก็เป็นศิษย์ในรุ่น “เจิน (จริงแท้)” เหมือนกัน

เพียงเพราะพรสวรรค์ด้านวิทยายุทธของเจินซิ่งนั้นสูงทีเดียว จนได้รับการยกย่องจากหัวหน้าลานอรหันต์ตั้งแต่แรก และเขาก็ถูกเทียบเชิญเข้าไปสู่ลานอรหันต์เป็นการส่วนตัว

แต่กับซูฉินเขาไม่มีพรสวรรค์ในวิทยายุทธจึงถูกโยนไปสังกัดลานจิปาถะในท้ายที่สุด

อาจกล่าวได้ว่าทั้งเจินซิ่งกับซูฉินนั้นอยู่คนละขั้วในวัดเส้าหลินโดยสิ้นเชิง คนแรกนั้นเฉิดฉายเป็นที่น่าจับตาส่วนอย่างหลังไม่เป็นที่รู้จักของใครนัก

“ศิษย์พี่เจินซิ่งเข้าร่วมกับวัดเส้าหลินมาได้เพียงห้าปีก็ขึ้นไปอยู่ชั้นที่แปดแล้ว สักวันเขาจะต้องกลายเป็นหัวหน้าตำหนักแน่ๆ!”

เณรอายุราวสิบสองสิบสามโพล่งออกมาด้วยความอิจฉา

เขาเข้ามาที่วัดเส้าหลินได้ก็สองถึงสามปีแล้ว แต่ก็อยู่แค่เพียงขั้นปรับแต่งกระดูกและกล้ามเนื้อ ไม่แม้แต่จะเข้าถึงขอบของระดับชั้นที่เก้าด้วยซ้ำ ไม่ต้องไปพูดถึงระดับชั้นที่แปดเลย จะไปถึงได้ยังไง?

ซูฉินยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้างเขาคนนั้น

ถ้าปล่อยให้เหล่าศิษย์ที่กำลังชื่นชมเจินซิ่งแล้วชื่นชมอีกแบบนี้ได้รู้ว่าคนที่คุณกำลังชื่นชมอยู่นั่นถูกทิ้งห่างไปไกลแค่ไหนเมื่อเทียบกับซูฉิน กลัวว่าศิษย์รอบข้างเหล่านี้คงทำได้แต่เพียงจ้องมองตาค้าง

เจินซิ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นที่ 8

แต่ซูฉินไปถึงชั้นที่ 4 แล้ว

ทั้งสองคนห่างไกลกันถึงสี่ชั้นใหญ่ๆ

ต่อให้มีเจินซิ่งอีกพันคนกรูกันเข้ามา มันก็ยังไม่กดดันซูฉินมากพอให้ใช้อะไรอย่างอื่นไปมากกว่าหลังฝ่ามือ

ศิลปะการต่อสู้ยิ่งฝึกฝนมากขึ้น ความต่างชั้นของพลังจะยิ่งเห็นได้ชัดในช่วงหลัง

ระดับชั้นที่เก้า สิบคน อาจจะเพียงพอต่อกรกับระดับชั้นที่แปดคนเดียว

แค่ถ้าจะให้ระดับชั้นที่ห้า สิบคน ไปจัดการกับระดับชั้นที่สี่เพียงคนเดียว นั่นคงเป็นได้แค่ฝันอันโง่เง่าเท่านั้น

ซูฉินย่อมไม่ได้ให้ความสนใจในตัวของเจินซิ่ง

สิ่งที่เขากำลังใคร่ครวญอยู่คือค่ายกลทองแดงของตำหนักลานอรหันต์ที่มีผลสามารถช่วยให้ศิษย์วัดทดสอบความแข็งแกร่งของตน

จากการบ่มเพาะอันยาวนาน ซูฉินเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาบ่มเพาะมากมายในวัดเส้าหลินนี้ และความแข็งแกร่งก็ขึ้นไปถึงระดับที่น่ากลัวอย่างชั้นที่สี่ แต่เขาไม่เคยเอาไปประลองกับใครเลย

ถึงจะเข้ามาที่ระดับชั้นที่สี่แล้ว แต่เขาก็ไม่รู้เลยว่าระดับชั้นที่สี่นี้มันทรงสักพลังแค่ไหน

ซูฉินรู้แค่ว่าเขานั้นแข็งแกร่ง แต่กลับไม่รู้ว่าแข็งแกร่งเพียงไหน

“ข้าควรจะลอบมาที่นี่ในตอนกลางคืน ตอนที่ไม่มีใคร”

ซูฉินหมุนตัวจากไป

ยามมืด

ซูฉินใช้ประโยชน์จากแสงจันทร์ในการนำทางเขามาสู่ด้านหน้าของค่ายกลทองแดง

“เริ่มล่ะนะ”

ซูฉินพุ่งตรงเข้าไปในขบวนค่ายกลไม่พูดไม่จา

หุ่นทองแดงในค่ายกลทองแดงเป็นสิ่งประดิษฐ์ของตำหนัก แต่ละตัวไม่ใช่คนจริงๆ แล้วก็ไม่มีใครคอยควบคุมอยู่ด้านข้างค่ายกลเหล่านี้

เพราะแบบนั้นเองซูฉินจึงตั้งใจจะใช้ที่นี่เป็นที่ทดสอบความแข็งแกร่ง

ร่างหุ่นทั้งสิบแปดคล้ายเป็นร่างเงาทองแดงและเหล็กแข็งผลุบโผล่อย่างรวดเร็วล้อมรอบตัวเขา

“หืม?”

“ปวกเปียกเกินไป เชื่องช้าเกินไป”

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย ความคิดเคลื่อนคล้อย ปล่อยนิ้วออก ชี้ไปเบื้องหน้า ราวกับองค์ยูไลกำลังแย้มยิ้ม

ดัชนีบุปผาร่วงโรย!

ทันใดนั้นเอง

ร่างหุ่นทองแดงทั้งสิบแปดต่างกระเด็นถอยกลับแล้วล้มลงไปกับพื้นอย่างรุนแรง

ตอนช่วงกลางวัน เจินซิ่งใช้ความแข็งแกร่งออกไปมากมายเพื่อที่จะฝ่าด่านค่ายกลทองแดงสิบแปดแถว แต่เปลี่ยนมาเผชิญหน้ากับซูฉิน เขาคงไม่มีทางที่จะรอดไปได้แน่แม้จะเป็นเวลาเพียงครู่เดียว

“ความแข็งแกร่งระดับนี้มันอ่อนแอเกินไปที่จะตรวจวัดความก้าวหน้าของข้าได้”

ซูฉินยังคงเคลื่อนตัวต่อไปด้านใน

หลังจากค่ายกลทองแดงสิบแปดแถว จะมีค่ายกลทองแดงสามสิบหกแถวอยู่

ผู้เชี่ยวชาญวิทยายุทธระดับชั้นที่แปดสามารถที่จะบุกฝ่าค่ายกลทองแดงสิบแปดแถว แต่ถ้าต้องการจะบุกฝ่าค่ายกลทองแดงสามสิบหกแถวล่ะก็ จำเป็นต้องอยู่ในระดับชั้นที่เจ็ด

สำหรับค่ายกลทองแดงเจ็ดสิบสองแถว หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นที่หกอย่าหวังว่าจะได้ลิ้มลองเลย

โดยทั่วไปแล้วนั้นคงมีเพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นที่ห้าเท่านั้น ที่สามารถมั่นใจได้ว่าจะผ่านค่ายกลทองแดงเจ็ดสิบสองแถวไปได้

อย่างสุดท้าย ค่ายกลทองแดงร้อยแปดแถว จึงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นที่สี่จึงจะมีคุณสมบัติพอ

กระนั้นค่ายกลทองแดงร้อยแปดแถว เป็นการเปรียบเปรยถึงดวงดาวแห่งสวรรค์และอสูรบนผืนพิภพ มันถูกสร้างทิ้งไว้โดยสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ในยุคหนึ่งของวัดเส้าหลิน แน่นอนว่าระดับชั้นที่สี่ทั่วๆ ไป ไม่สามารถอยู่ด้านในค่ายกลได้นานนัก

เฉพาะเหล่าระดับชั้นที่สี่ขั้นสูงสุดหรือไม่ก็ผู้เชี่ยวชาญที่ใกล้จะถึงขอบเขตชั้นที่สามเท่านั้นถึงจะสามารถผ่านค่ายกลทองแดงร้อยแปดแถวไปได้

ครืนนนน !!!

ซูฉินยังคงก้าวเดินต่อไป พลังภายในที่น่าหวาดหวั่นปะทุออกมา หุ่นทองแดงทั้งสามสิบหกที่เพิ่งจะเข้ามาประชิดตัวถึงกับเกือบจะแตกกระจาย

“ถัดไป”

ซูฉินเดินเข้าไปลึกขึ้นอีก

ฟู่วว!!!

ถัดจากนั้น

เขาเห็นร่างเงาสีเงินและทองแดงทั้งเจ็ดสิบสองตัวปรากฏขึ้นใกล้ๆ ซูฉินราวกับภูติผี

“นี่คือค่ายกลทองแดงเจ็ดสิบสองแถวอย่างงั้นน่ะหรอ?”

ซูฉินค่อนข้างจะผิดหวังอยู่หน่อยๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]