Sign in Buddha’s palm 41 เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
“ถะ…ท่านปู่ เมื่อครู่นี้ เราเพิ่งเจอผีกันไปรึ?”
เด็กชายพูดติดอ่าง ฟันสั่นกระทบเข้าหากัน
ยิ่งรู้น้อยเท่าไหร่ ชีวิตก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ก็เหมือนกับตอนแรกที่เด็กน้อยไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยจึงไม่รู้สึกกลัว แต่ตอนที่ปู่ของเขาได้กล่าวเตือนสติมาแล้ว จะให้เขาทำตัวแบบเดิมอยู่ได้เยี่ยงไร
“ปู่ก็ไม่รู้หรอกว่าเราได้เจอผีเข้าให้แล้วหรือเปล่า”
“แต่คิดว่าเราได้พบกับผู้เชี่ยวชาญวิทยายุทธเข้าแล้วจริงๆ…”
ใบหน้าของชายชราเริ่มสงบลงมากขึ้น เขาหันไปมองเด็กน้อยแล้วพูดว่า “อีกอย่าง เหมือนชายคนนั้นจะกล่าวอะไรบางอย่างเอาไว้ด้วยสินะ?”
“เขากล่าวว่าอะไรกันนะ?”
เด็กชายตัวเล็กนิ่งคิดแล้วกล่าวตอบออกไปอย่างไม่รู้ตัว “เขากล่าวว่า หิมะจะตกหนักในเร็วๆ นี้ ให้พวกเรารีบกลับบ้านเสีย”
“หิมะตกหนัก?”
ชายชรามองขึ้นไปบนฟ้าแล้วกล่าวออกมาอย่างไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย “รีบกลับกันเถอะ และอย่าได้ออกไปข้างนอกอีก”
…
…
ที่ตีนเขาหวู่หนาน
ซูฉินหยุดฝีเท้าแล้วมองไปที่ภูเขาลูกแรกของยงโจว (ภูมิภาคยง)
ซูฉินไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะตอนเขาถามทางคู่ปู่หลานพวกเขาดูกลัวเอามากๆ
“นี่คือภูเขาหวู่หนานรึ?”
ซูฉินใช้ดวงตาแห่งสัจจะกวาดตามองช้าๆ
ด้วยดวงตาแห่งสัจจะ เขามองภูเขาหวู่หนานทั้งลูกและเห็นพลังฉีแผ่ออกมาทีละจุดๆ
ดวงตาแห่งสัจจะนั้นมีความสามารถในการมองทะลุไปถึงพลังฉีทั้งหมด
‘พลังฉี‘ คือสิ่งใด?
พลังฉีเป็นสสารที่เกิดจากการพันเกี่ยวกันระหว่างร่างกายและจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิต
คนธรรมดาก็มีพลังฉี ผู้ฝึกยุทธก็มีพลังฉี และแม้แต่ ‘อรหันต์‘ ก็มีพลังฉี
พลังฉีคือสิ่งที่แสดงเอกลักษณ์บางอย่างของบุคคล อาทิ พลังฉีของผู้ฝึกยุทธสายมารจะมืดมนและชั่วร้าย
ในตอนนี้ซูฉินเห็นว่าในส่วนลึกของภูเขาหวู่หนานเต็มไปด้วยกลิ่นอายของจอมยุทธฝ่ายมารเต็มไปหมด
“มันควรจะเป็นที่นี่”
ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย
ถ้าศัตรูของตระกูลซูอย่าง ‘เหยียนหั่ว‘ กลายเป็นผู้คุมกฎของพรรคมารจริงๆ เขาจะต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ
“ดูจากพลังฉีเหล่านี้แล้ว คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่ถึงระดับชั้นที่หนึ่งเลย”
เพียงกวาดสายตาครู่เดียวซูฉินก็ทราบได้
ภายใต้การสังเกตจากดวงตาแห่งสัจจะ แม้ว่าจะเป็นตัวตนระดับ ‘อรหันต์‘ ก็ยังยากที่จะซ่อนตัวจากซูฉิน
นอกจากนั้น ถ้าพรรคมารมีระดับตำนานยุทธอยู่จริง แล้วพวกมันจะถูกบีบให้ถอยร่นกลับมายังยงโจวได้อย่างไร?
เพื่อป้องกันการเข้าใจพลาด ซูฉินยังคอยสังเกตต่อไปอีกชั่วโมงจนยืนยันแน่แล้วว่าไม่มียอดฝีมือคนใดในเขาหวู่หนานที่จะสามารถคุกคามเขาได้ ก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนเขาอย่างช้าๆ
หลังจากนั้นไม่นาน
ซูฉินหยุดชะงักทันทีที่ขึ้นไปได้ครึ่งทาง
“นี่คือที่ตั้งของพรรคมาร ใครบุกรุกเข้ามาต้องนอนทอดร่างเป็นซากศพ!”
ชายฉกรรจ์สองคนเข้ามาปิดทาง แล้วมองมาที่ซูฉินอย่างมุ่งร้าย
สังเกตจากกลิ่นอายพลังฉี พวกเขาน่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธที่เพิ่งจะเข้าสู่ระดับขั้น
“ข้ากำลังตามหา ‘เหยียนหั่ว‘ ”
ซูฉินกล่าวออกอย่างใจเย็น
“ผู้คุมกฎเหยียน?”
ทั้งสองมองหน้ากัน การแสดงออกของพวกเขากลายเป็นนอบน้อมขึ้นทันที
แม้ไม่รู้ว่าพระหนุ่มรูปนี้เกี่ยวข้องกับผู้คุมกฎเหยียนอย่างไร
แต่ผู้คุมกฎเหยียนก็เป็นหนึ่งในผู้คุมกฎพรรคมาร และไม่ใช่คนที่พวกเขาจะไปยั่วยุได้
นอกจากนี้ซูฉินยังเรียกชื่อ ‘เหยียนหั่ว‘ ออกมาตรงๆ ซึ่งเป็นชื่อเต็ม…
“เจ้ารอที่นี่ก่อน”
ชายคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไป
…
ในส่วนลึกของเขาหวู่หนาน
ในห้องโถงแห่งหนึ่ง
มีกลุ่มคนมากกว่าโหลกำลังนั่งรวมตัวกันภายใน
คนทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นจอมยุทธในสามระดับบนที่แฝงตัวอยู่
“เหยียนหั่ว เจ้าก้าวเข้าสู่สามระดับบนและกลายมาเป็นผู้คุมกฎของพรรคมารของพวกเรา เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่พรรคมารจะช่วยเจ้าแก้ปัญหาเกี่ยวกับตระกูลซู”
ชายคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุดมองลงไปยังร่างที่อยู่เบื้องล่างตนและกล่าวคำช้าๆ
“รองหัวหน้าตระกูลซูสังหารพี่ชายข้า เลือดต้องล้างด้วยเลือด ความเป็นปรปักษ์ระหว่างข้าและตระกูลซูจะคงอยู่ตลอดไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]