Sign in Buddha’s palm 85 ค่ายกลสวรรค์เขตแดนพิสุทธิ์
“แต่ว่า”
“สิ่งใดในยุทธภพกันแน่ที่สามารถสร้างอันตรายถึงแก่ชีวิตให้กับเฉียนขู่ได้?”
ซูฉินรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ซูฉินมีสถานะเป็นถึงระดับอรหันต์อันสูงส่ง ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในวัดเส้าหลินก็เหมือนเขานั่งมองดูฝ่ามือของตนเอง
ยามเมื่อเฉียนขู่ออกจากวัดเส้าหลินไปท่องยุทธภพ หัวหน้าลานธรรมก็หายตัวไปจากวัดเส้าหลินด้วย
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าลานธรรมได้รับคำสั่งจากเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินให้ติดตาม ‘เฉียนขู่‘ เพื่อปกป้องเขาอย่างลับๆ
รู้หรือไม่ตอนนี้นอกเหนือจากเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน คนที่แข็งแกร่งในวัดเส้าหลินก็มีเพียงปรมาจารย์ระดับชั้นที่สองอีกแค่สองคน
การที่จะแบ่งใครสักคนไปเพื่อคุ้มครองเฉียนขู่ก็ถือว่าเต็มกลืนแล้ว
ความเป็นจริงแล้วถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินไม่สามารถออกจากวัดได้ จำเป็นต้องอยู่ประจำที่วัดเส้าหลิน เขาก็คงต้องตามไปคุ้มครองเฉียนขู่ด้วยตัวเอง
เนื่องจากเฉียนขู่มีความสำคัญต่อวัดเส้าหลินมาก
แต่กระนั้น ถึงจะมีปรมาจารย์ระดับชั้นที่สองลอบเร้นติดตามเฉียนขู่ไป ก็ยังเกิดบางสิ่งกระตุ้นเจตจำนงดาบด้านในดาบไม้ขึ้นมาได้…
ด้วยเหตุนี้ซูฉินจึงให้ความสนใจอยู่บ้าง
แต่ถึงจะสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมันอย่างจริงจังมากนัก
“น่าเสียดาย”
“ไม่ว่าจะเป็นเจตจำนงแห่งดาบหรือจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ต้นกำเนิดมันล้วนมาจากข้าทั้งหมด หากวันใดข้าสิ้นลมไป ทั้งเจตจำนงดาบและจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์คงมลายสิ้น”
ซูฉินถอนหายใจเบาๆ
นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมวัดเส้าหลินซึ่งมีมานานหลายพันปี มีอรหันต์กำเนิดขึ้นก็จำนวนมาก แต่ยังคงเสื่อมถอยลงๆ จนมาถึงยุคนี้
บางที ยามเมื่ออรหันต์คงอยู่ วัดเส้าหลินก็เรืองอำนาจจนไม่มีใครกล้ายั่วยุ แต่เมื่ออรหันต์มรณภาพไปแล้ว ทุกอย่างก็แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความแข็งแกร่งของตนเองก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ…”
ซูฉินทอดถอนใจด้วยอารมณ์ความรู้สึก
ถ้ามีความแข็งแกร่งเท่าองค์ยูไลทองคำ จะยังมีอะไรในโลกนี้ที่ยากลำบากอีกหรือ?
เมื่อนึกได้แบบนั้น ซูฉินก็กลับไปหมกมุ่นอยู่กับการบ่มเพาะอีกครั้ง
นับตั้งแต่เข้าสู่ระดับนภาชั้นที่สาม ความก้าวหน้าในการบ่มเพาะของซูฉินก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ที่บอกว่า‘ช้าลง‘ ก็ยังเทียบเท่าได้กับความเร็วตอนบ่มเพาะขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นอยู่ดี
หากเทียบกับอรหันต์รูปอื่นๆ ภายในวัดเส้าหลินหรือตำนานยุทธคนอื่นๆ ความเร็วในการฝึกของซูฉินยังคงเร็วจนน่าประหลาดใจ
ฮู่!
ชี่!
ระหว่างที่ซูฉินบ่มเพาะ ภายในพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลังก็เหมือนกำลังสั่นไหวไปพร้อมๆ กับจังหวะหายใจของเขา
…
เวลาผ่านเลยไป
หนึ่งวันต่อมาที่ลานธรรม
เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนักมารวมตัวกันอีกครั้ง
“จดหมายจากฮุ่ยจื๋อบอกว่า ‘เฉียนขู่‘ ถูกโจมตีโดยยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งระหว่างเดินทาง!”
เจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินมองไปที่หัวหน้าตำหนักแล้วกล่าวคำด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ฮุ่ยจื๋อเป็นหัวหน้าลานธรรมและเขาก็เป็นศิษย์รุ่น ‘ฮุ่ย‘ เช่นเดียวกับเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวิน
หัวหน้าลานธรรมแอบติดตามเฉียนขู่ออกจากวัดเส้าหลินไป ศิษย์สาวกคนอื่นอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่เหล่าหัวหน้าตำหนักรู้เรื่องนี้ดี
นี่เป็นผลจากการหารือระหว่างเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและเหล่าหัวหน้าตำหนัก
แม้ว่าวัดเส้าหลินจะเป็นสุดยอดพรรคในยุทธภพและกลุ่มนิกายทั่วๆ ไปไม่กล้ายั่วยุวัดเส้าหลิน แต่พวกเขาก็ต้องสร้างความแน่ใจเผื่อในกรณีที่ไม่คาดฝัน…
ด้วยพรสวรรค์ของเฉียนขู่และคำชี้แนะจากซูฉิน อาจจะไม่ต้องถึงขนาดที่สามารถไปถึงระดับอรหันต์ได้ แต่อย่างน้อยๆ เขาก็จะไปถึงจุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่งได้เหมือนอย่างราชครูแห่งเหมิ่งหยวนหรือไม่ก็นักพรตจางแห่งเขาหวู่ตั้งเป็นแน่
วัดเส้าหลินจะสามารถละทิ้งอัจฉริยะที่กว่าจะมีสักคนในรอบหลายร้อยปีเช่นนี้ไปได้เช่นไร?
อย่างไรก็ตามเหล่าหัวหน้าตำหนักไม่คาดคิดว่าด้วยการเตรียมการป้องกันทั้งหมดจากพวกเขา เฉียนขู่ก็ยังตกอยู่ในอันตรายจากการออกไปท่องยุทธภพอีก
“ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง?”
“ยอดปรมาจารย์คนใดกัน ถึงขนาดกล้าสังหารบุตรศักดิ์สิทธิ์ของวัดเส้าหลิน?”
หัวหน้าตำหนักยุทธสงฆ์โกรธจัดและลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน
ใบหน้าของหัวหน้าตำหนักคนอื่นๆ ก็ดูบิดเบี้ยวเช่นกัน
ในมุมของพวกเขา การที่เฉียนขู่เผชิญหน้ากับยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง คงจะไม่รอดชีวิตเป็นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]