ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวชุ่นก็ค่อนข้างจะระอา
ไม่ใช่ว่าเขาหยิ่งยโส เหยียนหวงสิบสามเข็มต้องสอดประสานกันกับชี่ทิพย์ถึงจะเกิดผลที่น่ามหัศจรรย์ และเส้นทางการฝึกฝนนั้นค่อนข้างยาก ไม่เพียงต้องใช้เวลา แต่ยังต้องการใช้โอกาสและพรสวรรค์ โจวชูชิงในตอนนี้ก็อายุหกสิบแล้ว นั้นก็หมายความว่าเขาไม่มีพรสวรรค์นี้ แล้วยังจะให้ความหวังเขาอีกทำไม
โจวชูชิงอึ้งไปชั่วขณะ ยิ้มอย่างขมขื่น“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ลำบากใจคุณ ”
พูดจบเขาก็หยิบนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า“นี่เป็นนามบัตรของผม ต่อไปหากมีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ ก็ขอให้บอกได้เลย”
เซียวชุ่นรับนามบัตรมา กวาดตามองอย่างรวดเร็ว เก็บใส่ลงในกระเป๋าแล้วตอบเสียงเบา“ครับ”
หลังจากที่อาการป่วยของหนูน้อยคงที่ หมอที่อยู่ในห้องคนไข้ต่างก็แยกย้ายกันออกไป เหลือเพียงพยาบาลคนหนึ่งที่คอยดูแล
หวางเฟิงรู้สึกขอบคุณเซียวชุ่นอีกครั้งเป็นอย่างมาก
เซียวชุ่นกับเหยาเสินนั่งพักกันอยู่ในห้องคนไข้ชั่วครู่จากนั้นก็บอกลาหวางเฟิง แล้วเตรียมกลับบ้าน
บนรถ
เซียวชุ่นหลับตาและเอนหลังพิงพนัก ใบหน้าเหนื่อยล้า วันนี้รู้สึกอิดโรยเป็นอย่างมาก ร่างกายราวกับถูกสูบพลังงานไปทั้งหมด
“คุณโอเคไหม?” เหยาเสินหันมาถาม
“เป็นห่วงผมเหรอ?”เรียวปากเขาฝืนยิ้มออกมา
“ขี้เกียจจะสนใจคุณล่ะ”เหยาเสินเห็นอาการกวนๆของเขา ใบหน้าที่สวยงามก็เย็นชา พูดอย่างไม่สบอารมณ์
ตอนที่คนทั้งสองกลับมาถึงบ้านหลิวหยุนเซียงก็ได้เตรียมอาหารเสร็จแล้วและกำลังรอพวกเขากลับมากันอยู่
รู้ว่าที่บริษัทของเหยาเสินมีเรื่องเกิดขึ้น เห็นเธอกลับมา หลิวหยุนเซียงก็รีบเดินเข้ามาหาแล้วรับกระเป๋าจากมือเธอมาพลางถามว่า“ เรื่องที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง?”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ”วิ่งวุ่นมาทั้งวัน เหยาเสินก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย พูดเสียงแผ่วเบา
“งั้นก็ดีแล้ว ”
หลิวหยุนเซียงหันไปหาเซียวชุ่น สั่งอย่างเจ้ากี้เจ้าการ“แกไปซักผ้าที่ฉันวางไว้วันนี้ด้วย ซักเสร็จแล้วแกค่อยมากินข้าว”
“ผมรู้สึกเหนื่อย และหิวมาก กินเสร็จแล้วค่อยว่ากันนะครับ ”
เซียวชุ่นนั่งลงที่โต๊ะอาหาร พูดอย่างอ่อนแรง
“เซียวชุ่น นี่แกกล้ายอกย้อนเหรอ ? ชักสีหน้าให้ใครดูกัน ? ปรกติก็กินฟรีอยู่ฟรี ใช้งานแกนิดหน่อย ทำไม ? ไม่พอใจหรือไง?”
หลิวหยุนเซียงจิกกัดและพูดโวยวาย
เพลิงพายุที่อยู่ในอกของเซียวชุ่นก็โหมขึ้น ลุกยืนขึ้นในทันที และจ้องเขม็งมองเธอ
คำพูดจิกกัดของหลิวหยุนเซียงยังคงไม่หยุด ทำเอาความโกรธที่มีของเซียวชุ่นลุกโชน ลุกขึ้นยืนในทันทีและจ้องเขม็งมองเธอด้วยสายตาที่ดุดัน
หลิวหยุนเซียงยืนอึ้งอยู่กับที่ในทันที
“นี่ไอ้สวะอย่างแกกล้าดียังไง ยังมายืนจ้องหน้าฉันอีก ทำไม ? จะทำร้ายฉันเหรอ ? ก็มาสิ ลองทำอะไรฉันดู?”
เธอชูคอแล้วขยับเข้าหาเซียวชุ่น พูดโวยวาย
“เซียวชุ่น นายยิ่งอยู่ก็ยิ่งไม่รู้กาลเทศะมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าไม่ได้แล้วใช่ไหม?”เหยาเจี้ยนกั๋วก็พูดตำหนิด้วยเช่นกัน
เหยาเสินรีบเข้ามาดึงหลิวหยุนเซียงออกแล้วพูดไกล่เกลี่ย “แม่ แม่ค่ะ พอเถอะนะ วันนี้ที่บริษัทเขาก็ช่วยงานหนูไปไม่น้อย หนูหิวมากแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ”
พูดจบเธอก็เหลือบไปมองเซียวชุ่น ดุเสียงเบา“นายก็ไปนั่งลง กินข้าว”
วันนี้ผู้ชายคนนี้กินยาผิดไป หรือไม่ได้เขย่าขวดกัน ? ปกติก็เชื่อฟังคำสั่ง กับหลิวหยุนเซียงก็อยู่ในโอวาทตลอด วันนี้ทำไมถึงได้ฉุนเฉียวแบบนี้ เถียงคำไม่ตกฟากเชียว?
คงไม่ใช่เพราะเมื่อช่วงเช้าที่คุณปู่รองประกาศว่าจะให้เราแต่งงานกับตระกูลซุนจนทำเขาไม่พอใจหรอกนะ ?
เหยาเสินรู้สึกสงสัยในใจ
เซียวชุ่นกักเก็บความโกรธที่มีในใจ นั่งลงอีกครั้ง กับหญิงปากร้ายมีอะไรให้ต้องเก็บมาใส่ใจ หน้าตาแบบนี้ของเธอใช่ว่าจะเพิ่งเคยเจอซะเมื่อไรกัน
แต่ระยะเวลาสามปี จะว่านานก็ไม่นาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้น ความอึดอัดที่สะสมมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็ได้ระเบิดออกมา ความกรุ่นโกรธที่ปะทุขึ้น แทบจะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...