หลังจากที่กลับมายังออฟฟิศของเหยาเสินแล้ว เซียวชุ่นก็แทบจะทนรอไม่ได้ที่จะพูดถึงความคิดนี้กับเหยาเสิน
เหยาเสินเห็นว่าเป็นเรื่องที่หาดูได้ยากที่เขาจะแสดงความกระตือรือร้นออกมาได้ขนาดนี้กับเรื่องๆหนึ่ง อีกทั้งข้อเสนอนี้ก็สามารถดำเนินการได้จริงๆ จึงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“แต่ตอนนี้จะถึงช่วงตรุษจีนแล้ว สร้างโรงเรียนไม่ใช่ว่าแค่ใช้ปากพูดก็จะสำเร็จนะ ที่ตั้งโรงเรียน ทีมก่อสร้าง ขั้นตอนของการประกอบกิจการของโรงเรียน รับสมัครครู และเรื่องอีกมากมายที่ต้องทำ ไม่อย่างนั้นช่วงก่อนตรุษจีนเราก็วางแผนกันเสียก่อน แล้วหลังจากช่วงตรุษจีนค่อยว่ากันอีกที?” เหยาเสินเอ่ยขึ้น
เซียวชุ่นไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง พลางเอ่ยขึ้นอย่างครุ่นคิด : “เรื่องนี้ให้ผมทำก็แล้วกัน คุณไม่ต้องสนใจหรอก ยังไงผมก็เป็นเถ้าแก่ ต้องทำอะไรเพื่อเป็นการอุทิศตัวมีส่วนร่วมบ้างสิ”
“ได้ ขอแค่คุณอย่ามาระเบิดโรงงานของเรา คุณจะทำอะไรก็ตามใจคุณ” เหยาเสินเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
คนๆนี้ในแต่ละวันไม่เคยทำอะไรจริงๆจังๆเลย ตอนนี้เขาคิดอยากจะหาอะไรทำ เหยาเสินก็ตามเขาอยู่แล้ว
หลังจากที่เซียวชุ่นกลับมายังออฟฟิศตัวเอง ก็โทรหาจวงจิน
“คุณเซียว มีคำสั่งอะไรหรือเปล่าครับ?” จวงจินเอ่ยพูดขึ้นด้วยความกลัวและระมัดระวัง
“ผมอยากจะสร้างโรงเรียนข้างๆโรงงานของเรา หลังช่วงตรุษจีนไปก็จะต้องการใช้แล้ว ลูกน้องคนไม่ใช่ว่ามีเป็นหลายพันคนเหรอ มอบหมายเรื่องนี้ให้คุณ สามารถจัดการได้ไหม?” เซียวชุ่นเอ่ยขึ้น
“ไม่มีปัญหาครับ สมาคมชิงจุนมีทีมก่อสร้างอยู่ คนก็ยิ่งไม่มีปัญหาเลย ถึงตอนนั้นดูว่าคุณจะต้องการสร้างโรงเรียนขนาดไหน ผมก็จะส่งคนไปตามนั้น รับประกันว่าจะเสร็จสิ้นภายในหนึ่งเดือนครับ” จวงจินตีลงบนหน้าอกตัวเองเป็นการรับประกัน
“ถ้าอย่างนั้นก็มอบหมายให้คุณแล้วกันนะ ความจริงแล้วก็ไม่ต้องใช้คนเยอะมากหรอก ที่สำคัญคือจะต้องทำงานออกมาให้ดีที่สุด และต้องรักษาคุณภาพและปริมาณ ช่วงเทศกาลตรุษจีนค่าแรงเป็นสามเท่า ถึงตอนนั้นคุณเอาบิลให้ผมก็ได้”
ตอนนี้สำหรับเซียวชุ่นแล้วเงินคือตัวเลขชุดหนึ่งเท่านั้น เขาไม่แคร์ว่าจะใช้จ่ายเงินเท่าไหร่ ที่ต้องการก็คือประสิทธิภาพ
“จะให้คุณต้องมาเสียเงินได้เสียที่ไหนกันล่ะครับ คุณเพียงแค่สนใจที่จะมอบหมายมาให้ผมก็พอ”
“คนละเรื่องกันเลย”
จวงจินก็ไม่ได้บอกปัดอีก หลังจากนั้นสองชั่วโมง เขาก็พาช่างสองคนผู้รับผิดชอบบริษัทก่อสร้างที่อยู่ภายใต้สมาคมชิงจุนมาปรากฏตัวที่สตาร์ไลท์บีโอ
เลือกพื้นที่ว่างในโรงงานแล้ว เซียวชุ่นก็เอาเรื่องนี้ส่งต่อให้พวกเขา
เพราะถึงอย่างไรตัวเองก็ไม่เข้าใจอยู่แล้วเช่นกัน เขาชอบเป็นคนที่คอยออกคำสั่งมากกว่า
......
วันที่ยี่สิบห้าเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติ
บรรยากาศช่วงเทศกาลตรุษจีนก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้น
เรื่องของบริษัทโดยทั่วไปแล้วจัดการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดเหยาเสินก็รู้สึกผ่อนคลายลง
ช่วงเวลาอาหารเย็น ทุกคนในครอบครัวนั่งล้อมรอบโต๊ะกันอย่างมีความสุข
หลังจากที่เหยาเจี้ยนกั๋วกับหลิวหยุนเซียงได้มาพบเห็นเช็คสองพันล้านแล้ว ตอนนี้ก็แทบอยากจะเอาเซียวชุ่นแขวนบูชาไว้บนกำแพงแล้ว
ช่วงเทศกาลตรุษจีนไม่ต้องไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ไหว้เขาก็พอแล้ว
โดยเฉพาะหลิวหยุนเซียง ตอนนี้นึกกลับไปเมื่อก่อนปฏิบัติกับเซียวชุ่นอย่างไรก็รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“มา ลูกเขย ดื่มน้อยๆหน่อย อย่าเลียนแบบพ่อแกเลย กินปูดีกว่า”
หลิวหยุนเซียงคีบปูส่งให้ในจานของเซียวชุ่น ยิ้มแล้วมองเขา เซียวชุ่นถูกเธอมองเสียจนขนลุก เขาหันไปมองเหยาเสินแวบหนึ่ง เหยาเสินยักไหล่ขึ้นด้วยใบหน้าที่จนปัญญา
“ขอบคุณครับแม่” เซียวชุ่นหัวเราะเบาๆ
“ขอบคุณอะไรกัน ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ขอบคุณกันไปมา รู้สึกไม่คุ้นเลย” หลิวหยุนเซียงเอ่ยขึ้น
เซียวชุ่นยิ้มเล็กน้อยพลางพยักหน้าลง
หลิวหยุนเซียงเอ่ยขึ้นต่อ : “ฉันกับพ่อแกปรึกษากันแล้ว วันที่สามสิบเป็นวันครบรอบวันเกิด90ปีของคุณตาเหยาเสินพอดี เมื่อก่อนมักจะรีบกลับไปเลี้ยงวันเกินคุณตาของเหยาเสิน แล้วค่อยรีบกลับมาฉลองปีใหม่กันที่บ้านบรรพบุรุษตระกูลเหยา ปีนี้พวกเราไม่ต้องไปที่ตระกูลเหยาแล้ว พวกเราไปฉลองวันส่งท้ายปีกันที่บ้านของคุณตาเสินเหยา สองวันนี้ก็จะออกเดินทาง พวกแกสองคนยังมีธุระอื่นอีกหรือเปล่า?”
พูดถึงตระกูลเหยา สีหน้าของเหยาเจี้ยนกั๋วก็ดูซับซ้อนอยู่บ้าง
เวลาปกตินั้นก็ยังดีอยู่ เดิมทีเขาก็ดูถูกบรรยากาศพวกปากหวานก้นเปรี้ยวของตระกูลเหยาในตอนนี้
แต่พอถึงช่วงนี้ที่เป็นเทศกาลตรุษจีน พอพูดถึงว่าไม่ต้องไปฉลองปีใหม่แล้ว ในใจก็รู้สึกโหรงเหรง ดูเหมือนกับไม่มีรากฐานอย่างไรอย่างนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...