“ดูซิคุณชายเซวมีมารยาทขนาดไหน แล้วดูแกซิ เทียบกันแล้วนี่สมควรตายจริงๆ” หลิวหยุนเซิ่งเอ่ยพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม
“พี่เซว พี่อย่าไปเรียกเขาว่าพี่เซียวเลย เขาเป็นแค่คนขี้ขลาดไร้ความสามารถคนหนึ่ง เป็นพี่ของพี่ไม่ได้หรอก” โจวหมิงเต๋อลูกชายของหลิวหยุนเซิ่งที่อยู่ข้างๆมองเซียวชุ่นอย่างดูถูก
ในทุกๆปีก็ล้วนแต่เป็นการแสดงละครเหมือนเดิม คนตระกูลหลิวไม่เคยจะเบื่อเลย เหยียบเซียวชุ่นเหมือนกับกลายเป็นรายการที่เขาต้องการให้ได้ในช่วงปลายปีเลยอย่างไรอย่างนั้น
ทำให้เซียวชุ่นอับอายขายหน้าก็เป็นการวกกลับมาทำให้หลิวหยุนเซียงรู้สึกอับอายขายหน้าด้วย เธอจะไม่รู้ได้อย่างไร?
เมื่อก่อนเธอทำได้เพียงแค่ต้องอดทนไว้ เนื่องจากว่าในสายตาของเธอแล้วเซียวชุ่นเป็นพวกคนไร้ประโยชน์จริงๆ เธอตอบโต้ไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอทนไม่ได้แล้ว
หลิวหยุนเซียงหัวเราะเยาะขึ้นมา : “ถ้าหากเซียวชุ่นเป็นคนขี้ขลาดไร้ความสามารถ ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็เทียบไม่ได้แม้แต้คนขี้ขลาดไร้ความสามารถเลยด้วยซ้ำ!”
เมื่อพูดออกมาแล้ว ก็ก่อให้เกิดความโมโหขึ้นมา แม้แต่หลิวหมิงต๋าก็ถูกว่ารวมเข้าไปด้วย
หลิวหยุนเซียงตัวเองพูดจบแล้วนั้นก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องอยู่บ้าง แต่คำพูดได้พูดออกไปแล้ว ก็ไม่สามารถแก้ตัวได้แล้ว
ทุกคนตระกูลหลิวมองเธอด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง รู้สึกเหมือนกำลังมองคนบ้าอยู่อย่างไรอย่างนั้น
ที่ผ่านมาเธอไม่เพียงแค่จะไม่ออกตัวพูดแทนเซียวชุ่นคนไร้ประโยชน์นั่นเท่านั้น แม้กระทั่งบางครั้งก็เอาอารมณ์ความเคียดแค้นมาลงที่เซียวชุ่นอีกด้วย ทั้งตบตีทั้งด่าว่าเขา วันนี้เป็นอะไรกัน?
“อวดดี! ตอนนี้นับวันแกจะยิ่งไม่มีกฎเกณฑ์มากเกินไปแล้วนะ! ที่พี่แกพูดไม่ถูกต้องอย่างนั้นหรือ? เซียวชุ่นอยู่ในครอบครัวของพวกแกหลายปีขนาดนี้แล้วทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง? ซักผ้าทำกับข้าว? นั่นเป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายควรทำอย่างนั้นหรือ?!”
หลิวหมิงต๋าตีลงบนที่เท้าแขนเก้าอี้แล้วตวาดขึ้นด้วยความโมโห : “เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดไร้ความสามารถแล้วคืออะไร?!”
“ใช่ ป้าสาม เซียวชุ่นเป็นคนอย่างไร ป้ายังไม่ชัดเจนอีกเหรอคะ? วันนี้ป้าเป็นอะไรไป? จะต้องโมโหขนาดนี้เลยเหรอ?” หลิวม่านเซียงเอ่ยขึ้น
“คำพูดของเธอไม่ใช่ว่าด่าว่าแม้แต่พ่อด้วยหรอกหรือ? พูดจาไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ!” หลิวหยุนเซิ่งเองก็ทำเรื่องให้ใหญ่โตขึ้นไปด้วยเช่นกัน
“พ่อ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ฉันหมายความว่าเซียวชุ่นไม่ใช่อย่างที่ทุกคนพูดแบบนั้น เขามีความสามารถ.....”หลิวหยุนเซียงเหงื่อออกพลางอธิบายอย่างร้อนใจ
“มีความสามารถ? มีความสามารถในการเกาะผู้หญิงกินน่ะหรือ? อย่ามาล้อเล่นหน่อยเลย?” หลิวหยุนเซิ่งตัดบทด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เอาล่ะ พอแล้ว! อย่าทะเลาะกัน พวกแกมาฉลองวันเกิดให้ฉันหรือว่ามาทำให้ฉันโมโหกัน?!” หลิวหมิงต๋าตำหนิออกมาอย่างรำคาญ
เซียวชุ่นขี้เกียจที่จะมาดูคนกลุ่มนี้ของตระกูลหลิวต้องมาทะเลาะกันไปมาเพราะเขาแล้ว จึงลุกขึ้นพลางยิ้มจางๆออกมา : “แม่ครับ ผมไปเดินเล่นข้างนอกนะ”
ว่าแล้วก็เดินออกมาจากห้องโถงโดยไม่ได้ปรึกษาใคร
หลิวหยุนเซียงอ้าปากอยากจะพูดอะไรออกมา แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดออกมา
จากนั้นเหยาเสินเองก็เดินตามออกไปด้วยเช่นกัน
เธอเร่งฝีเท้าไปทางด้านหน้าแล้วดึงแขนของเซียวชุ่นเอาไว้ เซียวชุ่นหันมามองเธอแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะออกมาอย่างเงียบๆ
“คุณไม่โมโหเหรอ?”เหยาเสินเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย ปีก่อนๆก็ไม่ใช่ว่าเป็นแบบนี้เหรอครับ ชินแล้วล่ะ พวกเขาไม่ได้พูดฉีกหน้า ผมรู้สึกว่าปีนี้ไม่มีรสชาติเลย คุณว่าผมกวนหรือเปล่า?”เซียวชุ่นมองเธอพลางหยอกล้อ
“ขอโทษนะ”เหยาเสินเอ่ยพูดประโยคที่เต็มไปด้วยคำความรู้สึกผิด
“หืม?”
“ไม่มีอะไร.....ก็แค่รู้สึกว่าทำให้คุณต้องมาได้รับกับความไม่เป็นธรรมแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นคุณคิดจะชดใช้ผมยังไง?”เซียวชุนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ชดใช้กับผีน่ะสิ”เหยาเสินมองบนใส่เขา
ทั้งสองคนพูดกันคนละประโยคก็มาถึงประตูใหญ่แล้ว
BMWซีรีส์8คันหนึ่งขับมาไกลๆ หลิวหยุนเซิ่งกับฉินชวงเหมือนกับเห็นของล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาเป็นประกาย
รถยังไม่ทันจอดนิ่ง ทั้งสองคนก็เข้าไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว
ไม่นานก็เห็นสาววัยเอ๊าะอายุยี่สิบต้นๆลงมาจากรถ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...