ซ่งเจิ้นไห่อยู่ในฐานะอะไรเมื่อวานนี้เขาก็เห็นแล้วเช่นกัน หลานสาวของเขาจะมาอยู่ในขั้นอันธพาลข้างถนนได้อย่างไรกัน แต่ในสภาพแวดล้อมข้างถนนแบบนี้จะต้องเป็นเด็กที่มีชีวิตอยู่ชั้นระดับล่างๆอย่างแน่นอน
แต่ไม่นานเซียวชุ่นก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือซ่งหลิงเอ๋อร์จริงๆ
เธอเพิ่งจะเดินออกมาจากซอยนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับเซียวชุ่นที่ยืนอยู่ตรงนั้น อาการที่แสดงออกมานั้นหยุดเคลื่อนไหวไปเล็กน้อย ดวงตาใสสะอาดและดูฉลาดคู่นั้นฉายความตื่นตระหนกออกมา แล้วรีบหันกลับเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว
“หยุดนะ!” เซียวชุ่นตะโกนเรียก
พอเรียกแล้ว ฝีเท้าของซ่งหลิงเอ๋อร์ก็ยิ่งเพิ่มความเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
ริมฝีปากของเซียวชุ่นยิ้มออกมา ต่อให้เร็วกว่านี้เธอจะเร็วกว่าฉันได้อย่างนั้นหรือ?
เขารวบรวมชี่ทิพย์ในร่างกาย และในขณะนั้นก็แพร่กระจายเติมพลังไปทั่วทั้งแขนขาและร่างกาย เดินไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ไปถึงทางด้านหลังซ่งหลิงเอ๋อร์ในทันที
“คุณหนีอะไร?”
ซ่งหลิงเอ๋อร์ร้องขึ้นด้วยความตกใจ เธอแทบจะคิดไม่ถึงว่าเซียวชุ่นจะสามารถตามเธอได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ จึงรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที และนี่ถึงได้หยุดฝีเท้าลง
ดวงตาดวงโตที่แสนฉลาดนั้นจ้องมองเขา “ไม่ต้องยุ่ง!”
“ได้ ผมไม่ยุ่ง ผมโทรไปบอกคุณปู่ของคุณก็แล้วกัน”
เซียวชุ่นขู่เธอ เขาไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของคนอื่นเลย เพียงแต่รู้สึกสงสัยกับการเปลี่ยนแปลงไปมากมายอย่างกะทันหันของเด็กคนนี้เท่านั้น
ซ่งหลิงเอ๋อร์ได้ยินแล้วก็อ่อนลงมาทันที : “อย่านะ อย่าบอกคุณปู่นะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณบอกผทสิ ว่าทำไมคุณทำแบบนี้”เซียวชุ่นจ้องมองไปที่ไหล่ขาวที่ปรากฏออกมาครึ่งหนึ่งของเธอพลางเอ่ยถาม
ซ่งหลิงเอ๋อร์หน้าแดง รีบดึงเสื้อขึ้นมาปิดไหล่ที่ขาวเนียนของเธอ แล้วเหลือบมองเขาด้วยความไม่ชอบใจนัก : “ฉันกำลังกวาดล้างพวกแมลงสาบอยู่น่ะสิ”
“อ๋า?”
“ที่ซอยแบบนี้ใกล้ๆบริเวณโรงเรียนของพวกเรามีพวกอันธพาลแบบนี้โผล่ออกมาบ่อยๆ จะลงมือกับนักเรียนผู้หญิงที่พักอยู่ข้างนอกโดยเฉพาะ” ซ่งหลิงเอ๋อร์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชา
เซียวชุ่นเข้าใจขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะวางชีวิตของคุณหนูที่อยู่ดีกินดีเอาไว้ แล้วมาเป็นจอมยุทธ์หญิงที่มาผดุงคุณธรรมแบบนี้ จอมยุทธ์ซ่ง
เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าตรงหน้าผากของซ่งหลิงเอ๋อร์นั้นมีรอยฟกช้ำอยู่ด้วย คิดว่าคงจะต้องเป็นตอนที่ต่อสู้กันทิ้งรอยเอาไว้
ซ่งหลิงเอ๋อร์สังเกตเห็นว่าเซียวชุ่นจ้องมองมาที่หน้าผากของเธอ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่าคนนี้รู้ทักษะทางการแพทย์ จึงยื่นมือเล็กที่ซีดขาวนั้นออกมาลูบตรงรอยช้ำ : “ไม่ใช่ว่าคุณมีทักษะทางการแพทย์เหรอ? สามารถทำให้รอยฟกช้ำนี่หายไปเร็วๆได้หรือเปล่า? ถูกคนที่บ้านเห็นเข้า ฉันยังจะต้องอธิบายให้ยุ่งยากอีก”
เซียวชุ่นหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น : “แน่นอนสิ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณรีบช่วยฉันสิ” ขนตายาวของซ่งหลิงเอ๋อร์กะพริบไปมาพลางเอ่ยพูดขึ้น
“ทำไมผมต้องช่วยคุณ?”
“คุณ.....ฉัน....” ซ่งหลิงเอ๋อร์อ้ำอึ้งหาเหตุผลไม่ได้
“ก็ได้ เห็นแก่ที่ว่าคุณช่วยให้คนอื่นๆพ้นภัยนี้นะ ผมจะช่วยคุณครั้งนึงก็ได้ แต่คุณเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนนึง เรื่องแบบนี้ให้ตำรวจเป็นคนจัดการจะดีกว่านะ” เซียวชุ่นว่า
ซ่งหลิงเอ๋อร์เบะปากอย่างไม่เห็นด้วย
เซียวชุ่นมองพิจารณาไปรอบด้าน “ใช้เข็มตรงนี้มันแปลกๆนะ พวกเราไปทางด้านนอกกันเถอะ”
“รถของฉันอยู่ข้างนอก เข้าไปในรถก็แล้วกันนะ”ซ่งหลิงเอ๋อร์พยักหน้าตอบรับ
ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันออกมา และไม่นานรถสปอร์ตมาเซราติคันสีฟ้าก็ปรากฏอยู่ในสายตา คนยังไม่ถึงประตูรถก็ค่อยๆเปิดออก ซ่งหลิงเอ๋อร์กระโดดขึ้นรถไป แล้วส่งสัญญาณให้เซียวชุ่นขึ้นมาตรงที่นั่งข้างคนขับ
ในใจของเซียวชุ่นอุทานออกมา มีเงินนี่ดีจริงๆเลย แต่คาดว่าตัวเองก็จะกลายเป็นคนมีเงินขึ้นในอีกไม่ช้าแล้ว
เขาเข้าไปนั่งในรถ หยิบกล่องเข็มออกมา
ซ่งหลิงเอ๋อร์หลับตาลงทันที เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เซียวชุ่นหยิบเข็มเงินขึ้นมาหนึ่งเข็ม แล้วทิ่มเข็มลงตรงรอบๆรอยฟกช้ำอย่างตั้งใจและละเอียดรอบคอบ แผลเล็กๆแบบนี้ไม่จำเป็นต้องใช้พลังมากนัก
เพียงแต่การเคลื่อนไหวของทั้งสองคนนั้นกลับดูคลุมเครืออยู่บ้าง ดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปผ่านมาอดที่จะมองมาไม่ได้ แม้กระทั่งมีคนหยุดถ่ายรูปอีกเสียด้วยซ้ำ
คุณหนูตระกูลร่ำรวยมาจูบพลอดรักกับชายหนุ่มผู้ตกอับอยู่ข้างทาง เป็นฉากที่เป็นที่นิยมชมชอบกันขนาดนั้น แต่ทั้งสองคนกลับไม่รู้ตัวเลย
หลังจากนั้นพักหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...