“เฮียโจว เฮียบอกว่าเป็นปรมาจารย์เซียว ผมมองไม่ออกจริงๆนะ เขาอายุยังน้อยขนาดนี้มีฝีมือในการรักษาโรคสูงขนาดไหน ถ้าหากพ่อผมเกิดการผิดพลาดขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ?” หวางเหวินเหย้าพูดขัดขึ้นมาอย่างไม่เห็นด้วย
“ผมบอกแล้วว่าผมสามารถรักษาโรคของนายท่านได้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณ”
เซียวชุ่นพูดจบแล้วก็เดินออกไปทางด้านนอก
เขาแอบบอกด้วยความหวังดีให้มาดูอาการ แต่กลับมาพูดว่าวิจารณ์คนอื่น งั้นก็ไม่ทนแล้ว!
โจวชูชิงรีบมาขวางเซียวชุ่นไว้ : “ปรมาจารย์เซียว ช้าก่อน”
เขาหันมามองหวางโป๋ซงพลางเอ่ยขึ้น : “ท่านเป็นอาจารย์ของผม ไม่มีท่านก็ไม่มีชูชิงในวันนี้ ท่านเชื่อผมซักครั้ง ให้ปรมาจารย์เซียวลองดูนะครับ ถ้าหากรักษาหาย ท่านก็ไม่ต้องมาทนรับความลำบากกับที่เยือกเย็นแบบนี้อีกไม่ใช่หรือครับ?”
ตอนที่โจวชูชิงเรียนมหาวิทยาลัย กับการดูแลที่หวางโป๋ซงมีให้กับเขานั้น โจวชูชิงแทบจะเห็นว่าหวางโป๋ชงเป็นพ่อของตัวเองไปกว่าครึ่งแล้ว ถ้าหากไม่ใช่ว่าลูกสาวของตระกูลหวางไม่ได้มีความรู้สึกไม่ชอบโจวชูชิง ไม่แน่ว่าตอนนี้โจวชูชิงก็คงได้เป็นลูกเขยของตระกูลหวางไปแล้ว
จนกระทั่งตอนนี้ โจวชูชิงมีความกตัญญูมากกว่าหวางเหวินเหย้าเสียอีก
“ช่างเถอะ ฉันเองก็แก่ขนาดนี้แล้ว มีชีวิตอยู่อีกไม่กี่ปีหรอก ในเมื่อชูชิงยกย่องกับเด็กหนุ่มคนนี้ขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาลองดูแล้วกัน” หวางโป๋ซงเอ่ยออกมาอย่างปล่อยวางในที่สุด
โจวชูชิงรีบเอ่ยพูดขึ้นกับเซียวชุ่น : “ปรมาจารย์เซียว รบกวนด้วยครับ”
เซียวชุ่นเดินเข้ามาอย่างไม่เต็มใจนัก ใช้มือกดลงบนตำแหน่งชีพจรของหวางโป๋ซง ชี่ทิพย์เข้าสู่ร่างกายของเขา อดที่จะค่อยๆขมวดคิ้วเข้าหากันไม่ได้
ที่เขาคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิดจริงๆ เกิดจากพลังภายในอินชี่ของหวางโป๋ซง อีกทั้งอินชี่นี้ได้อยู่ภายในร่างกายของเขามาเป็นเวลานานอีกด้วย อาจจะเป็นสิบปี ส่วนพลังอินชี่นี้มากจากได้เกรงว่าจะมีเพียงแค่หวางโป๋ซงเท่านั้นที่รู้
เขาหยิบกล่องเข็มออกมา เหยียนหวงสิบสามเข็มมาทิ่มลงบนจุดลมปราณสามตำแหน่ง จุดไป่หุ้ยและตำแหน่งอื่นๆของเขา จากนั้นก็มีพลังอินชี่ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าค่อยๆแยกออกมาตามเข็มนั้น
แล้วจู่ๆร่างของหวางโป๋ซงก็สั่นเท่าขึ้นมาอย่างรุนแรง ใบหน้ากระตุกไม่หยุด
โจวชูชิงและคนอื่นๆที่กลั้นหายใจอย่างใจจดใจจ่อก็รู้สึกตื่นเต้นกันขึ้นมาทันที
“พ่อ เป็นยังไงบ้างครับ?” หวางเหวินเหย้าเอ่ยถามขึ้นอย่างร้อนใจ
หวางโป๋ซงไม่ได้เอ่ยพูดออมา เพียงแค่โบกมือเป็นสัญญาณให้เงียบเสียงลง
ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายของตัวเองเหมือนกับลูกโป่งที่ลมรั่ว ความเย็นในร่างกาย เหมือนกับเส้นด้ายที่ค่อยๆออกมาจากแขนขาและทั้งร่างกาย จากนั้นความร้อนที่จางๆที่เหมือนกับแสงอาทิตย์พัดผ่านไปทั่วพื้น และราวกับปรากฏความรู้สึกแห่งพลังชีวิตที่กลับมาเป็นปกติขึ้นมา
เขาหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
เซียวชุ่นเก็บเข็ม พลางเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก : “เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวรอเขาตื่นขึ้นมาแล้วพักอีกสองสามวันก็หายเป็นปกติแล้ว”
หวางเหวินเหย้าและอีกทั้งสามคนนั้นมองดูหวางโป๋ซงที่หลับตาอยู่ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
โจวชูชิงรีบร้อนเข้าไปด้านหน้า แล้วจับชีพจรของหวางโป๋ซง
สภาพของชีพจรนั้นคงที่ แม้กระทั่งมีพลังกว่าก่อนหน้านี้อีกด้วย เขาเคยจับชีพจรของหวางโป๋ซงมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“เป็นยังไงบ้าง?” หวางเหวินเหย้าเอ่ยถามขึ้นอย่างกังวล
“อาจารย์เพียงแค่หลับไปเท่านั้น” โจวชูชิงมองเขา แล้วพยักหน้าช้าๆพลางเอ่ยขึ้น
ทั้งสองคนถึงได้รู้สึกโล่งใจ
“คุณเซียว พ่อของผมจะสามารถหายเป็นปกติได้ใช่ไหม?”
หวางเหวินเหย้าถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในฐานะเดิมที่เป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็เติบโตมาจากครอบครัวหมอมาตั้งแต่เด็ก จึงได้รับอิทธิพลมาจากสิ่งที่ได้ยินและได้เห็นมาอยู่เป็นประจำ เข้าใจบ้างไม่มากก็น้อย เมื่อครู่นี้เขาเห็นเซียวชุ่นใช้เข็มแล้วก็สามารถสรุปได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย อย่างนั้นแบบนี้พ่อของเขาก็ไม่ได้ถึงกับเกิดอะไรที่แปลกประหลาดขึ้น ดังนั้นในเวลานี้ท่าทางจึงผ่อนคลายลงไปมาก
“ผมบอกไปแล้ว ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อนั่นก็เป็นเรื่องของคุณ” เซียวชุ่นเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง
“ผมไม่ได้มีความหมายอื่นนะ ถ้าหากพ่อของผมสามารถหายเป็นปกติได้ นายหวางจะต้องให้ค่าตอบแทนอย่างหนักแน่นอน นายท่านเหน็ดเหนื่อยมาทั้งชีวิต ในวัยชราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่มีโรคไม่มีภัยได้ พวกเราที่เป็นลูกๆต่อให้ต้องสิ้นเนื้อประดาตัวก็ยอม”
เห็นได้ว่าหวางโป๋ซงสอนลูกได้ดีมาก ถึงแม้ว่าหวางเหวินเหย้ามีการตำหนิเล็กน้อยต่อเซียวชุ่นเมื่อครู่นี้ แต่กับนายท่านแล้วก็พยายามทำให้ดีที่สุดเช่นกัน
.........
หลังจากที่เซียวชุ่นออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว ฟ้ายังสว่างอยู่ เมื่อก่อนในเวลานี้ก็คงจะอยู่บ้านทำความสะอาด ซักผ้าซื้อกับข้าวอะไรประมาณนั้น ตอนนี้การใช้ชีวิตแบบนี้เขาไม่ได้คิดจะทำมันอีกแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี
คิดไปคิดมาแล้ว ก็ทำได้เพียงต้องกลับบ้านเท่านั้น
มหาวิทยาลัยตงหลินอยู่ห่างจากคอนโดไม่ไกล ประมาณสองป้าย
เพื่อที่จะไปทางลัด เขาไม่ได้เดินไปตามถนนเส้นใหญ่ แต่เลือกที่จะเดินทะลุผ่านย่านที่พักอาศัยไป
ตอนที่ผ่านทางเปลี่ยว บังเอิญเหลือบไปเห็นตรงตรอกซอยเล็กๆฝั่งหนึ่งมีกลุ่มคนวัยรุ่นแต่งตัวเป็นพวกอันธพาลอยู่ตรงนั้น
สถานที่แบบนี้ สถานการณ์แบบนี้เห็นบ่อยจนชินตาไปแล้ว และเขาเองก็ไม่ได้เอามาใส่ใจด้วยเช่นกัน
เพิ่งจะเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงร้องของเด็กผู้หญิงดังขึ้นจากซอยนั้น จากนั้นก็เป็นเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
เซียวชุ่นขมวดคิ้วขึ้น เดินถอยไปสองสามก้าว แล้วมองไปยังด้านในซอยนั้น
เด็กผู้หญิงที่มัดผมแกละ และมีใบหน้าที่สวยงามคนหนึ่ง สวมใส่เสื้อยืดสีดำตัวสั้นเรียบง่ายที่เผยให้เห็นเอว คอเสื้อด้านหนึ่งเปิดออกไปทางด้านข้าง ปรากฏให้เห็นช่วงไหล่ที่ขาวเนียน ขายาวๆที่อยู่ใต้กางเกงยีนส์ขาสั้นรัดรูปนั้นทำให้พากันใจหายใจคว่ำ และรองเท้าสีขาวคู่กระชับ ทำให้ทั่วทั้งร่างกายนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัยหนุ่มสาว
ในปากของเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ มีท่าทางเหมือนกับผู้หญิงที่ไม่ดีนัก มองดูอันธพาลที่นอนอยู่ที่พื้น มุมปากปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ซ่งหลิงเอ๋อร์?
ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเซียวชุ่น อยู่ห่างกันเพียงแวบเดียวก็สามารถจำผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว เด็กผู้หญิงคนนั้นที่คอยตามอยู่ข้างๆกายซ่งเจิ้นไห่เมื่อวานนี้ เพียงแต่ภาพลักษณ์นี้ก็ดูมีความล้มล้างมากเกินไปแล้ว เมื่อวานยังมีท่าทางที่เป็นเด็กผู้หญิงที่ว่าง่ายอยู่เลย ทำไมเพียงแค่คืนเดียวถึงได้กลายเป็นเด็กผู้หญิงไม่ดีมามั่วอยู่ข้างถนนแบบนี้ไปแล้ว?
อีกทั้งทักษะนี้ดูแล้วไม่เลวอยู่พอควรอีกด้วย แรงคนเดียวสามารถทำให้อันธพาลที่ตัวใหญ่และสูงกว่าเธอล้มลงไปได้ด้วยใบหน้าที่ดูสบายๆอีกด้วย
หรือว่าจะเป็นคนที่หน้าคล้ายเท่านั้น? ในใจเซียวชุ่นนั้นรู้สึกสงสัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...