“คุณพูดได้ถูกต้อง ประธานถังถูกพิษไปเยอะมากแล้วจริง ๆ และเพราะเหตุนี้เอง ไม่กี่เข็มนั่นของผมเพียงแค่ระงับไม่ให้ยาพิษแพร่กระจายออกไปต่อเอาไว้เพียงชั่วคราวเท่านั้น และระงับอาการคันตามร่างกายเขาเอาไว้ด้วยเช่นกัน แต่ภายนอกกลับไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนเลย ตามตัวยังคงมีอีสุกอีใสขึ้นอยู่ดี”
จะโทษก็ต้องโทษที่พวกคุณใจร้อนเกินไป หรือพวกคุณลืมไปแล้วว่านี่เป็นยาพิษที่ให้ผลช้า ถึงแม้กำเริบชั่วครู่หนึ่งก็เอาชีวิตไปไม่ได้ แม้ว่าผมจะนับถือประธานถังว่าเป็นชายชาตรี ถึงสามารถลงมือกับตัวเองได้อย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้ ทว่าทักษะการแสดงห่วยไปหน่อยจริง ๆ ”
เซียวชุ่นพูดฉะฉาน
พวกถังจื้อสองคนอึ้งอยู่ที่เดิม
ต่อจากนั้น อีกคนเอ่ย : “อย่างนั้นแล้วจะยังไง ? ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าพวกเราเป็นคนวางพิษซะหน่อย อีกอย่าง พี่อย่าลืมสิ ช่วงหลายวันมานี้พี่พักผ่อนฟื้นฟูร่างกายอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือว่าในบ้านตอนนี้ล้วนเป็นคนของผม พี่สู้ผมไม่ได้หรอก”
“งั้นเหรอ ?” เซียวชุ่นแสยะยิ้มอย่างไม่สนใจ หยิบมือถือออกมาจากในกระเป๋าพลางเปิดบันทึกเสียง มีเสียงบทสนทนาของทั้งสามคนเมื่อครู่นี้ดังออกมาจากในนี้ทันที
“ไม่ทราบว่าพวกนี้สามารถกลายเป็นหลักฐานได้ไหม ?”
นัยน์ตาของถังจื้อประกายความอำมหิตในทันที หยิบมือถือกดโทรหาหมายเลขหนึ่งอย่างรวดเร็ว หลังจากโทรติดไม่ได้พูดก็วางสายแล้ว
“ในเมื่อแกยุ่งเรื่องชาวบ้านดีนัก งั้นฉันก็ไม่ถือสาที่จะเพิ่มอีกชีวิตหนึ่ง !” เขาเอ่ยด้วยเสียงเหี้ยมโหด
ถังหลี่หลับตาทอดถอนหายใจเฮือกหนึ่งพร้อมกับเอ่ยราบเรียบ : “ได้ยินมาว่าพวกเธอมีลูกตอนนี้อยู่ที่อิงค์แลนด์นี่ อยากจะลองคุยกับเขาตอนนี้ไหม ?”
เมื่อคำนี้โพล่งออกมา ถังจื้อกับเหยียนหยิงต่างเหลือบมองกัน อีกคนเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก : “คุณทำอะไรกับลูกชายฉัน ?”
เธอผลักถังหลี่คล้าย ๆ กับวิกลจริต แผดเสียงตะโกน : “คุณทำอะไรกับลูกชายฉัน ? !”
เซียวชุ่นรีบเดินไปข้างหน้าสองก้าว ดึงเธอออกด้วยมือเดียว
เผี๊ยะ ฉวยโอกาสหวดบนใบหน้าเธอฉาดหนึ่ง
จะว่ายังไงดีล่ะ การตบหน้านี้น่ะ อันที่จริงไม่ต้องหวดไปก็ได้ แต่ว่าไม่ผ่านที่เธอหวดหน้าตัวเองนั่นไปละก็ เขาจะผ่านร่องที่อยู่ในใจของตัวเองนั่นไปไม่ได้
เขาไม่ใช่คนที่ถือสาในเรื่องเล็กเรื่องน้อย ทว่าอย่างเรื่องการตบหน้านี้ต่างออกไป เคยมีคำกล่าวว่าอัดคนอย่าตบหน้า แต่ไหนแต่ไรการตบหน้าเป็นการทำให้เสียเกียรติมากที่สุด
เหยียนหยิงเอามือกุมหน้าพลันนั่งทรุดลงบนพื้นอย่างขวัญหาย แม้จะร้องไห้แต่ยังคงงดงามอยู่
ถังหลี่ค่อย ๆ เอ่ย : “เรื่องอื้อฉาวในบ้าน อย่านำไปแพร่งพรายสู่ภายนอก โดยเฉพาะตระกูลถังของพวกเรา เรื่องอื้อฉาวแบบนี้แพร่ออกไปก็จะยิ่งทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ ฉันก็ไม่อยากทำให้เรื่องนี้ถึงทางตันหรอก ขอเพียงพวกเธอยอมรับผิดและเข้ามอบตัว ถังจื้อสละหุ้นของบริษัททิ้งไปซะ ฉันรับรองว่าลูกของพวกเธอจะปลอดภัย และรับรองว่าชั่วชีวิตของเขาจะหมดห่วงเรื่องเสื้อผ้าอาหารการกิน”
“พี่สงสัยพวกเราตั้งนานแล้วใช่ไหม ? ” ถังจื้อมองถังหลี่อย่างเหลือเชื่อ พวกเขาทำกันอย่างแนบเนียนไร้ที่ติ แม้กระทั่งที่มั่วกันลับหลังถังหลี่ก็ไม่ได้ทิ้งร่องรอยไว้เลยแม้แต่นิดเดียว เขารู้ได้ยังไงว่าตัวเองกับเหยียนหยิงมีลูกอยู่หนึ่งคน ?
“ไม่ได้ตั้งนานหรอก ตอนนั้นที่คุณเซียวมาตรวจและรักษาโรคให้ฉัน ฉันจึงได้เริ่มสงสัย ครั้นแล้วจึงให้คุณเซียวเอาข่าวสารออกไป สืบดูพวกเธอสองคน เรื่องนี้สำหรับฉันถือว่าไม่ยากเลย นายก็น่าจะรู้” ถังหลี่เอ่ย
“ทำไมล่ะ ?”
“เพราะว่านายหญิงถัง……ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังสามารถเรียกแบบนี้ได้อยู่หรือเปล่า เอาเถอะ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็นับว่าเป็นนายหญิงถัง โดยทั่วไปพอเห็นหมอที่อายุน้อยขนาดนี้อย่างผม ส่วนมากก็จะเอ่ยถามสักสองสามประโยค ก็เหมือนกับหมอพวกนั้นที่อยู่ข้าง ๆ ซักถามสงสัย ไม่ไว้วางใจ แต่ตอนที่นายหญิงถังเห็นผมไม่ถามสักประโยคเดียวก็ให้ผมไปตรวจและรักษาโรคให้ประธานถังเลย หรือว่านี่ไม่แปลกงั้นหรือ ?”
“เพราะว่าคุณเห็นผมอายุน้อยขนาดนี้ แม้กระทั่งฉินกวงหยวนยังจนปัญญา ผมจะรักษาให้หายดีได้ยังไง อีกอย่างคุณมั่นใจว่ายาพิษนั่นไม่มียาถอนพิษ ดังนั้นจึงได้ไม่เกรงกลัวเพราะมีที่พึ่งพิง”
“และในตอนที่ผมตรวจรักษาโรคให้ประธานถัง จู่ ๆ ประธานถังล้มป่วยพลันจับมือผมแล้วให้กระดาษมาแผ่นหนึ่ง ในนั้นเขียนหมายเลขโทรศัพท์หนึ่งไว้อยู่ หลังจากผมไปก็กดโทรหาหมายเลขนั่น อีกฝ่ายเป็นใครผมไม่รู้ ผมบอกไปเลยว่าประธานถังให้ผมโทรหา”
“เรื่องที่เหลือผมก็ไม่รู้แล้ว รู้แค่ว่าวันนี้มีคนที่ชื่อว่าเหวินฉือมาหาผม ตอนเย็นให้ผมเปลี่ยนเป็นชุดพ่อบ้านแล้วปะปนเข้ามา ก็แบบนี้แหละ” เซียวชุ่นแบมือเอ่ย
“เหวินฉือ ?” เหยียนหยิงเอ่ยพร้อมกับยิ้มเจื่อน
“เหวินฉือพนักงานรักษาความปลอดภัยที่พูดน้อย ๆ เหมือนกับคนใบ้คนนั้น ? ”
“เขาไม่ได้เป็นเพียงพ่อบ้านคนหนึ่งหรอกนะ เขาเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง” ตอนที่เซียวชุ่นเห็นเหวินฉือก็สัมผัสได้ถึงชี่ทิพย์ที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาได้ เป็นนักบู๊ระดับสูงคนหนึ่งไม่ผิดอย่างแน่นอน
อย่างการที่พวกสมาคมวิสาหกิจขนาดใหญ่จะเลี้ยงดูพวกนักบู๊ ประเด็นนี้ก็ถือว่าไม่แปลก
“ใช่แล้ว ในตระกูลนี้นอกจากคุณกับชือชือ คนที่ฉันไว้ใจมากที่สุดก็คือเหวินฉือ เพราะว่าฉันเคยช่วยชีวิตเขาไว้” ถังหลี่เอ่ย
“ทว่าผมอยากรู้มาก ทำไมคุณถึงไม่ไปหาเหวินฉือตรง ๆ เลย ทำไมเหวินฉือให้คนนอกอย่างผมคนนี้มาเข้าร่วมละครจริยธรรมครอบครัวที่ต่ำช้านี่ด้วย ?” เซียวชุ่นเอ่ยด้วยความไม่เข้าใจ
“เหวินฉือรับผิดชอบความปลอดภัยภายนอกคฤหาสน์ โดยปกติเขาจะไม่เจาะจงเดินใกล้กับฉันหรอก เขาเลยไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของฉัน อาจจะคิดเพียงว่าฉันป่วย ส่วนคำถามสุดท้าย ฉันยินดีเอาหมายเลขให้คุณ อธิบายได้ว่าคุณเป็นคนที่เชื่อถือได้” ถังหลี่เอ่ยตอบ
“พอได้แล้ว !” จู่ ๆ ถังจื้อแผดเสียงขัดจังหวะพวกเขา
เขารู้ว่าสถานการณ์โดยรวมได้กำหนดแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเงยหน้าอ้าปากอีกแล้ว ส่วนที่มาที่ไปไร้สาระ เขาไม่อยากรู้เลยสักนิด
เขาเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึมดุจน้ำ : “วิธีการของพี่เหนือชั้นอย่างที่คาดไว้ ผมรู้สึกละอายใจเหลือเกิน ผมไปมอบตัวได้ เพียงหวังว่าพี่จะรักษาคำมั่นสัญญา ดูแลลูกชายของผมกับเหยียนหยิงให้ดี”
พูดจบเขาเดินไปที่ริมหน้าต่างแล้วหันไปโบกมือให้กับด้านนอก กำลังคนนับสิบซ่อนอยู่ในความมืดก็กระจายออกไปทันทีหลังจากนั้น ในเมื่อถังหลี่ได้มีการเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว ขอเพียงพวกเขากล้าขยับจะต้องเป็นการนองเลือดอย่างแน่นอน เพียงแต่เป็นการเพิ่มไม่กี่ชีวิตก็เท่านั้นเอง ไม่มีผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม
ส่วนเหยียนหยิงในตอนนี้ได้นั่งทรุดอยู่บนพื้นแล้ว อยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ความมุ่งหวังทั้งหมดที่เธอวางแผนไว้ในที่สุดก็กลายเป็นความว่างเปล่าแล้ว
“พี่สาม พาเหยียนหยิงไปเถอะ” ถังหลี่เอ่ยอย่างทอดถอนใจ : “ฉันรับประกันกับพวกเธอว่าลูกชายของพวกเธอจะไม่เป็นไร”
ถังจื้อประคองเหยียนหยิงที่อยู่บนพื้นขึ้น ออกจากห้องไปอย่างเศร้าสลด
“ประธานถังช่างใจกว้าง” หลังจากทั้งสองคนจากไป เซียวชุ่นก็เอ่ยราบเรียบ
“คนหนึ่งเป็นน้องชายแท้ ๆ ที่ฉันเอ็นดูตั้งแต่เล็ก อีกคน……ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ตามเธอก็เป็นแม่ของชือชือ ต่อให้ฆ่าพวกเขาไปแล้วจะยังไง เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันตั้งแต่แรก จึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมนี้ ฉันที่อายุปูนนี้ก็มองข้ามอะไรไปหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความรักแบบนี้ ทำให้คุณเซียวเห็นเรื่องขำขันซะแล้ว” ถังหลี่เอ่ยพร้อมกับยิ้มเจื่อนเล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะพูดแบบนี้ เซียวชุ่นจะมองไม่ออกได้ยังไง ถังหลี่จะไม่เจ็บใจได้ยังไง
ก็เหมือนอย่างที่เขาว่า คนหนึ่งเป็นน้องชายที่เขาสนิทที่สุด อีกคนเกรงว่าก็เป็นผู้หญิงที่เขารัก ทั้งสองคนหักหลังเขาพร้อมกัน อีกอย่างทำเรื่องไม่ดีไม่งามไว้ลับหลังเขาไว้มากขนาดนั้น ถูกนอกใจมาค่อนชีวิต เกิดเรื่องนี้กับใครเข้าก็เป็นเรื่องที่ทำให้คนนั้นต่างยากที่จะยอมรับได้ทั้งนั้น
ช่างเป็นผู้ชายที่น่าเวทนาจริง ๆ
เซียวชุ่นก็แอบเคารพเลื่อมใสถังหลี่มากขึ้น และไม่ต้องพูดถึงว่าหากเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้กับตัวเขา เขาสามารถไม่ตื่นตระหนกเมื่อตกอยู่ในอันตรายได้ ลำพังที่เขาสามารถลงมือกับตัวเองได้อย่างเหี้ยมโหดขนาดนี้ พอที่จะเทียบได้กับการขูดกระดูกรักษาพิษ ก็คุ้มค่าที่จะเคารพว่าเขาเป็นชายชาตรี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊