“ไม่ได้นะ นั่นเป็นลูกรักของฉันเลยนะ”ซ่งหลิงเอ๋อร์ปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด
รถคันนั้นเธอพูดหว่านล้อมมาเป็นกว่าครึ่งปี เดือนที่แล้วเธออายุครบยี่สิบปีซ่งเจิ้นไห่ถึงได้ให้เป็นของขวัญเธอ หายากมาก เป็นไปได้อย่างไรที่จะขายให้คนอื่น
“ขายให้ผมแล้วผมจะรับปากรับคุณเป็นลูกศิษย์”
“แต่ว่า....เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าคุณบอกว่าจะรับลูกศิษย์จะต้องดูโอกาสเหรอ?”
“ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว”เซียวชุ่นพูดรับปากขึ้นมาง่ายๆ
ซ่งหลิงเอ๋อร์ไม่ได้สงสัยเขา แต่กัดเล็บครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างฝืนทนกับความเจ็บปวดนี้ : “ได้ ฉันให้คุณ ถ้าอย่างนั้นคุณพูดไว้ก็ต้องเป็นคำพูดนะ”
“ไม่ใช่ให้ ซื้อต่างหาก เดือนหน้าผมจะเอาเงินให้คุณ”
ซ่งหลิงเอ๋อร์เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ได้แคร์นัก : “เป็นการแสดงความเคารพต่ออาจารย์ก็แล้วกัน”
เซียวชุ่น : “.....ไปเถอะ ออกไปกับผม”
ทั้งสองคนแอบออกมาจากงาน
เหยาเสินดูการแสดงโชว์จนจบท่ามกลางคำพูดประชดประชันเหน็บแนมไม่หยุดของสองสามีภรรยาไป๋เคอ ร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้า ความรู้สึกแย่มากถึงขีดสุด เดินออกมาจากงานด้วยใบหน้าที่เย็นชา
“เหยาเสิน ฉันกับสามีจะไปที่ร้านอาหารดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่สุดแสนจะโรแมนติกกัน ไม่ได้พาเธอไปด้วยนะ”ไป๋เคอสะบัดผมยาวไปทางด้านหลัง ยิ้มหวานเอ่ยพูดขึ้นมา
“พวกเธอไปกันเถอะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก กินให้มีความสุขแล้วกันนะ”เหยาเสินข่มความรังเกียจนี้เอาไว้แล้วฝืนยิ้มออกมา
หันหน้ามาแล้วนั้นก็เห็นเซียวชุ่นที่สวมชุดสูทราคาแพง ผูกเนคไท ทรงผมช่างมีความพิถีพิถัน ในมือถือดอกกุหลาบช่อใหญ่เอาไว้ ภายใต้แสงสีทองยามพระอาทิตย์ตกดิน เขาที่เหมือนกับเจ้าชายคนหนึ่ง เดินมาจากขั้นบันไดอีกทางด้านหนึ่ง
ต้องพูดว่าสัดส่วนของรูปร่างเซียวชุ่นนั้นดีมาก เหมือนกับไม้แขวนเสื้ออันหนึ่ง ชุดสูทที่ราคาแพงนั้นสวมลงบนร่างของเขาแล้วไม่ได้ดูขัดกันเลยแม้แต่นิดเดียว กลับยิ่งดูเด่นชัดขึ้นอีกด้วย
หัวใจของเหยาเสินเต้นแรงขึ้นมาทันที
เซียวชุ่นเดินเข้ามาใกล้ แล้วยื่นดอกกุหลาบที่อยู่ในมือส่งให้เธอ ยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางเอ่ยขึ้น : “คุณภรรยาครับ ผมมารับคุณกลับบ้าน”
ในหัวของเธอนั้นแข็งทื่อไปแล้วในเวลานี้ รับดอกไม้มาโดยจิตใต้สำนึก และอ้าปากค้าง
“มาครับ มากอดหน่อย”เซียวชุ่นไม่รอให้เธอพูดก็ดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอดเบาๆ แล้วตบลงบนหลังเธอเบาๆสองครั้ง
กลิ่นน้ำหอมผู้ชายซึมซับเข้าไปในรูจมูกของเธอ ในหัวนั้นว่างเปล่าขึ้นมาทันที
เธอไม่เคยอนุญาตให้คนไร้ประโยชน์คนนี้ได้แตะต้องตัวเองเลย แม้จะอยู่ใกล้เกินไปเธอก็จะรู้สึกว่าไม่เหมาะสม แต่เวลานี้กลับลืมที่จะต่อต้านผลักเขาออกไปเสียอย่างนั้น
เธออาจจะบ้าไปแล้ว.....
ไป๋เคอและฮู๋เสว่ซงยืนอยู่ทางด้านข้างก็รู้สึกประหลาดใจด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะไป๋เคอ เธอเคยเห็นเซียวชุ่น ทุกครั้งที่เห็นเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความยากจนที่แพร่กระจายมาจากร่างของเขาได้ตลอดเวลา แต่ทั้งๆที่เป็นคนเดียวกัน เวลานี้ออร่าที่แพร่กระจายออกมาจากร่างของเซียวชุ่นนั้นกลับไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย
ความจริงแล้วในใจของเซียวชุ่นนั้นก็รู้สึกทอดถอนใจด้วยเช่นกัน ซ่งหลิงเอ๋อร์เด็กคนนี้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยจริงๆ รสนิยมก็จะแตกต่างออกไป จากการปรับปรุงโดยผ่านมือเธอแล้ว ตัวเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองแตกต่างไปจากเมื่อก่อนเช่นกัน
คู่หมั้นของไป๋เคอ ฮู๋เสว่ซงเรียกได้ว่ามีออร่าที่โดดเด่น ร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบ หน้าตาหล่อเหลา มีท่าทางเหมือนเจ้าชายที่สุภาพอ่อนโยน
เวลานี้เขาเทียบกับฮู๋เสว่ซงแล้ว ก็ไม่แพ้ไปกว่ากันเลย แม้กระทั่งมีแนวโน้มที่จะแซงเขาเสียด้วยซ้ำ
“คนไร้ประโยชน์ก็เป็นคนไร้ประโยชน์อยู่ดี คิดว่าเปลี่ยนเปลือกนอกแล้วจะสามารถปกปิดความจริงที่ว่าตัวเองจนได้อย่างนั้นเหรอ?”กว่าไป๋เคอกู้สถานการณ์กลับมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะยอมแพ้แบบนี้
เซียวชุ่นไม่ได้สนใจเธอ ใช้มือโอบเอวของเหยาเสินจากทางด้านหลัง ก้มหน้าลงมองเธอด้วยรอยยิ้มที่ไม่ได้ใส่ใจนัก : “พวกเรากลับบ้านกันครับ”
ในใจของเหยาเสินนั้นวุ่นวายไปหมด แล้วพยักหน้าลงอย่างแข็งทื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...