เซียวชุ่นตะลึงงันทันใด พูดอย่างลังเล : “คุณ”
ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด!
เขาเพิ่งจะอ้าปากถางชือชือก็วางสายไปแล้ว
ฝั่งถางชือชืออุบายร้ายของเธอสำเร็จแล้ว เธอกระโดดโลดเต้นอย่างลิงโลดอยู่บนเตียง
เหยาเสินมองเขาด้วยหน้าเย็นชา : “ประธานเซียวไปตรวจโรค หรือไปตรวจคนกันแน่?”
“เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกว่าจะเชื่อผมไง ทำไมลืมไวอย่างนี้ ผมกับเธอไม่มีอะไรจริงๆ คุณไม่รู้หรอก แม่สาวคนนี้เธอสมองมีปัญหา” เซียวชุ่นรีบอธิบาย
ถึงแม้ในใจของเหยาเสินจะรู้ดีว่าเซียวชุ่นเป็นคนซื่อสัตย์อยู่พอตัว ได้ยินน้ำเสียงจากโทรศัพท์เมื่อครู่ก็รู้อยู่ว่าเป็นไปไม่ค่อยได้ที่จะทำเรื่องหน้าไม่อายขนาดนั้น แต่เธอก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ
บางทีที่คุณแม่พูดก็ถูกนะ คือไม่ควรให้เขาไปไกลหูไกลตา
ข้างนอกนั่นมีสิ่งล่อตาล่อใจมากเกินไปจริงๆ
“คุณเซียว หุ้นของเหยาซื่อกรุ๊ป ตอนนี้ราคาที่ผมเสนอไปดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ยอมปล่อยไปแน่ ต้องเพิ่มราคาให้เหมาะสมไหม?”
หลังจากมื้อเที่ยง เซียวชุ่นกลับมาพักสายตาที่ห้องทำงาน เวินกวงเหลี้ยงโทรศัพท์มาถามอย่างกระวนกระวาย
“เพิ่มไม่ได้แม้แต่สตางค์เดียว พวกนั้นต้องขายแน่อยู่แล้ว” เซียวชุ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งไม่รีบร้อน
“ทำไม ท่านมั่นใจขนาดนั้น?”
“เพราะว่านอกจากคุณแล้วไม่มีใครกล้าซื้อ”
“คุณนี่เจ๋งจริงๆ” เวินกวงเหลี้ยงอึ้งไปสักพัก ไม่ช้าเขาก็เข้าใจความหมายที่เซียวชุ่นพูด
เพิ่งวางสายโทรศัพท์เขาก็ได้รับข้อความที่ส่งมาจากถางชือชือ : เมื่อกี้เมียคุณอยู่ข้างๆใช่หรือเปล่า?
ตอบกลับ : คุณมันรนหาที่ตาย!
ถางชือชือ : ทำไมต้องโหดขนาดนี้คะ? รักษาได้ครึ่งนึงแล้วก็ทิ้งไม่สนใจคนไข้ คุณมีจรรยาบรรณความเป็นหมอบ้างไหม?
ตอบกลับ : ฉันไม่ใช่หมอแต่แรกอยู่แล้ว!
ถางชือชือ : ฉันจะไปถึงเจียงไห่ตอนค่ำ ฝังเข็มเสร็จแล้ว ฉันจะไปอธิบายกับเมียคุณด้วยตัวเอง
ตอบกลับ : โอเค
ในตอนนี้เหยาเสินผลักประตูเข้ามา เดินมาอยู่ข้างหน้าเขาแล้วเอาการ์ดเชิญใบหนึ่งมาวางไว้บนโต๊ะเขา
“นี่อะไรหรือ?”
“ทางมณฑลส่งมาที่ทางเมือง ทางเมืองส่งมาที่ผู้ประกอบการ บอกว่าให้สถานประกอบการที่มีชื่อเสียงไปจัดงานสัมมนาที่มณฑล เนื้อหาหลักๆคือ เมืองของเรามองเห็นศักยภาพของบริษัทใหม่อย่างเรา” เหยาเสินกล่าว
“ตอนนี้บริษัทกำลังยุ่งๆ ฉันไม่ไป คุณไปทีสิ ได้ยินว่าหลังจบงานมีงานเลี้ยงการกุศลตอนค่ำ คุณได้รับเงินมากมายจากช่องทางที่คลุมเครือ ฉันไม่สบายใจ โดยเฉพาะจากจวงจิน ฉันเกรงว่าเงินของเขาจะไม่ขาวสะอาด
ตอนนี้เราก็มีเงินไม่ขาดแคลนเงิน บริจาคได้ก็บริจาคไปสักหน่อยเถอะ ประการแรกเราควรมีจิตสาธารณะ ประการที่สองนับว่าเป็นการตอบแทนสังคม” เหยาเสินบุ้ยปากพูด
เซียวชุ่นเปิดการ์ดเชิญ เหลือบตาดู
ทิศทางของกิจการคืออะไร การวางแผนทรัพยากรของกิจการไม่เป็นระเบียบ จัดที่เหลยหยางเมืองหลวงของมณฑล และเข้าร่วมตามสมัครใจ
แต่เขาได้ยินคำที่เหยาเสินพูด ก็พูดอย่างขุ่นเคืองว่า : “อะไรคือการบอกว่าเส้นทางการเงินของผมคลุมเครือ? แล้วยังพูดเรื่องตอบแทนสังคมอีก ในอนาคตเราต้องขยายโรงงาน ไม่ใช่การช่วยให้รัฐบาลได้ขยายการจ้างงาน?”
“เอาล่ะ อย่ามาหัวดื้อกับฉันเลย บริจาคเงินสักหน่อยก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี ถ้าคุณมีชื่อเสียงในการเป็นนักบุญ ต่อไปไม่ว่าจะไปติดต่อกับฝ่ายราชการที่ไหนก็จะได้สะดวก” เหยาเสินพูดพร้อมยิ้มอ่อน
เซีนวชุ่นพูดอย่างไม่เต็มใจ : “มันเป็นแค่ชื่อเสียงจอมปลอม ผมไม่เห็นจะสนใจ”
“ทำไม? คุณคิดจะรอแม่คนสนิทตอนกลางคืนนั่นของคุณจริงๆหรือ?” เหยาเสินเลิกคิ้วโก่งถาม
“งั้นคุณไม่กลัวผมกับเขาจะไปนัดเกลือกกลั้วกันที่เหลยหยางหรือ”
“บังอาจนัก” เหยาเสินบ่นอย่างเง้างอน
แท้จริงแล้วเพราะเหยาเสินเพิ่งประสบเหตุการณ์ที่ตระกูลเหยามา เซียวชุ่นยังไม่วางใจ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปาก : “งั้นก็ได้ ถ้าเหยาเจิ้นชูทำตัวเป็นปีศาจอีก คุณก็พาหงส์แดงไปด้วย คนอื่นจะได้เข้าประชิดตัวไม่ได้”
เหยาเสินพูดพร้อมยิ้มอย่างอ่อนโยน : “รู้แล้วน่า ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
เจียงไห่ห่างจากเหลยหยางประมาณห้าถึงหกชั่วโมงโดยรถยนต์
เช้าวันที่สองเซียวชุ่นก็ออกจากเจียงไห่มุ่งหน้าสู่เหลยหยาง ในคณะผู้ติดตามยังมีต้วนเจีย ภารกิจหลักคือการขับรถ
ถ้าเซียวชุ่นขับเองเกรงว่าคงถึงพรุ่งนี้ เขามีสติสัมปชัญญะเต็มเปี่ยม
เซียวชุ่นไม่ค่อยคุ้นเคยกับเมืองเหลยหยาง รู้เพียงว่าก่อนหน้านี้คังหย่งเหนียนอยู่ที่เหลยหยางหลายปี ก็ช่วยให้เขาคุ้นเคยกับวิถีของคนเหลยหยางในหลายๆด้านขึ้นมา
อายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด หญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาจัดว่าดี ชื่อของเธอคือติงเยว่
ตอนที่ผู้ร่วมคณะทั้งสามเดินทางถึงเมืองเหลยหยางก็ใกล้เวลาสี่โมงเย็นแล้ว แต่ละคนแยกย้ายไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง
ประมาณหกโมงเย็น มาพร้อมกันที่ห้องอาหารชั้นล่าง หลังจากจับจองที่นั่งกันเรียบร้อย ก็สั่งอาหารตามอัธยาสัย
ถึงแม้ดูๆแล้วติงเยว่จะเป็นคนเก่งและมีระเบียบเรียบร้อย แล้วเขาก็นับว่าเป็นผู้อาวุโสในสายงาน แต่การเผชิญหน้ากับชายแปลกหน้าถึงสองคนก็ยังต้องมีความระวังตัวอย่างมาก
“ประธานเซียวคะ ฉันจะขอแนะนำกำหนดการสามวันต่อจากนี้ให้คุณคร่าวๆนะคะ บ่ายวันพรุ่งนี้เป็นงานสัมมนา หลักๆจะเป็นการปาฐกถาของผู้นำ วันมะรืนจะมีช่วงสนทนาและดื่มชาของผู้ประกอบกิจการ เป็นโอกาสให้ผู้ประกอบกิจการต่างๆได้มีโอกาสทำความรู้จักคุ้นเคยกัน วันที่สามเป็นงานเลี้ยงการกุศล
เท่าที่ดิฉันทราบ ทุกๆปีจะมีรูปแบบแตกต่างกัน ดังนั้นสถานการณ์เป็นรูปเป็นร่างของปีนี้ ฉันก็ยังไม่ค่อยทราบ” ติงเยว่กล่าวแนะนำอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
“งานพวกนี้จัดวันเดียวก็เสร็จไม่เห็นจะต้องจัดถึงสามวัน วุ่นวายเสียจริง” เซียวชุ่นบ่นไปเรื่อย
“หน่วยงานรัฐก็แบบนี้แหละค่ะ กระบวนการเยอะเหลือเกิน” ติงเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่สิ คนที่รับผิดชอบการประชุมหลักๆคือเหว้ยเหวินตงประธานหอการค้าหนิงโจว แล้วก็เป็นผู้นำตระกูลเหว้ยแห่งเหลยหยางด้วย
ตระกูลเหว้ยมีอิทธิพลมากในเหลยหยางรวมถึงทั้งหนิงโจว ถ้าประธานเซียวสามารถสร้างสัมพันธ์กับตระกูลเหว้ยได้ ในอนาคตหากต้องการเข้ามาทำธุรกิจในเหลยหยางจะมีประโยชน์มากอย่างแน่นอน” ติงเยว่กล่าวต่อ
เซียวช่นยิ้มแย้ม เขาชื่นชมความสามารถในการทำงานของติงเยว่อย่างมาก
มิน่าคังหย่งเหนียนถึงส่งเธอมาให้เขา ทีแรกคิดว่าเขาส่งสาวน้อยวัยรุ่นมา เพราะมีความคิดอย่างอื่น ตอนนี้ดูแล้วกลับกลายเป็นตัวเขาเองที่ใจคิดไม่ดี
“เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว”
ติงเยว่ก้มหัวให้เบาๆ แล้วตั้งหน้าตั้งตาทานอาหาร
“คุณเซียว ทานอาหารเสร็จแล้วทำอะไรต่อหรือ?” ต้วนเจียถามด้วยอารมณ์คึกคัก
“นายอยากทำอะไรล่ะ?” เซียวชุ่นถาม
“ไปเดินเล่นกันเถอะ ยังไงอยู่ห้องก็ไม่มีอะไรทำ น่าเบื่อจะตาย” ต้วนเจียแสยะยิ้ม
“ฉันนอนเตียงคนไข้มาตั้งกี่เดือน ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ช่วงนี้ฝึกกังฟูกับบหลิงเอ๋อร์ทุกวัน โอกาสที่จะได้ออกมาแบบนี้ไม่ง่ายเลย อยากไปผ่อนคลายสักหน่อย”
ติงเยว่ในฐานะผู้หญิงวัยทำงานที่มักจัดการกับกิจกรรมทางสังคมต่างๆเสมอ พอได้ยินคำพูดเขาเธอก็พอรู้ว่าหมายถึงอะไร
เธอก็รู้ดีว่าควรวางตัวอย่างไร ยิ้มเบาๆพร้อมกล่าว : “ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวไปกับพวกคุณไม่ค่อยสะดวก ฉันไม่ไปนะคะ ขอให้พวกคุณเที่ยวให้สนุก”
เซียวชุ่นรู้สึกว่าคำพูดเธอฟังดูแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร
ยังไงต้วนเจียก็พูดซะขนาดนี้แล้ว เขาจึงไม่ปฏิเสธ และรับปากไป
หลังอาหาร ต้วนเจียขับรถพาเซียวชุ่นตรงไปที่หน้าทางเข้าไนต์คลับ
“การผ่อนคลายของนายคือการมาที่แบบนี้หรือ?”
“ถ้าไม่ใช่ที่นี่ คุณเซียวคิดว่าควรจะไปที่ไหนล่ะ หรือไม่งั้นเปลี่ยนไปที่ไพรเวทกว่านี้หน่อยไหม?” ต้วนเจียกล่าวด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย ต่อหน้าเซียวชุ่นเขากลับไม่ยับยั้งชั่งใจเลย
“นายเข้าใจผิดแล้ว ไม่คิดเลยว่าคิงบอดี้การ์ดในตำนานจะชอบเที่ยวไนต์คลับ” เซียวชุ่นพูดติดตลก
“ทำงานอย่างพวกเรานี้คือธุรกิจที่ปลายมีดอาบเลือด มีวันนี้ไม่มีพรุ่งนี้ สนุกซะเดี๋ยวนี้จึงจะเป็นหนทางที่ถูก”
ทั้งสองคนเดินไปคุยไป ไม่ช้าก็เดินเข้ามาในร้านแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...