“แกเห็นว่าพวกเราตาบอดกันใช่ไหม? ลูกอย่าไปเชื่อคำพูดบ้าๆนี่ของเขานะ วันนี้พวกแกจะต้องหย่ากัน!”หลิวหยุนเซียงเอ่ยขึ้น
หลังจากที่เงียบไปอยู่นาน
เหยาเสินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเซียวชุ่น : “ฉันเชื่อ”
หลิวหยุนเซียงมองเหยาเสินด้วยความประหลาดใจ แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ : “แกว่าอะไรนะ? แกเชื่อคำพูดบ้าๆนี่ของเขาอย่างนั้นเหรอ?”
“แม่คะ หนูเชื่อเขาค่ะ”
เวลาสามปี เพียงพอที่เธอเข้าใจชัดเจนในคุณสมบัติของคนๆหนึ่งได้ ถึงแม้ว่าเซียวชุ่นจะเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ไม่มีอะไรดีซักอย่างก็จริง แต่คุณสมบัติของเขาเธอชัดเจนดีมาก เขาไม่เคยโกหก อย่างน้อยๆเขาก็ไม่โกหกตัวเอง
“โอ้ว พระเจ้า นี่ฉันไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้ ให้ฉันตายไปเสียเลยดีกว่า ทำไมถึงต้องมาเจอกับเด็กโง่ๆอย่างแกด้วยนะ ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่มันกรอกอะไรให้แกเชื่อคำพูดเขากันแน่ แม้แต่คำพูดของเขาแกก็เชื่อ แกทำให้ฉันโมโห ช่างมันแล้วกัน” หลิวหยุนเซียงเริ่มดุด่าออกมาด้วยความเดือดดาลอีกครั้ง
“เรื่องนี้ก็เอาไว้แค่ตรงนี้แล้วกันนะคะ หนูไปทำงานแล้ว” เหยาเสินลุกขึ้นเอ่ยขึ้นกับเหยาเจี้ยนกั๋ว : “พ่อคะ พ่อจะกลับไปที่โรงเรียนไหมคะ? ติดไปด้วยกันกับหนูไหม?”
เหยาเจี้ยนกั๋วมองไปยังหลิวหยุนเซียงแวบหนึ่ง เขาเองก็ไม่ยอมที่จะอยู่บ้านฟังเธองี่เง่าแบบนี้ จึงรีบเอ่ยขึ้นมา : “ตอนบ่ายพ่อมีสอน ไปกับลูกนี่แหล่ะ”
ทั้งสองคนเดินตามกันไปที่ประตู
เหยาเสินเข้าไปเปิดประตูก็เห็นคนสูงวัยผมขาวแปลกหน้าคนหนึ่ง ข้างๆคนสูงวัยมีชายวัยกลางคนที่สวมใส่แว่นตาอย่างมีความเป็นผู้ดียืนอยู่ด้วย
“มาหาใครคะ?”
“ผู้อำนวยการหวาง? ท่านมาได้อย่างไรครับ?”เหยาเจี้ยนกั๋วเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ
คนที่มานั้นเป็นหวางโป๋ซงและหวางเหวินเหย้าลูกชายของเขา ถึงแม้ว่าเหยาเจี้ยนกั๋วกับหวางโป๋ซงจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกันนัก แต่งานสำคัญๆของโรงเรียนก็เคยเจอกันอยู่สองสามครั้ง รู้ว่าเขาเป็นบุคคลที่เหมือนเป็นนามของมหาวิทยาลัยตงหลิน และเป็นอธิการบดีที่มีเกียรติและมีชื่อเสียงของตงหลินด้วยเช่นกัน
หวางโป๋ซงยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ทำไมหรือ? ไม่คิดที่จะเชิญคนแก่ๆอย่างฉันเข้าไปในบ้านหน่อยหรือไงกัน?”
เหยาเจี้ยนกั๋วมัวแต่สนใจเรื่องที่กำลังรู้สึกประหลาดใจอยู่ ลืมให้พ่อลูกตระกูลหวางเข้าไปด้านใน
หวางโป๋ซงเป็นใครกัน?
เขาดำรงตำแหน่งอยู่ที่ตงหลินเป็นสิบปี จากวิทยากรธรรมดาๆคนหนึ่งจนได้กลายมาเป็นอธิการบดี ต่อมาหลังจากที่เกษียณอายุไปแล้วก็ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีกิตติมาศักดิ์ มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง อีกทั้งมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ มีลูกศิษย์มากมายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง คณะกรรมการวิชาการมีสมาชิกไม่น้อยที่เป็นสายที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากเขาโดยตรง
แม้แต่คณบดีสถาบันเคมีคนปัจจุบันก็เป็นนักเรียนของเขาด้วยเช่นกัน และเป็นสมาชิกของคณะกรรมการวิชาการด้วยเช่นกัน ถ้าหากเขายอมพูดถึง ครั้งนี้ตำแหน่งศาสตราจารย์ของตัวเองก็จะยิ่งมีความมั่นใจขึ้นมากแล้ว
นอกจากนี้ คนที่สามารถควบคุมอำนาจระดับสูงในเมืองเจียงไห่ปัจจุบันนี้ก็เป็นนักเรียนที่เขาเคยสอนอีกด้วยเช่นกัน
บุคคลในตำแหน่งแบบนี้มาหาเขาถึงที่บ้านจะให้เขาไม่ตื่นตกใจได้อย่างไรกัน
เพียงแต่ปกติแล้วตัวเองไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับนักวิชาการท่านนี้ จึงรู้สึกมึนงงอยู่เล็กน้อยจริงๆว่าทำไมวันนี้เขาถึงได้มาหาถึงที่ด้วยตัวเองแบบนี้
เขามีสติขึ้น แล้วเอ่ยพูด : “นายท่านหวาง เชิญเข้ามาได้เลยครับ”
พลางออกคำสั่งกับเหยาเสิน : “รีบไปเอาชาต้าหงเผามาเร็วเข้าคุณ”
หลิวหยุนเซียงที่กำลังเดือดดาลอยู่ตลอดนั้นเวลานี้ก็หยุดลงแล้ว ในบ้านมีแขกมา เห็นว่าเหยาเจี้ยนกั๋วดูให้ความเคารพขนาดนั้นแล้วก็รู้ว่าสถานะของคนที่มานั้นสำคัญ เธอหยาบคายอีกก็รู้ว่าเอะอะในเวลานี้ก็จะกลายเป็นเรื่องตลกแล้ว
หลังจากที่หวางเหวินเหย้าประคองหวางโป๋ซงเข้ามาแล้ว ก็เห็นเซียวชุ่นในทันที
“ผู้เพื่อนเซียว พวกเราพบกันอีกแล้วนะ”หวางโป๋ซงยิ้ม พลางก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้วโค้งตัวลงและเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม
เซียวชุ่นพยักหน้าลงเป็นการทักทาย
ตระกูลเหยาทั้งสามคนนั้นมีใบหน้าที่ประหลาดใจ ในใจรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างไม่ได้นัดกันไว้ ว่าทำไมคนที่มาถึงได้รู้จักกับบุคคลไร้ประโยชน์คนนี้ได้?
“แน่นอนสิ”เซียวชุ่นตอบกลับไปนิ่งๆ
“ดูแล้วคุณจะไม่เข้าใจลูกเขยคุณมากเท่าไหร่นักนะ แต่ไม่ว่าจะว่าอย่างไร ผู้เพื่อนเซียวก็รักษาคนแก่ๆอย่างผมหายแล้ว”จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องถาม : “ศาสตราจารย์เหยา คุณอยู่ในตำแหน่งรองศาสตราจารย์มากี่ปีแล้ว?”
“12ปีครับ”เหยาเจี้ยนกั๋วตอบ
“คุณนี่นะ ผมสืบมาแล้ว ระดับการสอนไม่มีอะไรต้องพูด การปฏิบัติตัวที่มีเกียรติและคุณงามความดีเกินไป น้ำใสสะอาดเกินไปก็จะไม่มีปลามาแหวกว่าย ตกลงไปในถังสีก็อย่าคิดว่าจะออกมาอย่างตัวสะอาดสะอ้าน พูดจากใจนะ คนเหล่านั้นในคณะกรรมการวิชาการคุณรู้สึกว่าพวกเขาเป็นน้ำสะอาดหรือเปล่า หลักทำนองคลองธรรม ไม่มีอะไรก็เดินออกมาดูให้มากหน่อย ไม่มีผลเสียหรอก”
“นายท่านหวาง หลักการนี้ผมเข้าใจครับ ก็แค่ไม่มีวิธีเลยครับ”เหยาเจี้ยนกั๋วมีใบหน้าที่กลัดกลุ้ม
“ผ่านไปอีกสองสามวันผมมีการนัดพบปะกัน ล้วนแต่เป็นนักเรียนและเพื่อนๆของผมทั้งนั้น คุณไปด้วยกันกับผม ผมจะช่วยแนะนำคุณให้”
ดวงตาเหยาเจี้ยนกั๋วเป็นประกาย “ดีมากๆเลยครับ แบบนี้ต้องขอบคุณท่านมากๆเลยนะครับ”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ขอบคุณลูกเขยของคุณดีกว่า ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่ได้มาหาคุณถึงที่นี่ คุณอายุขนาดนี้แล้ว พวกคนมากประสบการณ์ในสถาบันต่างก็พูดกันว่าคุณหยิ่งมาก”หวางโป๋ซงเอ่ยขึ้นพลางยิ้มอย่างเปิดเผย
“อยู่ต่อหน้าท่านจะทำหยิ่งได้เสียที่ไหนกันล่ะครับ ท่านคือสัญลักษณ์ของสถาบันของพวกเรา นักวิชาการที่โดดเด่นเชียวนะครับ”
หวางโป๋ซงโบกมือ แล้วหันมาพูดกับเซียวชุ่น : “ผู้เพื่อนเซียว ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้อง ไม่รู้ว่า.....”
“ว่ามาเถอะครับ”เซียวชุ่นไม่ชอบพูดอ้อมค้อมมาโดยตลอด คนสูงวัยคนนี้พูดจาสุภาพเรียบร้อยมากฟังแล้วไม่รื่นหูอยู่เช่นกัน
“คือแบบนี้นะ ฉันอยากจะเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยตงหลินเชิญคุณไปเป็นวิทยากรพิเศษของสถาบันแพทย์แผนจีนของเรา มาถ่ายทอดวิชาการรักษาโดยการฝังเข็มให้กับนักเรียนของพวกเราโดยเฉพาะ ค่าตอบแทนนั้นคุณจะต้องพอใจอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าคุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?”หวางโป๋ซงเอ่ยพูดขึ้นด้วยท่าทางนอบน้อมและจริงใจ
“ผมไม่สนใจเรื่องการสอนครับ”เซียวชุ่นปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
เหยียนหวงสิบสามเข็มจำเป็นต้องอาศัยชี่ทิพย์ถึงจะสามารถมีผลดีที่น่าทึ่งได้ ที่เขายินยอมรับซ่งหลิงเอ๋อร์ก็เพราะรู้สึกถึงชี่ทิพย์ที่อยู่ในร่างกายของเธอ ถึงแม้ว่าจะเบาบางมาก แต่อย่างน้อยก็แสดงว่าเธอมีพรสวรรค์สูง ถ้าหากสอนอย่างละเอียดรอบคอบ วันหนึ่งเธออาจจะทำลายรากฐานก็ได้ ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ถึงเวลานั้นเธอเองก็สามารถแสดงออกมาได้เพียงสามเข็มเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...