แล้วอีกอย่าง ซ่งหลิงเอ๋อร์คนที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เกิดแบบนี้นับว่าเป็นหนึ่งในหมื่น ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียเวลากับการเผยแพร่หลักการและการสอน อีกทั้งเรื่องโง่ๆแบบนี้ก็จะไม่มีผลอีกด้วย
มีลูกศิษย์อย่างซ่งหลิงเอ๋อร์คนนี้ก็ยุ่งยากแล้ว ยังจะไปสอนนักเรียนอีกเป็นกลุ่มอีก นั่นเป็นการล้อเล่นแล้ว
การปฏิเสธโดยไม่ลังเลของเซียวชุ่นทำให้หวางโป๋ซงรู้สึกอึ้งไป
หลิวหยุนเซียงยิ่งจ้องมองไปที่เขาด้วยความคาดหวังที่จะให้เขาได้ดี วิทยากรพิเศษ คำเรียกนี้ฟังดูแล้วไม่เลวเลย สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัย จะว่าอย่างไรก็เป็นชีวิตที่มีเกียรติอยู่แล้วเช่นกัน พูดคุยกับผู้คนก็ถึงกับเงยหน้าไม่ขึ้นเหมือนกับแบบนี้ในตอนนี้
อีกทั้งเขายังรับปากเรื่องค่าตอบแทนอันเป็นที่น่าพอใจแล้ว ฟังดูแล้วจะต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน เธอคิดไม่ตกเลยจริงๆว่าคนไร้ประโยชน์ที่แม้แต่งานก็ไม่มีนั้นทำไมถึงปฏิเสธได้
เพียงแต่ตอนนี้มีแขกอยู่ตรงนี้ด้วย เธออารมณ์เสียไม่ได้ ความโมโหนี้อัดแน่นอยู่ในใจทำให้เธอรู้สึกแย่มาก
เหยาเสินเองก็มองเขาอย่างประหลาดใจอยู่บ้างเช่นกัน แต่ใบหน้ากลับสงบนิ่งมาก
“อา ถ้าอย่างนั้นไม่เป็นไร ไม่รู้ว่าผู้เพื่อนเซียวสนใจทางด้านไหนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกิจ หรือว่าอยากจะอยู่ที่โรงเรียน โรงพยาบาลหรือแม้กระทั่งตำแหน่งในหน่วยงานราชการ คนแก่ๆอย่างฉันอยู่ว่างๆมาหลายสิบปี ก็ยังพอมีความสัมพันธ์อยู่บ้าง สามารถช่วยคุณได้”
หวางโป๋ซงสืบมาแล้ว ตอนนี้เซียวชุ่นเป็นลูกเขยของตระกูลเหยา ไม่มีงานทำ ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าเป็นพวกคนไร้ประโยชน์อยู่ตลอด เกาะผู้หญิงกิน ถึงได้เป็นแบบนี้
เซียวชุ่นยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ผมยังไมได้คิดให้ดีเลยครับ เรื่องนี้ไม่รีบหรอกครับ”
“ก็ดีเหมือนกัน แบบนี้แล้วผมก็ไม่มีเรื่องอื่นแล้วล่ะ ผู้เพื่อนเซียวถ้าหากมีความจำเป็นก็ขอให้เอ่ยปากบอกมาได้เลย”
หวางโป๋ซงที่ถูกหวางเหวินเหย้าประคองอยู่นั้นยืนขึ้นแล้วบอกลา : “วันนี้รบกวนมามากแล้ว พวกเราขอตัวกลับก่อน”
หลังจากที่เหยาเจี้ยนกั๋วส่งทั้งสองคนออกไปแล้ว ในที่สุดหลิวหยุนเซียงก็ระเบิดความโมโหที่อยู่ในใจออกมา
“แกนี่เป็นพวกคนที่ไม่สามารถประคองความสำเร็จเอาไว้แล้วจริงๆสินะ เขาหางานมาให้แกทำถึงที่บ้านแล้ว คนไร้ประโยชน์อย่างแกยังจะปฏิเสธไปแบบนี้อีก แกอยากจะอาศัยครอบครัวของพวกเรา ให้ลูกสาวฉันเลี้ยงแกใช่ไหม? หรือว่าแกทำอะไรไม่เป็นเลยตั้งแต่ไหนแต่ไรมาอยู่แล้ว กลัวว่าอยู่ทางนั้นแล้วจะมีพิรุธอย่างนั้นเหรอ?”
หลังจากที่พ่อลูกตระกูลหวางกลับออกไปแล้ว ความโมโหที่สะสมอยู่ในใจของหลิวหยุนเซียงก็ระเบิดออกมา เอ่ยถามขึ้นอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้
เหยาเสินมองเซียวชุ่นอย่างจนปัญญา ส่ายหน้าอยู่ในใจ เธอเองก็ไม่เข้าใจคนเลวๆคนนี้เหมือนกันว่าคิดอย่างไรอยู่กันแน่
ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าเซียวชุ่นมีทักษะทางการแพทย์จริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้วก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาหายหลายครั้งขนาดนี้
หรือว่าในใจจะมีเรื่องที่คาดเดาได้ยากไม่สามารถพูดออกมาได้กัน? กลัวว่าอยู่ต่อหน้านักเรียนแล้วจะปล่อยไก่ออกมา?
สามปีมานี้ ในบ้านเซียวชุ่นแสดงตัวออกมาอยู่ในฐานะที่ต่ำต้อยมาโดยตลอด ภาพลักษณ์ที่คอยแต่รับปากโดยไม่มีความคิดเห็นใดๆของเขาฝังลึกอยู่ในใจของเหยาเสินไปแล้ว
ถึงแม้ว่าช่วงสองสามวันนี้จู่ๆเขาจะเปลี่ยนไปเหมือนกับเป็นคนละคนก็ตาม แต่ภาพลักษณ์ที่ต่ำต้อยของเขากลับเป็นรากที่หยั่งลึกมาก
เหยาเสินไม่ได้เอ่ยพูดออกมา และออกไปทำงานโดยไม่ได้บอกกล่าว
ถึงอย่างไรหลิวหยุนเซียงด่าก็ส่วนด่า เธอเองก็ไม่สามารถทำอะไรเซียวชุ่นได้อยู่แล้ว
เหยาเจี้ยนกั๋วไปส่งหวางโป๋ซงกลับบ้านมาแล้วนั้น เพิ่งจะออกมาจากทางประตูลิฟต์ บังเอิญพบกับเซียวชุ่นที่ออกมาพอดี
เดินเข้าไปตบไหล่เขา รอยย่นบนใบหน้าแผ่ออก : “แกนี่ไม่เลวเลยนี่ นับว่าทำเรื่องดีๆเพื่อครอบครัวนี้แล้ว”
เขามองประตูบ้าน ได้ยินเสียงหลิวหยุนเซียงที่กำลังด่าว่าอยู่ในบ้าน จึงไม่กลับไปเสียเลย เลี่ยงความโมโหจะมาอยู่ที่ตัวเองไปด้วย จึงตามเซียวชุ่นเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน
“ตอนที่อายุไม่เยอะแม่แกไม่ได้เหมือนแบบนี้หรอก อายุเยอะแล้ว แกก็รู้ เพราะฉะนั้นอย่าเอามาใส่ใจเลย”เหยาเจี้ยนกั๋วเอ่ยขึ้น
“ไม่หรอกครับพ่อ”เซียวชุ่นยิ้มพลางเอ่ยพูดนิ่งๆ
“แกบอกความจริงกับฉันมา ว่าเด็กผู้หญิงในรูปถ่ายกับแกความจริงแล้วไม่ได้มีอะไรกันใช่ไหม?” เหยาเจี้ยนกั๋วมองเซียวชุ่นพลางเอ่ยขึ้นขึ้นอย่างกังวล
“เป็นเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกันครับ”เซียวชุ่นตอบกลับ
“ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะเรียนทักษะทางการแพทย์เหรอ? อยากจะเรียนทักษะทางการแพทย์ของผมเป็น ก็จะต้องฟังผม เพราะฉะนั้นคุณเพียงแค่ทำตามที่ผมบอกก็พอ”เซียวชุ่นคิดว่าอธิบายก็จะเป็นการยุ่งยากเกินไป จึงเลือกที่จะพูดถูๆไถๆไปก่อน
“อ่อ....”ซ่งหลิงเอ๋อร์ทำปากมุ่ย แล้วไม่ได้เอ่ยพูดออกมาอีกอย่างว่าง่าย
สตาร์ทรถแล้วขับไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“คุณไม่ต้องไปเรียนเหรอ?”จู่ๆเซียวชุ่นก็เอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่ต้องหรอก ฉันทายาทเศรษฐีนะ พวกคุณเรียนหนังสือกันก็เพื่อหางานทำในอนาคต เป้าหมายสุดท้ายแล้วก็คือการหาเงิน ฉันไม่จำเป็นต้องเรียนก็มีเงินเยอะแยะแล้ว”ซ่งหลิงเอ๋อร์ขับรถไปพลางเอ่ยขึ้น
เซียวชุ่น : “ที่คุณพูดก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลอยู่เหมือนกันนะ.....”ในใจของเขานั้นพูดไม่ออก มีเงินนี่สุดยอดเสียจริงๆ
ซ่งหลิงเอ๋อร์หัวเราะออกมา
“สืออันถัง ชื่อนี้ไม่เลวเลย ที่นี่แล้วกัน”
หลังจากนั้นห้านาที รถก็จอดลงตรงข้างทาง ตรงกันข้ามกับถนนนั้นมีร้านยาจีนร้านหนึ่งที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแบบโบราณๆ เซียวชุ่นมองไปด้านบนประตูที่มีตัวอักษรสามตัวใหญ่ที่ดูมีพลังและแข็งแกร่งพลางเอ่ยขึ้น
ทั้งสองคนลงจากรถแล้วข้ามถนนมา เดินเข้าไปในร้านได้กลิ่นหอมของสมุนไพรที่เข้มข้นและหอมละมุนลอยตลบอบอวลไปทั่วทุกทิศทาง
ในร้านกว้างขวาง และการตกแต่งเองก็ดูหรูหรามากอีกด้วย เคาน์เตอร์ไม้แข็งทาสีแดงมันวาว ด้านหนึ่งของเคาน์เตอร์มีขวดแก้วที่สมุนไพรชนิดต่างๆวางอยู่ไม่กี่ขวด
ชั้นยาสีดำที่ทั้งหนาและหนักแบ่งเป็นสองชั้น ด้านบนเป็นชั้นสินค้าที่เหมือนกับชั้นสมัยโบราณ วางขวดเครื่องเคลือบสีกากีอยู่สามสี่ขวด ด้านบนขวดนั้นใช้ตัวอักษรตัวใหญ่ทำสัญลักษณ์ชื่อยาเอาไว้
ด้านล่างเป็นลิ้นชักเล็กๆเป็นช่องๆ ด้านบนลิ้นชักมีชื่อสมุนไพรติดเอาไว้ด้วยเช่นกัน
เวลานี้ภายในร้านมีลูกค้าอยู่จำนวนไม่น้อย ดูท่าทางคนส่วนมากแต่งตัวดีดูเป็นคนร่ำรวยมีเงินกันทั้งนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...