“ไป๋เคอ เธอเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
ตอนที่เหยาเสินเดินออกไปจากร้านอาหารก็เห็นไป๋เคอนั่งยองร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ริมถนน ดึงดูดสายตาผู้คนให้หยุดเดิน เธอรีบเข้าไปพูดด้วยความเป็นห่วง
ไป๋เคอได้ยินเสียงของเธอ หยุดเสียงร้องไห้ทันที แล้วเงยหน้ามองเธอ กัดฟันแน่นแล้วพูด “เธอมาหัวเราะเยาะฉันเหรอ?ตอนนี้พิธีแต่งงานของฉันถูกยกเลิกแล้ว เธอพอใจแล้วไหม?!”
เหยาเสินเกิดความสับสนไปชั่วขณะ พิธีแต่งงานของเธอยกเลิกแล้วเกี่ยวอะไรกันกับเธอ?
แต่เธอยังพูดปลอบใจด้วยท่าทีอ่อนโยน “พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนเดียวกัน ก็เป็นเพื่อนกัน ฉันจะหัวเราะเยาะเธอได้ไง?แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น เธอค่อยค่อยบอกฉัน”
“เธอออกไปให้พ้น!การเสแสร้งนี้ให้น้อยลงหน่อย ฉันมีวันนี้ยังไม่ล้วนเป็นเธอที่ทำร้ายเหรอ ยังมีสามีคนนี้ของเธอ!”
ไป๋เคอพูดต่อด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา “เหยาเสิน เธอเป็นหนูใหญ่ผู้มีเกียรติคนหนึ่ง ได้รับความรักมากมายมหาศาลทั้งหมด ส่วนฉันเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่มากจากเมืองเล็กเล็กเพื่อมาขอความรู้ที่เจียงไห่”
“เธอรู้ไหม?ก่อนหน้านี้ตอนที่เรียนอยู่ต่อหน้าเธอฉันมีความรู้สึกต้อยต่ำมากมาย แม้แต่ความเสริมให้เด่นของเธอฉันก็เทียบไม่ได้เลย ฉันได้แต่สาบานอยู่เงียบ ๆ ต้องมีสักวันหนึ่งที่ฉันลูกเป็ดขี้เหร่คนนี้ก็สามารถกลายเป็นหงส์ขาวได้ ถึงวันนั้น ฉันจะต้องเหยียบเธอไว้ใต้เท้าฉันให้ได้
ใช่ ก็คือเหยียบเธอหนูใหญ่ผู้มีเกียรติคนหนึ่งไว้ใต้เท้า นี่ก็คือเป้าหมายตลอดมาในหลายปีนี้ของฉัน มันในไม่ช้าก็จะกลายเป็นจริงแล้ว แต่ว่าสามีไร้ประโยชน์คนนี้ของเธอกลับก่อกวนหยาบคาย แล้วจะให้ฉันไม่เกลียดได้ไง!”
เหยาเสินฟังที่เธอพูดเสร็จ ฉับพลันก็เกลียดความหนาว
นี่ก็คือเมื่อก่อนเธอเวลาอยู่หอจะหันเข้าหากันตลอด เพื่อนที่ดีที่คู่ควรเป็นพี่น้อง ถึงแม้ว่าหลังจากเรียนจบก็มักจะสังสรรค์ด้วยกันบ่อย ๆ เป็นเพื่อนที่ “เปิดใจพูด” ได้ไม่กี่คนของเธอ ถึงแม้ในวันเดียวกันตอนแสดงชุดแต่งงานจะถากถางเธอหลายครั้งหลายคราว ตัวเองก็ไม่ได้เก็บมาไว้ในใจเลยจริง ๆ
ตอนนี้ ช่างถากถางเหลือเกิน
แม้ว่าอารมณ์ของเธอจะดีมากเท่าไหร่ ในเวลานี้ก็ไม่อาจทองไม่รู้ร้อนไม่ได้ พูดด้วยใบหน้าเย็นชา “แต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยเปรียบกับเธอ อีกทั้งยกย่องให้เธอเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของฉัน เธอจะเป็นทำแบบนี้ไปทำไม”
“ใช่ เธอไม่ได้เอาตัวเองมาเปรียบกับฉัน เพราะแต่ไหนแต่ไรเธอก็ไม่ควรค่าที่จะเปรียบกับฉัน!” ไป๋เคอร้องหพูดตะโกน
“พาลหาเรื่อง”
เหยาเสินพูดเสร็จก็หันตัวเดินออกไป แต่ไป๋เคอกลับเดินไปข้างหน้าสองก้าว จับไปที่ไหล่ข้างหนึ่งของเธอ ยกฝ่ามือขึ้นต้องการตีลงไป
เหยาเสินถูกเธอลงมืออย่างฉับพลันโดยไม่ทันได้ตั้งตัวจนตื่นตกใจ คาดไม่ถึงว่าจะลืมหลบไปชั่วขณะ
แต่ทว่าเวลาสั้น ๆ ก็กลับหยุดชะงักอยู่ที่นั่น เซียวชุ่นดึงเธอเข้ามาในอ้อมอก จับแขนข้างหนึ่งของไป๋เคอ
ใบหน้าเขาไร้อารมณ์ ไม่มีคำพูดใดใดออกมาใช้แรงสะบัดมือที่อยู่กลางอากาศของเธอออกไป แล้วดึงเหยาเสินก้าวเท้าออกไป เหลือไว้เพียงไป๋เคอคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนั้น สายตาเคียดแค้นมองไปยังหลังของทั้งสองคน
เซียวชุ่นสามารถรู้สึกได้ถึงร่างกายบอบบางของเหยาเสินค่อยค่อยสั่นเทิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อย่ากลัว มีฉันอยู่”
เหยาเสินเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง หัวเราะอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันโมโหต่างหาก”
ไม่ว่าจะเป็นยังไง ในเวลานี้ในอ้อมอกกว้างของเซียวชุ่น ยังคงทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นมากยิ่งขึ้น เมื่อกลับมาถึงในรถคาดไม่ถึงว่าจะมีความอาลัยอาวรณ์ถึงอดีตอย่างเกินบรรยาย
“ตกลงเป็นยังไงกันแน่?ทำไมไป๋เคอถึงบอกว่างานแต่งของเธอถูกคุณก่อกวนอย่างหยาบคาย?” หลังจากอยู่ในรถสงบอารมณ์ครู่หนึ่ง เหยาเสินก็ถาม
“เรื่องนี้โทษผมไม่ได้จริง ๆ” เซียวชุ่นพูดด้วยใบหน้าไร้ความผิด
เขานำเรื่องที่เกิดขึ้นที่ธนาคารเมื่อวานมาอธิบายกับเหยาเสินอีกรอบอย่างละเอียด
เหยาเสินถอนหายใจออกมาเบาเบา “เรื่องนี้โทษคุณไม่ได้จริง ๆ”
“เป็นเธอที่หมกมุ่นจนเกินไป พาตัวเองให้จริงจังจนเกินไปแล้ว” เซียวชุ่นพูด
เหยาเสินส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้
ไปได้ครึ่งทางเซียวชุ่นก็ลงจากรถ มุ่งไปที่สืออันถัง เลือกส่วนประกอบยาบางอย่างกลับมาที่จิ่นซิ่วกั๋วจี้ แค่เข้าประตูไปแต่กลับพบว่าหลิวหยุนเซียงยังไม่ไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...