เซียวชุ่นตั้งใจไม่ใช้พลังวิญญาณมาควบคุมไฟ จะใช้ก๊าซเชื้อเพลิง เพราะต่อไปถ้าต้องผลิตชุดเล็กแล้วล่ะก็ ก็จำเป็นต้องนำขั้นตอนเหล่านี้เป็นมาตรฐาน
เขาหยิบกระดาษปากกามา ทำรูปแบบทรงกลมที่ละเอียดมากสำหรับติดบนวาล์วควบคุมเตาแก๊ส กลั่นไปพลางจดบันทึกระดับความร้อนไปพลาง แน่นอนว่ารวมถึงบันทึกจังหวะส่วนผสมที่เป็นน้ำกับเครื่องปรุงยาจีนที่ใส่ไป
ผ่านไปสองชั่วโมง ยาเหนียวๆหม้อแรกดำเปรอะออกจากเตา เขาหยิบช้อนไปตักมาชิม สัมผัสอย่างละเอียดสักหน่อย ประกาศให้รู้ว่าล้มเหลว
ดูท่าแล้วยังไม่ใช่เรื่องระยะเวลาสั้นสั้นจริง ๆ ต้องทดลองซ้ำหลาย ๆ ครั้ง
ตอนนี้สตาร์ไลท์บีโอเพิ่งจะประมูลได้ ก็ยังไม่ได้รีบร้อนมากชั่วคราว สามารถค่อยเป็นค่อยไปได้
……
ขณะเดียวกัน คฤหาสน์หลังเก่าตระกูลซ่ง ซ่งเจิ้นไห่ไม่ทุกข์ไม่ร้อนพิงอยู่บนเก้าอี้ไม้เรดวู้ดจีนหลับตาพักผ่อน บนโต๊ะเตี้ยด้านข้าง มีชาหนึ่งกา พัดหนึ่งด้าม หยกแกะสลักที่ซ่งชิงซานส่งกลับมาก็อยู่
“พ่อครับ พ่อรู้สึกเป็นยังไงบ้าง?ซ่งชิงซานถาม
“จิตใจชื่นมื่น นั่งอยู่ข้างมันก็คล้ายกับนั่งอยู่ข้างหูซินเหยียนแห่งเจียงหนาน มีมันแล้วฉันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตวัยเกษียณถึงเจียงหนานแล้ว อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน”
ซ่งเจิ้นไห่ลืมตา หัวเราะหึหึ อดไม่ได้ที่จะชื่นชมอีกครั้ง “เป็นของดีนะ เป็นของที่ดีมากจริง ๆ”
“พี่เซียวบอกว่าของสิ่งนี้สามารถรักษาให้พ่อมีสุขภาพแข็งแรงไร้กังวล พรุ่งนี้ผมต้องกลับไปก็วางใจแล้ว”
ซ่งเจิ้นไห่มองลูกชายคนเล็กสุดในบ้านด้วยแววตารักใคร่ แล้วพูดอย่างปลื้มใจ “ไปเถอะ พวกเราตระกูลซ่งกิจการและการค้าสองอาณาจักรอย่างน้อยยังเป็นที่ยอมรับของผู้อื่นในเจียงหนาน ขาดอย่างเดียวคืออาณาจักรทหาร มักจะไม่จิตสงบ แกกลับไปทำให้ดีดี”
“ผมสมัครเข้าเป็นทหารก็เพื่อตอบแทนประเทศชาติ ไม่ใช่เพื่ออำนาจ ” ซ่งชิงซานไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น
“ตอบแทนประเทศชาติไม่ได้ขัดแย้งกับคุมอำนาจ มีเพียงแกเข้าใจอำนาจมากพอแกถึงจะสามารถจะทำในตำแหน่งที่สำคัญได้มากยิ่งขึ้นไม่ใช่เหรอ?” ซ่งเจิ้นไห่พูด
“ที่พ่อพูดก็ถูกครับ” ซ่งชิงซานพูดแล้วค่อยค่อยพยักหน้า
“อีกอย่างก็คือ ผมกับพี่เซียวถูกชะตากัน วันนี้เขาลงโทษตระกูลซือคงที่งานประมูล เกรงว่าพวกเขาจะไม่เป็นมิตรแบบนี้แล้ว ต่อไปพี่เซียวจะต้องลำบากไม่น้อยแน่……”
“ลุงชิงซาน ยังถีบขาของซือคงซิงไป” ซ่งชิงซานยังพูดไม่ทันจบก็ถูกซ่งหลิงเอ๋อร์พูดขัด
สายตาแก่ชราของซ่งเจิ้นไห่ มองไปมาระหว่างลูกชายและหลานอย่างลังเลหลายครั้ง แล้วพูดหัวเราะ ห้าห้า
“ดูท่าผู้มีพระคุณท่านนี้ที่ช่วยชีวิตฉันทำให้พวกเธอสองคนเลื่อมใสศรัทธาที่สุด อันนี้พวกเธอไม่จำเป็นต้องกังวล พี่เซียวเธอพวกเราตระกูลซ่งรับรองไว้แล้ว สุภาษิตกล่าวไว้ว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเจียงไห่นี้มีถึงสี่ตระกูลใหญ่ เปลือกนอกรักษาความสมดุลไม่ช้าก็เร็วต้องแตกหัก ถึงอย่างไรก็ต้องแยกผู้แพ้ชนะ ถ้าหากตระกูลซือคงกล้าที่โผล่ออกมา งั้นก็กระแทกไปหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไร”
ซ่งเจิ้นไห่มีลางบอกเหตุบางอย่าง คนที่กวนน้ำในทะเลสาบนี้ของเจียงไห่ให้เข้ากันก็ปรากฏตัวแล้ว
เขาหยุดไปแปบหนึ่งแล้วพูด “ฉันยังประเมินค่าพี่เซียวคนนี้ของแกไว้ต่ำ ตอนนี้พวกเราตระกูลซ่งปกป้องเขา ในอนาคตไม่แน่วันไหนพวกเราตระกูลซ่งยังต้องพึ่งพาเขาคุ้มครอง”
ซ่งหลิงเอ๋อร์แค่กลับมากอารมณ์เพลิดเพลินอย่างมาก นำเรื่องที่เกิดขึ้นในงานประมูลพูดอย่างสมจริงสมจังให้ซ่งเจิ้นไห่ฟังอีกรอบ ในสายตาเปล่งประกายแวววาวยกย่องตลอดเวลา
ซ่งเจิ้นไห่ถึงแม้รู้สึกว่าเซียวชุ่นถึงอย่างไรก็ยังหนุ่ม หลีกเลี่ยงไม่พ้นความสามารถที่มากเกินไป แต่แสดงออกมาถึงความยกย่องในความกล้าหาญและพลังของเขามาก
ซ่งชิงซานก็คาดไม่ถึงว่าบิดาจะมองเซียวชุ่นด้วความเคารพเช่นนี้ ภายในใจก็แน่วแน่มั่นคง
ซ่งเจิ้นไห่พูดต่อไปอีกรอบ พูดแล้วมองซ่งหลิงเอ๋อร์ด้วยความหมายลึกซึ้ง “หลิงเอ๋อร์ ได้ยินว่าช่วงนี้หลานอยู่ใกล้ชิดกับเซียวชุ่นมาก หลานคิดว่าเขาเป็นคนยังไงบ้าง?”
“อาจารย์ของหนูแน่นอนว่ามีพรสวรรค์โดดเด่น……”
ซ่งหลิงเอ๋อร์พูดได้ครึ่งคำก็หยุดลง กะพริบตาถี่ “คุณปู่ สะกดรอยตามหนู?”
“ปู่ต้องสะกดรอยตามหลานเหรอ?หลานกับเซียวชุ่นรูปภาพใบนั้นล้วนใกล้แพร่ไปทั่วเมืองเจียงไห่แล้วไหม?” ซ่งเจิ้นไห่พูดด้วยเสียงหัวเราะ
“ปู่ ไม่ได้ขนาดนั้นสักหน่อย” ซ่งหลิงเอ๋อร์แสร้งพูดทำเป็นโกรธเคือง
“งั้นเป็นปัญหาของมุมมอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...