ซ่งเจิ้นไห่ได้ยินพวกเขาสองคนพูดเช่นนี้ก็มองเซียวชุ่นด้วยความหมายลึกซึ้ง ดูออกว่าสถานะในตระกูลเหยาของเขาต่ำต้อยถึงขีดสุด
“ได้ วันหลังฉันจะลองถามดูว่าเขามีเวลาว่างไหม แต่พ่อหนุ่มต้องให้เกียรติฉันด้วย”
เซียวชุ่นกำลังกินอาหารอย่างลอยหน้าลอยตา ได้ยินดังนั้นก็แค่พยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
คนตระกูลเหยาเห็นแล้วรู้สึกอารมณ์เดือดปุดๆ เล่นตัวกับซ่งเจิ้นไห่ คิดว่าตัวเองวิเศษมาจากไหนเหรอ?
หลังจากงานเลี้ยงจบสิ้น ผู้คนก็พากันรายล้อมซ่งเจิ้นไห่กับซ่งหลิงเอ๋อร์หน้าประตูโรงแรม
“พ่อหนุ่ม ฉันไปก่อนล่ะ อีกวันสามฉันจะโทรหานะ” ซ่งเจิ้นไห่จับมือเซียวชุ่น
“ได้ แล้วเจอกัน”
เซียวชุ่นยิ้ม ท่าทางไม่ต้อยต่ำและไม่โอ้อวด จึงต่างจากคนตระกูลเหยาที่เอาแต่ก้มหน้าก้มหน้าอย่างสัมมาคารวะอย่างลิบลับ
“นายท่านซ่งค่อยๆเดินนะครับ” เหยาเจิ้นชูเอ่ยด้วยความนบน้อม
เมื่อส่งคนตระกูลซ่งทั้งสองกลับแล้ว โอหยางเจิ้งก็เอ่ยคำอำลา ก้าวเข้าไปตบบ่าเซียวชุ่นพร้อมกับเอ่ยว่า “พ่อหนุ่ม หวังว่าจะไม่ถือสาเรื่องวันนี้ นายหาเวลามาเที่ยวบ้านโอหยางนะ ฉันจะจัดโต๊ะอาหารเพื่อเป็นการไถ่โทษนะ!”
“นายท่านโอหยางเกรงใจเกินไปแล้ว”
เซียวชุ่นพูดถูไถไปหนึ่งประโยค เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายยำเกรงตนกับซ่งเจิ้นไห่ และด้วยความสัมพันธ์ของเขากับเต้าเหยินบัวเขียว จึงพูดเป็นพิธีรีตองไปเท่านั้น
เพราะในนัยน์ตาโอหยางเจิ้งไม่ได้มีความเคารพเฉกเช่นเมื่อมองซ่งเจิ้นไห่
หลังจากแขกทยอยกลับกันหมด เหยาเจิ้นชูก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน เก็บรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นเยียบ “เซียวชุ่น ถ้านายท่านซ่งติดต่อมาหา แกต้องบอกฉันนะ ได้ยินไหม?”
“อืม”
เซียวชุ่นมือล้วงกระเป๋ากางเกง พลางตอบเสียงราบเรียบ
เขาไม่ประหลาดใจเลยสักนิดที่คนตระกูลเหยาจะปรับพฤติกรรมที่มีต่อตน แต่ตอนนี้เขาจะไม่ออกจากบ้านตระกูลเหยา เพราะเขามีโอกาสถมเถ เขาจะทำให้คนเหล่านี้เสียใจและขออภัยเขาต่อเรื่องในวันนี้และเรื่องตลอดสามปีที่ผ่านมาจากใจจริง
“ไป”
เหยาเจิ้นชูพูดเสียงเย็นเยียบ จากนั้นก็เดินขึ้นไปนั่งในรถหรูหน้าประตูโรงแรมก่อนใคร ซึ่งมีเพียงลูกหลานในเชื้อสายโดยตรงของเขาเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์อยู่บ้านเก่าแก่ประจำตระกูล
ก่อนหยาวฮั่นจะกลับไปก็ไม่ลืมหันมาพูดกับเซียวชุ่นด้วยรอยยิ้มอำมหิต
“เรื่องวันนี้ มึงจำไว้ให้ดี”
ระหว่างที่พูด ใบหน้าเขาเหมือนจะยังคงเจ็บอยู่ไม่น้อย บวกกับซ่งเจิ้นไห่กับโอหยางเจิ้งเห็นความสำคัญของเขา ตอนนี้เขาจึงเกลียดเซียวชุ่นเข้ากระดูก
ในสายตาหยาวฮั่น สิ่งเหล่านี้ควรเป็นของเขา มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติได้รับคำชื่นชมเหล่านี้
เหมือนเซียวชุ่นกำลังมองเจ้างั่งก็ไม่ปาน หยาวฮั่นในสายตาเขาเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อผู้คนแยกย้ายกันกลับ
ระหว่างทางกลับบ้าน เหยาเสิ้นทำหน้าที่ขับรถ เซียวชุ่นนั่งด้านข้าง ส่วนหลิวหยุนเซียงกับเหยาเจี้ยนกั๋วนั่งอยู่ด้านหลัง
เมื่อไม่ได้อยู่กับฝูงชน หลิวหยุนเซียงก็เลิกคิ้วถามเสียงแหลม
“เซียวชุ่น รู้จักซ่งเจิ้นไห่ได้ยังไง?”
“เคยช่วยชีวิตที่ธนาคาร”
หัวคิ้วเซียวชุ่นก็ขมวด ก่อนจะตอบใจความกะทัดรัด
หลิวหยุนเซียงกลับพูดเสียงเย็นเยียบ ทำตาขาวมองบน“ถอเหอะ ฉันยังไม่รู้น้ำยาของแกอีกเลย?สารรูปแกจะมีปัญญาเป็นหมอได้ยังไง!ถ้าแกเป็นหมอจริงคงไม่ตกอับขนาดนี้หรอก!”
“ฉันว่าสมองซ่งเจิ้นไห่ต้องมีปัญหาแน่ๆ ถึงได้ต้องตาสวะอย่างแก วันนี้ถือว่าแกโชคดี ถ้าซ่งเจิ้นไห่ไม่มาทำให้เสียเรื่อง แกต้องหย่ากับเสินเอ๋อร์แน่”
ในความคิดของเธอคือ เซียวชุ่นต้องให้ซ่งเจิ้นไห่มาขัดขวางเรื่องหย่าร้างแน่
เหยาเจี้ยนกั๋วหลับตาพักผ่อน เอ่ยเสียงเย็นเยียบ“ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก ถ้าสามารถเกาะอำนาจของตระกูลซ่งได้ ตระกูลเหยาก็มีโอกาสไต่เต้าขึ้นไปอีก”
หลิวหยุนเซียงใคร่ครวญดูแล้วจึงเสริมว่า“มีเหตุผล งั้นฉันจะทนแกไปก่อน รอให้เรื่องนี้ผ่านไปแล้วก็หย่าทันทีแล้วกัน”
เหยาเสินได้ยินพ่อแม่พูดจาดูหมิ่นเซียวชุ่นก็รู้สึกไม่ดี ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เพราะปกติพวกท่านก็มักจะพูดจาเหน็บแนมเซียวชุ่นอยู่ร่ำไป
ทว่าวันนี้เซียวชุ่นต่างจากวันวาน เมื่อเลยสามปี เขาจะมีใจทนฟังถ้อยคำหยามเหยียดได้อย่างไร?
รู้สึกโกรธขึ้งสามส่วน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...