สรุปเนื้อหา บทที่ 86 การแข่งขันประลองบู๊ – เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ โดย ลุงหมาป่า
บท บทที่ 86 การแข่งขันประลองบู๊ ของ เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลุงหมาป่า อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
“คุณก็คือคุณเซียวคนนั้นที่ช่วยพ่อของผม ?” ถึงแม้ว่าซ่งชิงโจไม่ได้อยู่ที่เจียงไห่ แต่เรื่องราวในครอบครัวเขากลับรู้เป็นอย่างดี
“พอดีเจอน่ะ แค่เรื่องเล็กน้อยก็เท่านั้น” เซียวชุ่นกล่าวราบเรียบ
“พ่อ ตกลงพ่อจะทำอะไรกันแน่ ?” ซ่งหลิงเอ๋อร์ขมวดคิ้วเอ่ย
“เมื่อกี้ฉันก็พูดไปแล้วไม่ใช่เหรอไง สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่แกควรมา รีบกลับไปเรียนเดี๋ยวนี้”
“หนูก็พูดไปแล้วเหมือนกัน เรื่องของหนูไม่ต้องให้พ่อมายุ่งหรอก ยังไงซะหลายปีมานี้พ่อก็ไม่เคยสนใจหนูอยู่แล้ว” ซ่งหลิงเอ๋อร์พูดด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่าน
หลังจากซ่งชิงโจออกจากเจียงไห่ไป สิบกว่าปีแล้วก็ไม่เคยกลับไปอีกเลย แม้กระทั่งจดหมายสักฉบับก็ไม่มี ซ่งหลิงเอ๋อร์คับแค้นใจต่อพ่อคนนี้ของเธอเป็นอย่างมาก
“พ่อมีความลำบากใจของตัวเอง บางทีสักวันหนึ่งในอนาคตแกจะรู้เอง” ซ่งชิงโจพูดด้วยสีหน้าที่เศร้าใจอยู่เล็กน้อย
“อย่างนั้นในอนาคตพ่อค่อยมาสนใจหนูแล้วกัน”
ซ่งหลิงเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนทันที พลางหิ้วกระเป๋าขึ้น แล้วเอ่ยกับเซียวซุ่น : “อาจารย์ พี่สาม พวกเราไปกันเถอะ” พูดจบก็เดินตรงออกนอกประตูไป
เซียวชุ่นมองซ่งชิงโจที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่ท้อใจ แต่นี่เป็นเรื่องครอบครัวของเขา เขาก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ตอนที่เดินไปถึงปากประตู จู่ ๆ ซ่งชิงโจก็เรียกให้เขาหยุด พลันเอ่ยด้วยสายตาที่จริงจังว่า : “รบกวนคุณเซียวดูแลลูกสาวผมให้ดี ๆ ด้วยนะครับ”
เซียวชุ่นพยักหน้าถือเป็นการตอบรับ
. . . . . .
อาทิตย์ยามเย็นค่อย ๆ ลับภูเขาที่ทอดยาวเหยียดจากที่ไกล ๆ ความมืดยามค่ำคืนก็ปืนตามขึ้นมาท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
การแข่งขันประลองบู๊ระดับกลางได้เริ่มตามกำหนดเวลา
บนพื้นที่กว้างขวางแห่งหนึ่งทางตะวันตกของเมืองได้ก่อสร้างลานประลองบู๊เป็นทรงวงกลมขึ้น บนลานประลองบู๊ห้อยธงทิวหลากสีสันไว้อยู่ แสงไฟสว่างไสวอยู่ทั่วโดยรอบ
บริเวณรอบ ๆ ใช้สายริบบิ้นสีสันที่มีหลากหลายสีล้อมขึ้นเป็นราวกั้นอย่างเรียบง่าย
ชายชาตรีชุดดำร่างใหญ่ที่หน้าตาน่ากลัวสิบกว่าคนได้ลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครกล้าทำตัวอยู่เหนืออย่างไม่รู้จักกฎ
ยานพาหนะทุกแบบเบียดเสียดด้านนอกจนแทบจะแน่นขนัด ทว่าเหลือเพียงหนึ่งทางสัญจรที่กว้างประมาณสามเมตรกันเองเพื่อเปิดให้คนใหญ่คนโตแล่นผ่านได้
วงกลมด้านในที่ใกล้กับลานประลองบู๊วางเก้าอี้นับร้อยตัว ตอนที่พวกเซียวชุ่นสามคนมาถึงมีคนจำนวนไม่น้อยนั่งกันจนหนาแน่นแล้ว
ตรงทางเข้ามีคนขายตั๋วโดยเฉพาะ สามพันเป็นแถวหลังที่ราคาถูกที่สุด ส่วนใกล้ด้านหน้ามีตั้งแต่สองหมื่นถึงห้าหมื่นซึ่งราคาไม่เท่ากัน
เงินของเซียวชุ่นให้กับเหยาเสินไปหมดแล้ว มังกรสามยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่มีเงินมาแต่ไหนแต่ไร
ดังนั้น เงินนี้มีเพียงแค่ซ่งหลิงเอ๋อร์ที่จ่ายให้ได้ เธอซื้อตั๋วราคาห้าหมื่นสามใบไปเลย
ในใจมังกรสามคิดว่า พี่เซียวเจ๋งมาก ถึงกับไม่บอกว่าจีบคุณหนูผู้ร่ำรวยของตระกูลซ่ง ซ้ำยังใช้เงินของเขาจ่าย !
นับวันเขาก็เริ่มเลื่อมใสเซียวชุ่นแล้ว
แม้ว่าจะเป็นแค่การแข่งขันประลองบู๊ระดับกลาง ยังคงมีผู้คนใหญ่คนโตจำนวนไม่น้อยลงแข่ง
โฮ๋เฉิงเหอไม่ต้องพูดถึงเลย รู้ว่าเซียวชุ่นก็มาด้วย หลังจากพาเหลียงฮั่นมาทักทายกับเขา ก็นั่งลงอยู่ที่ด้านหลังพวกเขา
คำพูดคุยโวที่เซียวชุ่นพูดออกมาเมื่อวานยังก้องอยู่ที่หู โฮ๋เฉิงเหอก็อยากลองดูว่าเขาเตรียมตัวคว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศนี้ยังไง
นอกจากโฮ๋เฉิงเหอแล้วยังมีรวมไปถึงพวกตระกูลที่มีชื่อเสียงโด่งดังสามเมืองที่อยู่รอบ ๆ หลังจากแต่ละตระกูลเข้าสนามก็จะเกิดความวุ่นวายและคำวิพากษ์วิจารณ์เป็นพัก ๆ
“ซ่งชิงโจก็มาแล้ว !”
“ทว่าฉันได้ยินมาว่าครั้งนี้สมาคมบู๊โบราณเข้าร่วมแค่ลานประลองบู๊ระดับสูงเท่านั้น อีกทั้งชนะอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ทำไมวันนี้พวกเขาก็มาล่ะ ?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ เรื่องของสมาคมบู๊โบราณคนนอกจะรู้ได้ยังไง คาดว่ามาชมการแข่งขันเพียงอย่างเดียวล่ะมั้ง”
ซือคงเฉินที่อยู่ทางนี้เพิ่งนั่งลงก็หันไปมองซ่งชิงโจ พลางยิ้มจาง ๆ แล้วเอ่ย : “นึกถึงว่าเมืองหลวงถึงกับให้ความสำคัญกับการแข่งขันประลองบู๊ของสถานที่เล็ก ๆ แบบนี้ขนาดนี้”
“สมาคมบู๊โบราณพวกคุณจะถ่อมตัวและไม่ยอมรับตำแหน่งไม่ทันเช่นกัน อัจฉริยะน่ะไม่เพียงแต่พวกคุณที่ต้องการ พวกเราก็ขาดแคลนเช่นกัน” ซ่งชิงโจตอบกลับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
สถานะภายนอกของซ่งชิงโจเป็นประธานกรรมการฮั๋วเซิ่งกรุ๊ปและบิ๊กบอสพื้นที่หนึ่งของเมืองเหว้ยฮุย ทว่าน้อยคนนักที่รู้ว่าพลังเบื้องหลังเขาที่แท้จริงแล้วนั้นเป็นตระกูลเฟิงแห่งเมืองหลวง
ตระกูลเฟิงซึ่งเป็นหนึ่งในนามสกุลที่เก่าแก่ที่สุดของฮั๋วเซี่ย ซุ่ยเหรินพ่อของฝูซีซึ่งเป็นผู้นำของสามราชาห้าจักรพรรดิโบราณกาลก็นามสกุลเฟิง เนื่องจากคนรุ่นหลังนั้นมีน้อยมาก ๆ ในตำราร้อยแซ่พันธุ์มังกรในปัจจุบันก็ไม่ได้บันทึกนามสกุลนี้เอาไว้
ตระกูลเฟิงแห่งเมืองหลวงยังไม่ได้ดำรงตำแหน่งราชการ กลับมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและซับซ้อนกับทางการ ซึ่งเป็นพลังลึกลับที่แบกรับความมั่นคงของประเทศเอาไว้อยู่อย่างหนึ่ง
สมาคมบู๊โบราณได้รวมคนมีฝีมือของฮั๋วเซี่ยเอาไว้ค่อนหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นลักษณะกึ่งทางการ การทำงานกลับกลายเป็นรูปแบบพรรคที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจมาตลอด ช่วงไม่กี่ปีมานี้กลับยิ่งคุยโวโอ้อวดมากขึ้น จนไม่สามารถไม่ให้ความสนใจได้
แม้ว่าการแข่งขันประลองบู๊ครั้งนี้เป็นเพียงแค่การแข่งขันของสถานที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แต่ขอบเขตผลกระทบของมันกลับแทบจะเกินครึ่งของมณฑลหนิงโจว
ถ้าหากว่าการแข่งขันประลองบู๊ครั้งนี้ สมาคมบู๊โบราณคว้าแชมป์ได้อย่างง่ายดาย คงจะเกิดผลแพร่กระจายใหญ่หลวงเกินครึ่งที่มณฑลหนิงโจวอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นนักบู๊ทั่วโลกจะต้องมีหลายคนแย่งสมาคมบู๊โบราณอย่างแน่นอน อิทธิพลกับผลกระทบของพวกเขาจะยิ่งใหญ่มากขึ้น
อย่างไรก็ตามอย่างที่เห็นนี่เป็นเพียงการแข่งขันชาวบ้านที่เล็กมาก ๆ ครั้งหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องรายงานให้กับทางการของเมืองหลวง
มณฑลหนิงโจวสถานที่แห่งนี้มีเรื่องราวทางอิทธิพลของแต่ละพรรคที่ซับซ้อนและยุ่งยาก คนธรรมดายื่นมือเข้ามาไม่ได้ ดังนั้น เรื่องเรื่องนี้จึงตกอยู่ที่ซ่งชิงโจ
เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียว ขัดขวางไม่ให้สมาคมบู๊โบราณได้เป็นผู้ชนะเลิศ อย่างน้อยก็ไม่สามารถให้พวกเขาชนะได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
เขาได้รับข่าวกรองมาว่าคนที่มาเข้าร่วมการแข่งขันประลองบู๊ในครั้งนี้คือนักบู๊ขั้นแปดคนหนึ่ง กลับนึกไม่ถึงว่าจะเป็นซือคงเฉิน
ในฐานะที่เป็นคนเมืองเจียงไห่เหมือนกัน ชื่อชื่อนี้ดังก้องหู ยี่สิบต้น ๆ ก็เป็นนักบู๊ขั้นแปด ความสามารถเรียกได้ว่าพบได้ยากในร้อยปี และเป็นคุณชายของตระกูลซือคงแห่งสี่ตระกูลใหญ่ของเจียงไห่อีกด้วย ล้วนมีชื่อเสียงโด่งดังที่เจียงไห่ แม้กระทั่งทั่วทั้งหนิงโจวด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...