ซือคงเฉินก็เพิ่งได้รับข่าวกรองเหมือนกัน ได้รู้สถานะของซ่งชิงโจ จึงพอรู้จุดประสงค์การเดินทางครั้งนี้ของเขา ทว่าซือคงเฉินไม่ได้เอาเขามาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ
ด้านหลังซ่งชิงโจมีวัยรุ่นอายุประมาณสามสิบปีคนหนึ่งยืนอยู่ พอมองก็รู้ว่าเป็นผู้ที่ฝึกบู๊
น่าเสียดาย ที่ไม่รู้จักฝึกฝนกำลังภายใน ยังคงอาศัยพลังที่ป่าเถื่อนกับทักษะการชกเอาชนะนักบู๊ที่ไม่เข้าทำเนียบระดับชั้น
ซือคงเฉินแอบยิ้มเยาะ
เขามีความมั่นใจในความสามารถของตัวเองพอ ผู้ชนะเลิศครั้งนี้ต้องเป็นของเขาเท่านั้น !
เวลาผ่านไป การแข่งขันได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ผู้ที่ครองสังเวียนก็คือหลวงจีนบู๊เส้าหลินคนนั้นที่โฮ๋เฉิงเหอพูดถึง แม้ว่าจะสึกแล้ว ยังคงสวมเสื้อคลุมยาวของพระเก่า ๆ ตัวหนึ่งไว้อยู่ ทรงผมบัซคัต หน้าเหลี่ยม ไหล่หนา ท่อนล่างมั่นคงและกำยำ ขึ้นไปยืนบนลาน ดุจก้อนหินก้อนใหญ่
หมัดเจ็ดดาวของเส้าหลินชกได้อย่างช่ำชองไม่มีใครเทียบได้ พลังไม่ธรรมดา
ผู้ท้าชิงถูกเขาโจมตีจนพ่ายแพ้ติดต่อกัน----ห้าคน
ชนะลานประลองบู๊ระดับกลางหนึ่งรอบมีเงินรางวัลสองหมื่น เปรียบเทียบกับเงินเดิมพันที่อยู่ล่างลานพูดได้ว่าขนหน้าแข้งไม่ร่วง
สาวสวยที่สวมชุดกี่เพ้าซึ่งไม่เข้ากับสถานที่ป่าเถื่อนหยาบคายสิบกว่าคน ถือถาดที่ไว้เก็บรวบรวมเงินวางเดิมพัน น้อยก็หลักพัน มากสุดก็นับหมื่น
เนื่องจากปีนี้มีซ่งชิงโจกับสมาคมบู๊โบราณเข้าร่วมด้วย ลานประลองบู๊ระดับกลางก็มีบิ๊กบอสจำนวนไม่น้อยเข้าร่วม พอลงสนามมาก็เป็นทุนพนันหลายร้อยถึงขนาดนับสิบล้านเลยทีเดียว
ในเวลานี้ผู้ชายตัวเตี้ยที่เปลือยท่อนบน ท่อนล่างสวมกางเกงขาสั้นสีแดงคนหนึ่ง กระโดดขึ้นไปท้าลานประลองบู๊
“พี่เซียว รอบนี้วางเดิมพันใคร ?” โฮ๋เฉิงเหอตบไหล่เซียวชุ่นพลางเอ่ยถาม
รอบก่อน ๆ เซียวชุ่นออกคำสั่งซ่งหลิงเอ๋อร์ไว้ ต้องได้ทุกการเดิมพัน รอบต่อ ๆ มาซ่งหลิงเอ๋อร์ได้เพิ่มไปถึงสองล้านจากไม่กี่แสน มังกรสามมองอย่างร้อนใจอยู่ข้าง ๆ แม่ม นี่เป็นเงินที่ร่วงลงมาจากบนฟ้าเหรอ น่าเสียดายที่ตัวเองไม่มีแม้กระทั่งทุนพนันติดตัวเลย
ครั้นแล้วซ่งหลิงเอ๋อร์จึงโยนให้ไปเขาหนึ่งแสน สองรอบจากนี้ก็มีสองหมื่นกว่าหยวนเข้าบัญชี เขายิ้มจนหุบปากไม่ได้แล้ว
ตอนแรกโฮ๋เฉิงเหอยังไม่เชื่อ รอบต่อ ๆ มาในที่สุดตอนนี้เขาก็เริ่มเชื่อหน่อย ๆ แล้ว
เซียวชุ่นหรี่ตาเล็กน้อย : “หลวงจีนบู๊ชนะ”
“ไม่มีทางหรอกมั้ง ? เขาสู้มาหลายรอบแล้ว ฉันว่าเขาน่าจะมีพลังไม่พอ” โฮ๋เฉิงเหอกล่าวแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“คอยดู” เซียวชุ่นก็ไม่อธิบายด้วย แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ชอบอธิบายเยอะ
แม้ว่าโฮ๋เฉิงเหอจะมีความลังเลเล็กน้อย แต่ยังคงวางเงินเดิมพันไปห้าล้าน
ตามที่คาดการณ์ไว้ ยังคงเป็นหลวงจีนบู๊เส้าหลินที่ชนะ ทว่าในเวลานี้ทุกคนที่ล่างลานดูกำลังของหลวงจีนบู๊คนนั้นออกแล้ว ส่วนใหญ่ต่างวางเดิมพันว่าเขาชนะ ดังนั้นความได้เปรียบไม่สูง เงินที่ชนะก็มีจำกัดมากเช่นกัน
“ก็แค่โชคดีเท่านั้นเอง” เหลียงฮั่นที่อยู่ด้านหลังเอ่ยด้วยความเหยียดหยาม
“พี่เซียว ตอนนี้เหลียงฮั่นลงสนามจะเอาชนะหลวงจีนบู๊ได้ไหม ?” โฮ๋เฉิงเหอเอ่ยถาม การแข่งขันประลองบู๊ครั้งนี้เลือกใช้การสู้แบบเวียนเทียน เขาอยากให้เหลียงฮั่นรอต่ออีกหน่อย เก็บพลังไว้ ถึงตอนสุดท้ายออกแรงคว้าชัยชนะในเฮือกเดียว ทว่ายังคงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เอาชนะไม่ได้หรอก” เซียวชุ่นเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แม่ม แกพูดอะไร ? เดาถูกไปไม่ได้รอบก็คิดว่าตัวเองเจ๋งมากเลยสินะ ? ! ไม่ลองดูตัวเองเป็นสวะอะไรมาคุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายอยู่ที่นี่” เหลียงฮั่นโมโหขึ้นทันควัน ตวาดเสียงต่ำ
เดิมทีเขาก็นิสัยหุนหันพลันแล่นอยู่แล้ว ตอนที่อยู่ที่โรงแรมเมื่อได้ยินเซียวชุ่นพูดคำคุยโวพวกนั้นก็รู้สึกไม่พอใจมาก ตอนนี้ยิ่งเห็นชัดเลยว่ากำลังสบประมาทเขา
แม้ว่าเหลียงฮั่นมองว่าตนเองสำคัญมาก แต่ก็รู้จักตัวเองดีเช่นกัน ต้องจัดการกับสัตว์ประหลาดระดับสูงพวกนั้น เขาไม่มีความมั่นใจ แต่จัดการกับลานประลองบู๊ระดับกลางนี้ยังมีความมั่นใจอยู่บ้าง
ตอนนี้ถึงกับถูกเหยียดหยามเช่นนี้ จึงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟทันที
“งั้นแกก็ไปลองดูสิ” ซ่งหลิงเอ๋อร์เห็นเขาพูดจาจาบจ้วง จึงหันหน้ามาพร้อมพูดถากถางอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
“อยากพิสูจน์ตนเองก็ขึ้นลานไปต่อสู้ ด่าคนพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก”
“ฉันชนะเขาแน่ภายในสามสิบกระบวน !”
เหลียงฮั่นกำหมัดสองข้าง พลันลุกขึ้นเดินไปยังบนลานทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...