ไม่นาน เวลาสิบห้านาทีก็ได้ผ่านไป
หลังจากที่หวางเย๋เอาเข็มเงินออกจนหมดและเก็เข้าที่เรียบร้อย เขามองดูหวางเจี๋ยฟ่าง แม้ว่าบนหน้าผากจะมีเหงื่อไหลออกมาไม่น้อย แต่สีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนหน้านี้มากอย่างเห็นได้ชัด เหมือนว่าได้มีน้ำมีนวลขึ้นมาไม่น้อย
“คุณปู่ครับ หลังจากวันนี้แล้วค่อยฝังเข็มอีกสองครั้ง อาการป่วยของอาจารย์ก็น่าจะหายดีแล้ว” หลังจากที่หวางเย๋จับชีพจรเสร็จ ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หวางเจี๋ยฟ่างสวมเสื้อเรียบร้อย ปรากฏรอยยิ้มชื่นใจออกมา พยักหน้า: “คิดไม่ถึงว่าหวางเย๋อายุยังน้อย ฝีมือการรักษากลับยอดเยี่ยมแบบนี้ อาการป่วยของฉันเคยได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลว่าป่วยร้ายแรงเชียวนะ”
กล่าวจบ ในสมองของเขาพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาชะงัก
“หวางเย่ หลายวันก่อนนายบอกว่าเป็นหลานชายของสหายเก่าคนหนึ่งของฉัน พูดให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ไหม?”
ฟังมาถึงตรงนี้ หวางเย๋อดไม่ได้ที่จะลังเล ถ้าหากพูดไปแบบนี้แล้วเกรงว่าจะนำปัญหาที่ไม่จำเป็นมาให้หวางเจี๋ยฟ่าง แต่ถ้าหากไม่พูด เขาก็จะไม่สามารถทราบเบาะแสเพิ่มเติมได้
“คุณปู่ เรื่องนี้ตอนนี้ผมยังบอกไม่ได้ ทำแบบนี้ก็เพื่อพวกท่าน รอเมื่อถึงโอกาสที่เหมาะสมแล้วผมจะบอกกับท่านอย่างละเอียด” หวางเย๋คิดดูแล้วยังคงเห็นว่าปิดบังไว้ก่อนจะเป็นการดี ให้สถานการณ์ตรงหน้ามั่นคงก่อนแล้วค่อยว่า
แม้ว่าในดวงตาของหวางเจี๋ยฟ่างจะมีความสงสัยปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หายไป ตัวเองและหลานสาวนั้นไม่มีสมบัติติดกายแล้ว ไม่มีอะไรให้คนอื่นต้องอยากได้ เช่นนี้แล้วดูเหมือนว่าหวางเย๋จะเป็นลูกหลานของเพื่อนเก่าจริง ๆ
แต่จะเป็นสหายเก่าของเขาคนไหนกันนะ?
หลังจากที่คุยกันสักพัก หวางเยียนหรานก็เสนอตัวเป็นคนไปทำอาหารเที่ยงที่ห้องครัวเอง
รอหลังจากเธอออกไป หวางเย๋ได้มองเห็นท่าทางว่ามีอะไรจะขอร้องจากสายตาของหวางเจี๋ยฟ่าง เอายิ้มอ่อน ๆ : “คุณปู่ มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะครับ กับผมไม่ต้องระวังอะไร”
หวางเจี๋ยฟ่างมองไปทางห้องครัว และกล่าวเสียงเบา: “หวางเย๋ ฉันรู้ว่านายช่วยพวกเราหลายอย่าง ตามหลักแล้วฉันไม่ควรจะรบกวนอะไรนายอีก แต่เรื่องเกี่ยวข้องกับเยียนหราน ฉันจำเป็นต้องพูด......”
หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจแล้ว หวางเย๋ถึงรู้ว่าใกล้ถึงเวลาเปิดเทอมแล้ว เป็นธรรมดาที่หวางเยียนหรานจะคอยอยู่กับหวางเจี๋ยฟ่างตลอดเวลาไม่ได้ ยังต้องไปมหาวิทยาลัยเพื่อเรียนหนังสือ แต่อยู่ที่เมืองจินห่ายนั้นตระกูลหลิวถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่บ้าง หวางเจี๋ยฟ่างกังวลว่าหลิวตงจะตามไปหาเรื่องถึงมหาลัยฯ
เมื่อฟังจบ หวางเย๋ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณปุ่หมายความว่าให้ผมไปปกป้องเยียนหราน?”
หวางเจี๋ยฟางพยักหน้า ทอดถอนใจกล่าว: “เยียนหรานเด็กคนนี้น่าสงสาร พ่อแม่ของเธอเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก เมื่อก่อนฉันยังพอจะดูแลปกป้องเธอได้ แต่ตอนนี้ฉันแก่มากแล้ว ไร้เรี่ยวแรงที่จะทำตามใจ ฉันทนเห็นอนาคตของเยียนหรานถูกทำลายไม่ได้”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หวางเย๋ก็อดสงสารไม่ได้
“ไม่มีปัญหา ผมเคยพูดไว้ว่า จากนี้ไปท่านคือคุณปู่ของผม เยียนหรานแป็นน้องสาวของผม ผมหวังเย๋จะไม่ยอมให้ใครมารังแกน้องสาวของผมอย่างแน่นอน”
หวางเจี๋ยฟ่างเห็นหวางเย๋รับแก ก็ดีใจจนน้ำตาแทบไหลออกมา ลุกขึ้นมาจากโซฟาและจะคุกเข่าลง
“คุณปู่ครับ ท่านอย่าเกรงใจแบบนี้สิ ผมรับมันไม่ไว” หวางเย๋รีบห้ามเอาไว้
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ หวางเย๋ก็บอกลา และเรียกไอ้สกินเฮดมาหาหลังจากที่เดินออกมาแล้ว “รอหลังจากที่หวางเยียนหรานไปเข้าเรียน นายรับผิดชอบส่งคนไปคุ้มครองเธอ ถ้าหากไม่สามารถจัดการได้ก็โทรหาฉัน”
ไอ้สกินเฮดพยักหน้าอย่างจริงจัง “ทราบแล้วครับ คุณผู้ชาย!”
หลังจากที่กลับมาจากคฤหาสน์ หวางเย๋เตรียมจะไปซื้อผักที่ตลาด ตอนเย็นทำอาหารรถเลิศเพื่อเป็นการขอโทษหลงเหม่ยซิน ระหว่างสามีภรรยาจะเย็นชาต่อกันนานเกินไปไม่ได้
ตอนนี้เอง หลงเหม่ยซินก็ได้โทรเข้ามา
หวางเย๋ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นี่ถือว่าสามีภรรยาใจตรงกันหรือเปล่า?
“ฮัลโหล คุณภรรยาตอนเย็นผมจะทำปลาราดน้ำแดงที่คุณชอบให้ทาน ตอนนี้ผมกำลังเตรียมจะออกไปซื้อพอดี”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยหมอสุดเทพ