“ก็หมายความอย่างที่พูดไงล่ะ คำถามที่แกถามมันช่างปัญญาอ่อนจริง ๆ” หวางเย๋ยิ้มเยาะ
ประโยคที่ทำให้คนใช้คนอื่น ๆ ของตระกูลจ้าวไม่พอใจ เดิมทีวันนี้ก็เป็นพิธีฝังศพของนายท่านของพวกเขา ยังจะมีท่าทียโสโอหังแบบนี้ ต่างพากันมองหวางเย๋ด้วยความโมโห แทบอยากจะฉีกหวางเย๋ออกเป็นชิ้น ๆ ณ ตรงนี้เลย
ในตอนที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด แทบจะควบคุมไม่ได้นั่นเอง
“เอะอะโวยวายอะไร?”
จ้าวเหลยในชุดไว้ทุกข์ เดินออกมาจากด้านในด้วยท่าทางโมโห คนใช้พวกนี้ไม่รู้เหรอว่าวันนี้เป็นวันฝังศพของตระกูลจ้าว ไม่มีมารยาทแบบนี้คิดจะกบฏหรือไง?”
ทว่าเมื่อเขาเห็นเข้ากับหลงเหม่ยซินและหวางเย๋ สีหน้าก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นหวางเย๋ที่มีรอยยิ้มอ่อน ๆ อยู่บนใบหน้า ไฟโมโหภายในใจยิ่งลุกโชนขึ้นมา แทบอยากจะใช้มีดฆ่าหวางเย๋ให้ตายซะ
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังสืบหาไม่เจอว่าอิทธิพลที่ฆ่าล้างตระกูลจ้าวของเขานั้นเป็นใครกันแน่ แต่สัญชาตญาณได้บอกกับเขาว่า เรื่องนี้จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหวางเย๋แน่ คนที่มีเรื่องกับเขาในระยะนี้มีเพียงหวางเย๋เท่านั้น
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เขาไม่ใช่คุณชายใหญ่ตระกูลจ้าวที่สูงส่งอีกต่อไปแล้ว ภารกิจแรกของเขาในตอนนี้ก็คือรวบรวมตระกูลจ้าวที่ไม่สมบูรณ์แบบเข้าด้วยกัน รอจนเติบโตขึ้นมาได้แล้วค่อยไปแก้แค้นหวางเย๋
หลังจากที่มีแผนการอยู่ภายในใจ เขาก็ได้ฝืนยิ้มออกมา เดินไปหยุดที่ด้านหน้าหลงเหม่ยซิน “เหม่ยซินมาแล้วเหรอ? พวกคนใช้ไม่มีสมอง พูดอะไรไปโดยไม่ไตร่ตรอง คุณอย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะ”
พูดจบ เขาก็ถลึงตาใส่ชายคนที่พูดเมื่อก่อนหน้านี้ แววตำหนิในสายตานั้นชัดเจนมาก
ชายคนนั้นตัวแข็งทื่อ สายตาตกตะลึง มองจ้าวเหลยราวกับจ้าวเถี่ยเฉิงตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แฝงไปด้วยรัศมีที่แรงกล้า
จากนั้นเขาถึงได้เลื่อนสายตาไปที่เป็นวางเย๋ สายตาของทั้งสองคนประสานเข้าด้วยกัน ไม่นานจ้าวเหลยก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ในใจของเขานั้นรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก หวางเย๋คนนี้ที่จริงแล้วเป็นใครมาจากไหนกันแน่ มองเพียงไม่กี่ครั้ง ก็ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก
เหมือนกับกำลังสบตาอยู่กับเทพเจ้าแห่งความตายอย่างไรอย่างนั้น!
“นายก็เข้ามาด้วยกันเถอะ!” เจ้าเหลยกล่าวเสียงเรียบ
สำหรับความหยิ่งผยองของเจ้าเหลยนั้น หวางเย๋ไม่โกรธเลยสักนิด เขาไม่ได้โหดเหี้ยมอำมหิตเหมือนอย่างหลงอ้าวเทียน ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เป็นงานศพของตระกูลจ้าว เขาไม่อยากจะก่อเรื่องใหญ่โต ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวเหลยได้ใจกว้างมากพอแล้ว
หลังจากที่จ้าวเหลยได้เป็นคนเอ่ยปากเอง แม้ว่าเหล่าคนใช้ของตระกูลจ้าวจะโมโหอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ได้เปิดทาง ให้หลงเหม่ยซินและหวางเย๋เข้าไป
ในตอนที่เดินผ่านชายคนที่เอ่ยปากใส่ร้ายคนนั้นหวางเย๋ขยับเข้าไปที่ข้างหูของเขา แล้วกระซิบ: ไปบอกหลงอ้าวเทียน ทำตัวเป็นคนดีเถอะ ยังไงวันนี้ก็เป็นงานศพของคนอื่นเขา ยังจะให้มันมาก่อเรื่องอีก มโนธรรมถูกหมามันกินไปแล้วหรือไง?”
สีหน้าของคนคนนั้นดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที จากนั้นก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง: “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร คุณจะมากเกินไปแล้วนะ”
หวางเย๋แสยะยิ้มออกมา และไม่ได้พูดอะไร แล้วรีบตามหลงเหม่ยซินไปทันที
เมื่อเข้าไปในห้องโถง รูปขาวดำของจ้าวเถี่ยเฉิงถูกวางไว้ที่กลางห้องอย่างโดดเด่น ด้านข้างนั้นมีรูปถ่ายขนาดเล็กลงมาวางอยู่หลายสิบรูป ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นแก่นกลางของตระกูลจ้าว
ร่องรอยของความตื่นตระหนกแวบขึ้นมาในดวงตาที่งดงามของหลงเหม่ยซิน ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ วินาทีต่อมากระแสอันอบอุ่นก็ได้แผ่ซ่านมาจากฝ่ามือ จากนั้นเธอถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมา เห็นเพียงมือใหญ่ ๆ ของหวางเย๋ห่อหุ้มมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้อย่างมิดชิด
เธอชะงักไป เดิมทีคิดอยากจะดึงมือกลับมา แต่ก็รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าถูกหวางเย๋จับอยู่แบบนี้ ภายในใจกลับสงบลงอย่างน่าอัศจรรย์ ความตื่นตระหนกและวิตกกังวลในเมื่อสักครู่ได้หายไปจนหมดสิ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยหมอสุดเทพ