เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง นิยาย บท 1

ท่ามกลางความมืดสลัว เซวียหลิงตื่นขึ้นมาจากความสับสนงัวเงีย

ที่นี่ที่ไหน?

บ้านอิฐดินที่เหมือนเคยรู้จักมาก่อน มันเก่าชำรุดเกินทน หน้าต่างล้าสมัยแปะด้วยตัวอักษร"สี่"*ขนาดใหญ่สีแดงสดคู่หนึ่ง โคมระย้าขนาดเล็กสีเหลืองสลัวเปล่งแสงสีแดงเจือจาง

เธอนอนบนเตียงไม้ใหม่เอี่ยมแต่งานหยาบไม่ประณีต คลุมด้วยผ้าห่มมงคลสีแดงผืนบาง ปลายเตียงมีชายหนุ่มเจิดจ้าหน้าตาดีสูงโปร่งนั่งอยู่

เซวียหลิงตกตะลึง!

เขา......คือเฉิงเทียนหยวน!!

นั่นเขา!

เขาจริงๆ ด้วย!

เฉิงเทียนหยวน พี่ข้างบ้านที่ตอนเด็กรักและปกป้องเธอ สามีที่แต่งงานกับเธอแต่กลับเป็นพ่อหม้ายตลอดชีวิต ผู้ที่คอยดูแลเธอที่ป่วยหนักเงียบๆ ผู้ชายแสนดีที่กุมมือเธอจนกระทั่งเธอหมดลมหายใจ......

เซวียหลิงนั่งขึ้นมา มองบ้านอิฐดินอันน่าปีติยินดีทันที สัมผัสชัดเจนทุกอย่าง รวมถึงความอบอุ่นของผ้านวมผืนบางบนร่างกาย ทำให้เธองุนงงอย่างแท้จริง!

นี่เธอเกิดใหม่งั้นเหรอ?!

เกิดใหม่ในคืนวันแต่งงานของเธอกับเขา!

อาจจะเป็นเพราะผลบุญตั้งแต่ชาติปางก่อนได้รับการตอบแทนในที่สุด พระเจ้าเมตตาเธอ มอบโอกาสให้เธอได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง

เซวียหลิงคิดถึงตรงนี้ น้ำตาก็ไหลพรากนองหน้าทันที

ในขณะนี้ ชายหนุ่มสูงโปร่งที่นั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงหันหน้าเย็นชามา

"เธอโวยวายพอหรือยัง? ถ้าเธอไม่ยอมจริงๆ ฉันจะหาโอกาสหย่ากับเธอทีหลัง คนอย่างเฉิงเทียนหยวนมีจิตใจเด็ดเดี่ยว จะไม่บังคับผู้หญิง!"

เซวียหลิงลุกลี้ลุกลนเงยหน้าขึ้นมอง----คืนแต่งงานชาติที่แล้ว เขาก็เอ่ยปากแบบนี้เช่นกัน

จากนั้นเธอก็โกรธด่าสาปแช่ง เขวี้ยงปาสิ่งของ ถึงขนาดลงมือตีเขา เขาโกรธจนหันหลังเปิดประตูก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งการแต่งงานสิ้นสุด ก็ไม่สนใจเธอเลย และไม่เคยแตะต้องเธอด้วย

เธอไม่ยินไม่ยอมแต่งงานเข้าหมู่บ้านภูเขาเล็กๆ แห่งนี้จากเมืองหลวง ตัวสั่นโคลงเคลงระหว่างทางมาสามสี่วัน กินนอนก็ลำบาก

เพิ่งลงจากรถ ผู้คนมากมายรุมล้อมเธอพลางพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด ทั้งทำความรู้จักญาติทั้งทำพิธีปลุกห้องเจ้าสาว เธอที่ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิดก็ทำหน้าเย็นชาทำเสียงทุ้มต่ำไม่พูดอะไรเลย จนกระทั่งแขกไปหมดแล้ว ก็รู้สึกอารมณ์เสียกับคนในตระกูลเฉิง จึงทั้งด่าทั้งโวยวาย แถมไม่ยอมทำพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่สามี เข้าห้องแล้วหลับไปเลย

กลับมาเกิดใหม่ในช่วงเวลานี้ เธอจะทำพลาดกับเขาอีกไม่ได้แล้ว ทำลายความสุขในชีวิตนี้ไม่ได้แล้ว

"เฉิงเทียนหยวน นาย----" เธอกำลังจะเอ่ยปาก

ชายหนุ่มจ้องเธออย่างเย็นชาโดยไม่คาดคิด แล้วพูดเสียงเข้ม "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เมื่อกี้เธอยังด่าไม่พอเหรอ?"

พูดจบ เขาก็หันหลังเดินไปที่ห้องน้ำหลังบ้านด้วยสีหน้าไม่พอใจ

สภาพการเงินและสถานะทางสังคมของสองครอบครัวก็ต่างกันมากแล้ว เขารู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ทำให้เธอลำบากใจ แต่เมื่อครู่นี้เธอไม่เพียงแต่ไม่ทำพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่ แต่ยังพูดจารุนแรงไม่น่าฟังอีก----มันเกินไปแล้วจริงๆ!

ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เกลี้ยกล่อม ร้องไห้อ้อนวอนขอให้เขาแต่งงานกับคู่หมั้นคนนี้ เขาก็ไม่อยากจะก้าวเข้าประตูตระกูลเซวียเลยสักนิด

ถ้าเธอไม่ยอมแต่งงานกับเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่บังคับเธอ

คุณพ่อเสียแขนข้างหนึ่งไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน อายุมากแล้ว สุขภาพร่างกายก็ยิ่งแย่

เกิดอาการหนาวสั่นช่วงก่อนหน้านี้ ไปหาหมอกินยาไปเยอะมากก็ไม่ดีขึ้น คุณแม่เชื่อฟังคำพูดผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ร้องไห้โทรศัพท์ให้เขารีบกลับบ้านมาแต่งงาน ทำพิธีล้างความอัปมงคลเพื่อครอบครัว

หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย สภาพการเงินในครอบครัวก็แย่มากจริงๆ เขาเก็บหนังสือแจ้งเข้ารับเรียนมหาวิทยาลัยโดยไม่ลังเล แล้วรีบไปทำงานพาร์ทไทม์ที่สหกรณ์ร้านค้า*ในอำเภอ

ที่นั่นกินฟรีอยู่ฟรี ค่าจ้างทุกเดือนของเขาส่งกลับบ้านโดยที่ไม่แตะต้องมันเลย น่าเสียดายที่สุขภาพร่างกายคุณพ่อแย่เกินไป หาหมอเกือบทุกวัน สภาพการเงินในครอบครัวก็เลยยากจนข้นแค้นอยู่เสมอ

คุณแม่ก็เป็นผู้หญิงชนบทที่ซื่อตรงขี้อาย เชื่อฟังคำพูดผู้สูงอายุในหมู่บ้าน บอกว่าการแต่งงานใหม่จะล้างความอัปมงคลในครอบครัวได้ และรู้สึกว่าเขาอายุยี่สิบห้าปีแล้ว จะยืดเยื้อการแต่งงานอีกไม่ได้ จึงหน้าด้านติดต่อตระกูลเซวียในเมืองหลวงไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง