ท่ามกลางความมืดสลัว เซวียหลิงตื่นขึ้นมาจากความสับสนงัวเงีย
ที่นี่ที่ไหน?
บ้านอิฐดินที่เหมือนเคยรู้จักมาก่อน มันเก่าชำรุดเกินทน หน้าต่างล้าสมัยแปะด้วยตัวอักษร"สี่"*ขนาดใหญ่สีแดงสดคู่หนึ่ง โคมระย้าขนาดเล็กสีเหลืองสลัวเปล่งแสงสีแดงเจือจาง
เธอนอนบนเตียงไม้ใหม่เอี่ยมแต่งานหยาบไม่ประณีต คลุมด้วยผ้าห่มมงคลสีแดงผืนบาง ปลายเตียงมีชายหนุ่มเจิดจ้าหน้าตาดีสูงโปร่งนั่งอยู่
เซวียหลิงตกตะลึง!
เขา......คือเฉิงเทียนหยวน!!
นั่นเขา!
เขาจริงๆ ด้วย!
เฉิงเทียนหยวน พี่ข้างบ้านที่ตอนเด็กรักและปกป้องเธอ สามีที่แต่งงานกับเธอแต่กลับเป็นพ่อหม้ายตลอดชีวิต ผู้ที่คอยดูแลเธอที่ป่วยหนักเงียบๆ ผู้ชายแสนดีที่กุมมือเธอจนกระทั่งเธอหมดลมหายใจ......
เซวียหลิงนั่งขึ้นมา มองบ้านอิฐดินอันน่าปีติยินดีทันที สัมผัสชัดเจนทุกอย่าง รวมถึงความอบอุ่นของผ้านวมผืนบางบนร่างกาย ทำให้เธองุนงงอย่างแท้จริง!
นี่เธอเกิดใหม่งั้นเหรอ?!
เกิดใหม่ในคืนวันแต่งงานของเธอกับเขา!
อาจจะเป็นเพราะผลบุญตั้งแต่ชาติปางก่อนได้รับการตอบแทนในที่สุด พระเจ้าเมตตาเธอ มอบโอกาสให้เธอได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง
เซวียหลิงคิดถึงตรงนี้ น้ำตาก็ไหลพรากนองหน้าทันที
ในขณะนี้ ชายหนุ่มสูงโปร่งที่นั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงหันหน้าเย็นชามา
"เธอโวยวายพอหรือยัง? ถ้าเธอไม่ยอมจริงๆ ฉันจะหาโอกาสหย่ากับเธอทีหลัง คนอย่างเฉิงเทียนหยวนมีจิตใจเด็ดเดี่ยว จะไม่บังคับผู้หญิง!"
เซวียหลิงลุกลี้ลุกลนเงยหน้าขึ้นมอง----คืนแต่งงานชาติที่แล้ว เขาก็เอ่ยปากแบบนี้เช่นกัน
จากนั้นเธอก็โกรธด่าสาปแช่ง เขวี้ยงปาสิ่งของ ถึงขนาดลงมือตีเขา เขาโกรธจนหันหลังเปิดประตูก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งการแต่งงานสิ้นสุด ก็ไม่สนใจเธอเลย และไม่เคยแตะต้องเธอด้วย
เธอไม่ยินไม่ยอมแต่งงานเข้าหมู่บ้านภูเขาเล็กๆ แห่งนี้จากเมืองหลวง ตัวสั่นโคลงเคลงระหว่างทางมาสามสี่วัน กินนอนก็ลำบาก
เพิ่งลงจากรถ ผู้คนมากมายรุมล้อมเธอพลางพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด ทั้งทำความรู้จักญาติทั้งทำพิธีปลุกห้องเจ้าสาว เธอที่ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิดก็ทำหน้าเย็นชาทำเสียงทุ้มต่ำไม่พูดอะไรเลย จนกระทั่งแขกไปหมดแล้ว ก็รู้สึกอารมณ์เสียกับคนในตระกูลเฉิง จึงทั้งด่าทั้งโวยวาย แถมไม่ยอมทำพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่สามี เข้าห้องแล้วหลับไปเลย
กลับมาเกิดใหม่ในช่วงเวลานี้ เธอจะทำพลาดกับเขาอีกไม่ได้แล้ว ทำลายความสุขในชีวิตนี้ไม่ได้แล้ว
"เฉิงเทียนหยวน นาย----" เธอกำลังจะเอ่ยปาก
ชายหนุ่มจ้องเธออย่างเย็นชาโดยไม่คาดคิด แล้วพูดเสียงเข้ม "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เมื่อกี้เธอยังด่าไม่พอเหรอ?"
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินไปที่ห้องน้ำหลังบ้านด้วยสีหน้าไม่พอใจ
สภาพการเงินและสถานะทางสังคมของสองครอบครัวก็ต่างกันมากแล้ว เขารู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ทำให้เธอลำบากใจ แต่เมื่อครู่นี้เธอไม่เพียงแต่ไม่ทำพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่ แต่ยังพูดจารุนแรงไม่น่าฟังอีก----มันเกินไปแล้วจริงๆ!
ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เกลี้ยกล่อม ร้องไห้อ้อนวอนขอให้เขาแต่งงานกับคู่หมั้นคนนี้ เขาก็ไม่อยากจะก้าวเข้าประตูตระกูลเซวียเลยสักนิด
ถ้าเธอไม่ยอมแต่งงานกับเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่บังคับเธอ
คุณพ่อเสียแขนข้างหนึ่งไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน อายุมากแล้ว สุขภาพร่างกายก็ยิ่งแย่
เกิดอาการหนาวสั่นช่วงก่อนหน้านี้ ไปหาหมอกินยาไปเยอะมากก็ไม่ดีขึ้น คุณแม่เชื่อฟังคำพูดผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ร้องไห้โทรศัพท์ให้เขารีบกลับบ้านมาแต่งงาน ทำพิธีล้างความอัปมงคลเพื่อครอบครัว
หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย สภาพการเงินในครอบครัวก็แย่มากจริงๆ เขาเก็บหนังสือแจ้งเข้ารับเรียนมหาวิทยาลัยโดยไม่ลังเล แล้วรีบไปทำงานพาร์ทไทม์ที่สหกรณ์ร้านค้า*ในอำเภอ
ที่นั่นกินฟรีอยู่ฟรี ค่าจ้างทุกเดือนของเขาส่งกลับบ้านโดยที่ไม่แตะต้องมันเลย น่าเสียดายที่สุขภาพร่างกายคุณพ่อแย่เกินไป หาหมอเกือบทุกวัน สภาพการเงินในครอบครัวก็เลยยากจนข้นแค้นอยู่เสมอ
คุณแม่ก็เป็นผู้หญิงชนบทที่ซื่อตรงขี้อาย เชื่อฟังคำพูดผู้สูงอายุในหมู่บ้าน บอกว่าการแต่งงานใหม่จะล้างความอัปมงคลในครอบครัวได้ และรู้สึกว่าเขาอายุยี่สิบห้าปีแล้ว จะยืดเยื้อการแต่งงานอีกไม่ได้ จึงหน้าด้านติดต่อตระกูลเซวียในเมืองหลวงไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง