เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง นิยาย บท 46

สีหน้าบ.ก.ใหญ่หลินไม่ค่อยดี โบกไม้โบกมือให้เธอ

"สัปดาห์ก่อนตอนที่หลิวซินจัดเรียงหน้าข่าว ไปย่อ 'บทความเศรษฐศาสตร์' ลง จนทำให้ผู้อำนวยการทั้งสองโกรธ ตอนที่เขาทำไม่ได้ระวัง คิดว่าเป็นข่าวปกติทั่วไป จึงลบรูปถ่ายออก ข้างในนั้นเขียนถึง โครงการใหญ่ต่อไปในเมืองเพื่อจะดึงดูดการลงทุน ได้ยินมาว่าผู้นำให้ความสำคัญกับมันมาก แต่สำนักหนังสือพิมพ์ทำรายงานข่าวเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น แม้แต่รูปถ่ายก็ไม่มี จึงทำให้เขาถูกรองผู้อำนวยการต่อว่าอย่างรุนแรง "

บ.ก.ใหญ่หลินถอนหายใจเบา ๆ แล้วกระซิบว่า "เธอจะต้องจำไว้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็อย่าทำโดยพลการ เรามีหัวหน้า ไม่ว่าเรื่องอะไรอย่ากลัวที่จะถาม เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดแบบนี้ ความผิดพลาดบางอย่างนั้นจะถูกเขียนไว้ในไฟล์ตลอดชีวิตก็ลบไม่ออก "

เมื่อเซวียหลิงได้ยินแบบนี้ แอบทำปาก จุ๊ ๆ  แล้วจดจำมันไว้

เธอไปเทน้ำตรงมุมห้อง และก็เอามาให้หลิวซินหนึ่งแก้ว ยื่นไปให้เขาบนโต๊ะ

หลิวซินยิ้มแหยะๆ ให้เธอ กล่าวขอบคุณแล้วรับไปดื่มคำใหญ่

หวังชิงก็รู้สึกเห็นใจเขามากเหมือนกัน แต่ว่าติดตรงบรรยากาศในห้องแย่มาก เธอไม่กล้าเอ่ยปาก

จนกระทั่งถึงเวลาพักตอนเที่ยง ทั้งสามนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน ถึงมีโอกาสได้คุยกัน

หลิวซินหน้านิ่วคิ้วขมวดกระซิบว่า "ครั้งนี้ผมซวยจริง ๆ......"

หวังชิงเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าตรงนี้มีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้น จึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง "ฉันว่า......ปกติคุณเป็นคนที่ทำงานด้วยความระมัดระวัง ทำไมครั้งนี้ถึงแย่ขนาดนี้?"

เซวียหลิงถามด้วยความเป็นห่วงว่า "วันก่อนตอนวันหยุด ยังดี ๆ อยู่ไม่ใช่หรือ?"

พวกเขาสามคนเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในสำนักหนังสือพิมพ์ โต๊ะทำงานก็อยู่ด้วยกัน ปกติช่วงเวลาพักจะคุยกันถูกคอมาก และถือได้ว่าเป็นสามคนที่มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่สุด

หลิวซินถอนหายใจยาว ๆ ก้มหน้าแล้วอธิบายขึ้นมา

"หลักการในการเรียงข่าวคือพยายามไม่ต้องไปลบตัวหนังสือ รูปภาพนั้นย่อได้ก็ย่อ หากย่อไม่ได้จริง ๆ ก็ดูว่าสามารถจะลบตัวหนังสือสักตอนได้หรือไม่ ข่าวเศรษฐกิจในครั้งนี้ใหญ่กว่าปกติไปครึ่ง เนื้อหาอย่างอื่นจัดเรียงเสร็จแล้ว ตอนนั้นผมลำบากใจมาก ตอนแรกคิดจะไปถามรองผอ.เจิน......แต่เธอออกไปก่อนเวลาแล้ว!"

หวังชิงกับเซวียหลิงมองหน้ากัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารเขาขึ้นมา

รองผอ.เจินนั้นปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเคร่งครัดราวกับฝึกทหาร แต่ผ่อนปรนกับตัวเองมาก

ปกติมีกิจกรรมการสัมภาษณ์ที่สำคัญใดๆ เธอจะรับหน้าที่ไปคนเดียวทั้งหมด แต่เพื่อนร่วมงานของเธอมีหน้าที่รับผิดชอบในต้นฉบับและการแก้ไข เธอมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบเท่านั้น

นอกจากนี้ เธอไม่อนุญาตให้ผู้ใต้บังคับบัญชามาสายหรือกลับก่อนเวลา แต่ตัวเองนั้นกลับก่อนเวลาเป็นประจำ

หวังชิงลดเสียงลง: "ทุกคนยังคงทำงานต่อไปหลังจากได้รับขนมในวันนั้น เธอรับขนมแล้วก็กลับเลย วันนั้นสีหน้าของเซวียหลิงแย่มาก และต้นฉบับก็เสร็จสิ้นแล้ว เซวียหลิงยังฝืนอยู่จนถึงเกือบจะห้าโมงเย็นถึงออกไป"

หลิวซินถอนหายใจและกลอกตาไปมา เอาตะเกียบเสียบหมูสามชั้นตรงหน้าไว้

"ตอนที่ผมไปถาม เธอไม่อยู่ ที่บ้านของเธอก็ไม่มีโทรศัพท์ด้วย ผมก็ไม่รู้ที่อยู่ที่ชัดเจนของบ้านเธอว่าอยู่ทางตะวันตกหรือว่าทางตะวันออกของอำเภอ จะไปหาเธอที่ไหน! ทางโรงพิมพ์เร่งจะหยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์ หากไม่ส่งต้นฉบับไปก่อนหนึ่งทุ่ม พวกเขาก็จะไม่ทำงานล่วงเวลาพิมพ์แล้ว ตอนนั้นผมรีบเกือบตาย!"

เขาจิ้มหมูสามชั้นจนพรุนเป็นรังผึ้ง แล้วกล่าวต่อ "ผมไม่มีวิธีแล้ว เห็นตัวหนังสือพวกนั้นมากเกินไป ลบออกตอนหนึ่งก็กลัวจะกระทบกับบทความบนล่าง จึงทำได้เพียงลบรูปถ่ายออก รูปภาพไม่ถือว่าใหญ่ ก็แค่รูปพื้นที่รกร้าง ผมคิดว่าไม่สำคัญเท่าไหร่ และตอนนั้นก็รีบมากด้วย จึงลบออกแล้วส่งให้ทางโรงพิมพ์"

"ใครจะไปรู้หลังจากที่เมื่อวานหนังสือพิมพ์ออกมาแล้ว ผอ.หลิวโกรธมาก โทรศัพท์ไปถามรองผอ.เจิน......ปรากฏว่าเธอโยนความรับผิดชอบทั้งหมดนี้มาให้ผม เธอรับผิดชอบการแก้ไขในขั้นตอนสุดท้าย แต่ตัวเองทิ้งงานไว้แล้วกลับไปก่อน ผมจึงทำได้เพียงรับความผิดนี้ไว้เอง!"

เซวียหลิงยิ้มขมขื่น แล้วกระซิบว่า "รู้ว่าคุณอนาถ อย่าทิ่มเลย กินก่อนเถอะ "

ทำงานในหน่วยงาน สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือหัวหน้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาสายตรงเข้ากันยาก

ผอ.หลิวนั้นเป็นหัวหน้าใหญ่สุดของสำนักพิมพ์ แต่เขานั้นจะเน้นไปในทิศทางกว้าง ๆ เท่านั้น จะไม่ดูรายละเอียดปริย่อยเฉพาะเจาะจง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง