เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เซวียหลิงจึงยินยอม
เพียงคำพูดด้านเดียวของเธอ ไม่มีหลักฐานอะไรเลย บางทีเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะเข้าใจเธอผิดว่าแจ้งความเท็จ
ดังนั้น สองสามีภรรยาจึงออกไปพร้อมกัน เซวียหลิงขี่รถซ้อนท้ายเขาไปทางสหกรณ์ก่อน
ด้วยประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จเมื่อคืนนี้ เฉิงเทียนหยวนรู้สึกวางใจมากและนั่งที่ซ้อนท้ายเบาะหลังไป
ในช่วงเช้าตรู่มีผู้คนที่เร่งรีบจะไปทำงานบนท้องถนนจำนวนมาก รถจักรยานก็เยอะด้วย เซวียหลิงขี่ด้วยความระมัดระวัง ไม่กล้าขี่เร็ว ในที่สุดก็พาเฉิงเทียนหยวนไปถึงสหกรณ์ร้านค้าอย่างราบรื่น
ประตูสหกรณ์ร้านค้าเปิดแล้ว เฉินหมินกับเจ้านายอ้วนกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดอยู่หน้าประตู
เมื่อพวกเขาเห็นเฉิงเทียนหยวนได้รับบาดเจ็บ จึงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
เฉิงเทียนหยวนอธิบายสั้น ๆ แล้วกล่าวขอโทษว่า "เถ้าแก่ อาการบาดเจ็บของผมสาหัสเล็กน้อย ต้องขอลางานสักสองวัน"
เจ้านายอ้วนทำหน้าบึ้งและพูดด้วยเสียงต่ำ "อย่ากังวล นายควรดูแลรักษาอาการบาดเจ็บของนายให้ดีเถอะ แต่...ไม่ถือว่าได้รับบาดเจ็บจากการทำงาน เพราะฉะนั้น ยังต้องถือเป็นขาดงาน "
เฉิงเทียนหยวนพยักหน้า แล้วกล่าวว่า "ได้ ถ้าอย่างนั้นสิ้นเดือนคุณคิดให้ผมขาดงานสองวัน ควรหักก็หัก "
เซวียหลิงรู้ว่าเขาจะต้องเสียดายที่ถูกหักเงินเดือนอย่างแน่นอน ในใจรู้สึกว่า หวังต้ายวนนั้นช่างไม่มีน้ำใจเลย
แต่ว่า เธอเห็นเฉิงเทียนหยวนสงบนิ่งมาก ราวกับเดาได้นานแล้ว จึงไม่พูดอะไร
ส่วนเฉินหมินนั้นดูเป็นกังวลและถามว่า "มีอะไรให้ฉันช่วยที่บ้านไหม? ถ้าต้องการก็เรียกได้ เลิกงานแล้วฉันจะเข้าไปหา"
เฉิงเทียนหยวนยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวเสียงเบา "มีภรรยาฉันอยู่ ไม่เป็นไร เป็นอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ฉันแค่เดินไม่ได้ จึงมาลางาน "
เวลานี้ ข้างนอกเริ่มมีคนเข้ามาซื้อของในสหกรณ์แล้ว
เจ้านายอ้วนตะโกนเรียกให้เฉินหมินรีบเข้าไปช่วย เฉินหมินทิ้งไว้หนึ่งประโยคว่า "ค่ำ ๆ ไปเยี่ยมแก!" แล้ววิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เซวียหลิงไม่พูดอะไร เอาเฉิงเทียนหยวนซ้อนท้ายแล้วไปที่สถานีตำรวจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจถามอย่างละเอียด หลังจากได้ฟังการบอกเล่าของเฉิงเทียนหยวนแล้ว ไม่นานก็มีเบาะแส
"ตามที่คุณพูดมา น่าจะเป็นคนที่ขโมยจนเคยตัว ช่วงนี้มีประชาชนที่อยู่ทางถนนซงหมิงมาแจ้งความเป็นระยะ ล้วนเป็นของเล็กน้อยหาย เราได้ยื่นคำร้องไปแล้ว สองสามนี้ก็จะยกระดับการลาดตระเวนทางโน้น "
หลังจากทำบันทึกประจำวันแล้ว เป็นเวลาประมาณเก้าโมงครึ่งแล้ว
เซวียหลิงจึงโทรศัพท์จากสถานีไปที่สำนักหนังสือพิมพ์ ขอลางานครึ่งวันกับผอ.หลิว
ผอ.หลิวถามเธอด้วยความเป็นห่วงว่าไม่สบายหรือเปล่า
เซวียหลิงอธิบายในบ้านเกิดเรื่องนิดหน่อย สามีได้รับบาดเจ็บ หวังว่าผู้อำนวยการจะอนุมัติ
ผอ.หลิวรับปากทันที
"ไม่มีปัญหา ช่วงบ่ายเร่งความคืบหน้าของงานหน่อย อย่าทิ้งงานไว้ก็พอ "
เซวียหลิงกล่าวขอบคุณ แล้ววางสาย
ระหว่างทางกลับบ้าน เฉิงเทียนหยวนเปรียบเทียบสถานการณ์การลางานของทั้งสองแล้ว ก็อดที่จะกระซิบไม่ได้ว่า "ไอ้อ้วนนั้นเห็นแต่ผลประโยชน์อย่างเดียว ขอเพียงให้น้อยได้ก็จะไม่ให้มากอย่างแน่นอน สองปีมานี้ ทุกคนไม่ได้พูดอะไรต่อหน้า แต่ลับหลังบ่นกันไม่น้อย "
เซวียหลิงได้ยินเขาบ่นเจ้านายเป็นครั้งแรก นึกถึงสหกรณ์ ชาติก่อนถึงยุคแปดศูนย์ก็เงียบเหงาลงอย่างสิ้นเชิง รอเมื่อถึงเก้าศูนย์ช่วงเศรษฐกิจเสรี สหกรณ์ก็หายไป
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เธอกล่าวเสียงเบา "ครั้งก่อนพี่บอกว่ารู้จักพวกเจ้านายจัดหาสินค้าไม่น้อยไม่ใช่หรือ?ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้สหกรณ์ได้เริ่มมีผู้รับเหมาส่วนตัวแล้ว ต่อไปเรามีทุนแล้ว เรามาเปิดร้านเองดีกว่า"
เฉิงเทียนหยวนเลิกคิ้ว มีใจขึ้นมาทันที
"รอให้ฉันรู้แนวทาง และเก็บเงินแล้ว......"
เซวียหลิงรู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่และไม่รู้จะก้าวหน้า หลังจากชี้ทางแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก พาเขากลับไปที่บ้านเช่า
เฉิงเทียนหยวนกล่าวว่า "สองวันนี้ไม่ได้ไปตลาดเลย จะกินแต่ซาลาเปาไม่ได้ เธอไปซื้ออย่างอื่นบ้าง จะได้กินตอนเที่ยงกับตอนเย็นได้ "
เซวียหลิงรับคำ ปั่นรถจักรยานไปทางตลาดอย่างรวดเร็ว
เพิ่งจะผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์ พ่อค้าแม่ค้าขายในตลาดไม่มากนัก เซวียหลิงไม่ค่อยได้ไปซื้อของที่ตลาดเท่าไหร่ คิดไม่ออกจะซื้ออะไร จึงซื้อเนื้อหมูเล็กน้อย และซื้อผักกุยช่ายหนึ่งกำ เมื่อเห็นมีคนขายไข่ไก่บ้าน จึงซื้อครั้งเดียวยี่สิบใบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง