บทที่ 52 แขกไม่ได้รับเชิญ – ตอนที่ต้องอ่านของ เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง
ตอนนี้ของ เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง โดย เฟยจูจู ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 52 แขกไม่ได้รับเชิญ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เขาถอยหลังไป แล้วเปิดประตูใหญ่หน้าบ้านออก
"เร็ว! รีบเข้าบ้านเร็ว!"
หน้าบ้านก็มีฝนตกลงมาเช่นกัน เซวียหลิงกลัวว่าเขาจะหกล้ม จึงขี่รถเข้าไป หลังจากพลิกตัวมา ลงจากรถแล้ว จูงรถเข้าบ้านไป
ส่วนเฉิงเทียนหยวนนั้นปิดประตูหน้าบ้าน แล้วกระโดดตามเข้าบ้านไป
"เห็นฝนตกลงมานานแล้ว ผมขึ้นไปชั้นบนเก็บเสื้อผ้าก่อน คิดว่าเธอน่าจะใกล้เลิกงานแล้วเหมือนกัน จึงรีบลงไปรอเธอ เป็นอย่างไรบ้าง?เปียกฝนไหม?"
"ไม่!" เซวียหลิงยิ้มและกล่าวขึ้น "ฝนตกค่อนข้างหนัก ฉันไม่กล้ากลับบ้านทันที จึงจอดรถสวมเสื้อกันฝน"
เธอจอดรถเสร็จ เฉิงเทียนหยวนที่เพิ่งจะเข้าบ้านมาก็เร่งรีบช่วยเธอถอดเสื้อกันฝน
"ถูกแล้ว! ไม่ว่าจะไกลหรือใกล้บ้าน ต้องสวมเสื้อกันฝนก่อน บางคนประมาทง่าย คิดว่าไม่ไกล ตากฝนหน่อยก็ไม่เป็นไร ปรากฏว่าถูกลมหนาวพัด ร่างกายก็หนาว วันถัดไปก็ไม่สบายแล้ว "
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซวียหลิงก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ พลางสะบัดเม็ดฝนบนเส้นผมออก
"พี่หยวน ฉันพบว่าพี่ดูแลสุขภาพดีมาก!"
เฉิงเทียนหยวนเขินอายเล็กน้อย คิดว่าเธอกำลังหัวเราะเยาะตัวเอง จึงก้มหน้ากระแอมไอเบา ๆ
"ตอนที่ผมยังเด็กไม่รู้สึก ต่อมาแขนของพ่อดีบ้างไม่ดีบ้าง ต้องไปหาหมอเป็นเพื่อนเขาบ่อย ๆ ตั้งแต่ตอนนั้นผมก็ชอบสังเกตและสนใจการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหรือการดูแลสุขภาพ ต่อมาตอนที่ผมดูหนังสือ จะให้ความสนใจกับหนังสือทางการแพทย์บ้าง หลายวันก่อนคุณบอกว่าประคบร้อนจะดีต่อบาดแผล เมื่อวานผมจึงไปตั้งใจไปหาซื้อหนังสือความรู้ทางการแพทย์ในชีวิตประจำวันมาหนึ่งเล่ม เมื่อกี้ก็ดูอยู่ "
เซวียหลิงปล่อยเสียง "ว้าว !" ชื่นชมอย่างจริงใจว่า "ไม่เลว!การเพิ่มพูนความรู้ ไม่ว่าจะทำงานหรือในชีวิตประจำวัน ก็ถือว่าดีเสมอ"
เมื่อเฉิงเทียนหยวนเห็นว่าเธอไม่ได้หัวเราะเยาะตัวเอง จึงแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
จากนั้น เขากระโดดเข้าไปในห้องครัวเทน้ำร้อนมาหนึ่งแก้ว
"ดื่มสักหน่อยเพื่ออุ่นร่างกาย"
เซวียหลิงกล่าวขอบคุณแล้วรับมา ดื่มไปครึ่งแก้วใหญ่ ถึงหยิบกล่องข้าวที่เป็นกล่องอะลูมิเนียมออกมาจากในกระเป๋า
"นี่เป็นอาหารกลางวันของฉัน ยังร้อนอยู่เลย!"
เฉิงเทียนหยวนฟังเธออธิบายจบแล้ว ก็อดที่จะรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยไม่ได้
"หน่วยงานที่ดีนั้นค่อนข้างจะดีกว่า ไม่มีการลดทอนสวัสดิการที่ควรจะมี หากเป็นหวังต้ายวน มื้อนี้ไม่มีอย่างแน่นอน "
เมื่อเซวียหลิงได้ยินเช่นนั้น จึงอธิบายว่า "ไม่ใช่ปัญหาของหน่วยงาน เป็นเพราะว่าเจ้านายของนายงกเกินไป!เขาคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ แม้แต่นายลาป่วยสองวันยังจะหักเงิน เจ้านายแบบนี้สักวันจะถูกพนักงานทอดทิ้ง!"
เฉิงเทียนหยวนยิ้มขมขื่น แล้วกล่าวว่า "เป็นไปได้อย่างไร! เขาเป็นจักรพรรดิแห่งสหกรณ์ร้านค้า ทุกคนในร้านล้วนเชื่อฟังเขา ใครไม่ฟังก็ถูกไล่ออก ใครจะกล้าทอดทิ้งเขาไป!"
"นั่นเป็นเพราะว่าตอนนี้เป็นยุคแปดศูนย์!" เซวียหลิงหลุดปากพูดออกมา "ในอนาคตเมื่อถึงยุคสังคมเศรษฐกิจ ผลประโยชน์กับสิทธิของแรงงานได้รับความคุ้มครองแล้ว มาดูว่าเขายังกล้าทำแบบนี้ไหม!รอล่มจมเถอะ!"
เฉิงเทียนหยวนอึ้งไปเล็กน้อย แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย "สังคมเศรษฐกิจอะไร?"
หัวใจเซวียหลิงกระตุก!
แย่แล้ว! ใจร้อนไปชั่วขณะ ปรากฏว่าหลุดปากพูดออกมาแล้ว!
เธอยิ้มแหยะ ๆ แล้วกล่าวว่า "ฉันเดา......ว่าต่อไปเศรษฐกิจดีขึ้น เจ้านายเผด็จการในหน่วยงานเหล่านี้ สักวันจะต้องเปลี่ยนคน "
เฉิงเทียนหยวนนั้นไม่ได้ใส่ใจ ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า "หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!"
ทั้งสองคุยกันอยู่ในห้องครัว ข้างนอกนั้นฝนตกหนัก ลมแรง ฟ้ามืดลงอย่างเร็ว
เซวียหลิงเปิดไฟ และก็เปิดกล่องข้าวอะลูมิเนียมออก......ปรากฏว่าน่องไก่สองน่องกับลูกชิ้นสองสามลูก!
"ว้าว! เป็นครั้งแรกที่มีน่องไก่สองน่อง!"
เฉิงเทียนหยวนครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า "คืนนี้กินพวกนี้กับเกี๊ยว ว่าไง?"
เกี๊ยวที่เขาห่อตอนเที่ยงมีเยอะ ลูกใหญ่ด้วย ทั้งสองยังกินไม่ถึงครึ่งเลย
"ในเมื่อมาแล้ว ก็อยู่ทานข้าวด้วยกันเถอะ ภรรยาฉันชอบกินเกี๊ยว เมื่อตอนเที่ยงฉันห่อไว้เยอะมาก ยังเหลือไม่น้อย กำลังต้มอยู่"
เมื่อเฉินหมินได้ยินจึงรีบโบกมือแล้วบอกว่าไม่ต้อง
"ฉันกลับไปกินที่บ้าน! รบกวนมากไปแล้ว! อาหารที่เตรียมสำหรับพวกเธอสองสามีภรรยา เพิ่มมาคนหนึ่งก็ไม่พอแล้ว ฉันก็แค่ผ่านมาจึงเข้ามาเยี่ยม ไม่รบกวนแล้ว!"
ในยุคสมัยนี้ ข้าวของก็ถือว่าไม่แพงแล้ว แต่ว่าชีวิตของทุกคนก็ไม่ถือว่ามั่งมี อาหารบนโต๊ะก็ยังขาดแคลนเป็นบางครั้ง
"ไม่รบกวน!" เซวียหลิงยิ้มแล้วกล่าวขึ้น "วางใจเถอะ พอแน่นอน! เกี๊ยวมีไม่น้อยจริงๆ ! เรายังกังวลว่าจะกินไม่หมดด้วยซ้ำ!" เมื่อเฉินหมินได้ยินพวกเขาสามีภรรยายืนกราน ในที่สุดก็ยินยอม
"ถ้าอย่างนั้น......ฉันไม่เกรงใจแล้ว ลำบากเสี่ยวเซวียแล้ว "
เซวียหลิงเอามือปิดปากยิ้ม แล้วอธิบายว่า "เป็นฝีมือของพี่หยวน ฉันไม่ลำบากหรอก "
เมื่อเฉิงเทียนหยวนได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะขึ้น จนเผยให้เห็นฟันขาว
เมื่อเฉินหมินพวกเขาสามีภรรยาเข้ากันได้อย่างกลมกลืน ก็หัวเราะตามด้วยเช่นกัน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเมื่อไปเยี่ยมบ้านคือ บรรยากาศของเจ้าบ้านไม่ดี เจ้าบ้านอึดอัด และแขกจะยิ่งอึดอัดมากขึ้นไปอีก
พวกเขาสามีภรรยาดีขนาดนี้ เสี่ยวเซวียนั้นทั้งต้อนรับแขกดีและอบอุ่น เขาถึงไม่รู้สึกอึดอัด
เฉินหมินถามอาการบาดเจ็บที่เท้าของเขาขึ้นมา เฉิงเทียนหยวนจึงพูดตามความเป็นจริง
"รถจักรยานไม่ถูกขโมยไป แต่ก็รับเคราะห์เล็กน้อย ไอ้ขโมยคนนั้นช่างน่ารังเกียจมาก"
เฉินหมินรีบปลอบว่า "บาดเจ็บเล็กน้อย รถไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว"
เซวียหลิงก็เห็นด้วยและกล่าวขึ้น "ใช่! แค่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย รถก็ยังอยู่ จะต้องปลงบ้าง ถือเป็นบทเรียน เพื่อเตือนตัวเองว่าต่อไปให้ระวังบ้างต้องล็อกรถล็อกประตูบ้าน "
"ใช่....." ไม่รู้เฉินหมินคิดอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้นขอบตาแดงก่ำขึ้นมา "รถไม่หาย เงินก็ไม่ได้หาย ถือว่าโชคดีมากแล้ว "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง