พีเจ...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะห้องก่อนจะเดินเข้าไปข้างในห้องพักของย่า
"ย่าผมมาแล้วครับ" ผมยิ้มให้กับท่านเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดที่ไม่ได้มาเยี่ยมท่านตั้งแต่เมื่อวาน
"พีเจย่านึกว่าเราจะไม่มาเยี่ยมย่าแล้วซะอีก"
"ผมขอโทษนะครับที่ไม่ได้มาดูแลย่าเลย ทั้งที่ย่าเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานพอดีผมปิดเครื่องไว้"
"ไม่เป็นไรลูกย่าก็ไม่ได้เป็นอะไรมากวันนี้คุณหมอก็ให้กลับบ้านได้แล้ว"
"แล้วย่าไปทำอีท่าไหนถึงเป็นลมจนต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้" ที่ผมถามเพราะตอนไอ้ไทด์มันบอกผมไม่ได้ฟัง
"คุณท่านไปวิ่งออกกำลังกายค่ะที่สวนสาธารณะค่ะแล้วเป็นลม" ป้ารำภาคนดูแลคุณย่าบอกกับผมแทน
"ย่าต้องดูแลตัวเองดีๆนะสิถ้าย่าเป็นอะไรไปผมจะอยู่กับใครผมเหลือย่าแค่คนเดียวเท่านั้นนะครับ"
"พูดจาอ้อนย่าตั้งแต่เด็กจนโตเลยนะเราหื้มม"
"ก็ผมมีย่าแค่คนเดียวนี่ครับ"
"ใช่ที่ไหนเรายังมีพี่ชายเราอีกคนนึงนะลืมไปแล้วเหรอ"
"ผมไม่เคยนับญาติกับมันย่าก็รู้"
"ไม่เอา ห้ามพูดแบบนี้ ถึงยังไงตาไทด์ก็เป็นพี่ชายของเรานะพีเจถึงจะเป็นพี่น้องคนละแม่ก็ตาม"
"เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่อยากนับถือว่ามันเป็นพี่ มันน่ะเป็นแค่ลูกเมียน้อยแม่มันเป็นแค่แม่ค้าขายข้างแกงข้างถนนจนๆอยากได้ผู้ชายรวยๆก็เลยปล่อยให้ตัวเองท้องกับพ่อทั้งที่พ่อไม่ต้องการไอ้ไทด์มันก็เลยโชคดีไม่ต้องลำบากเพราะมีพ่อรวย"
"พีเจอย่าไม่ชอบให้เราพูดถึงพี่เขาแบบนี้นะลูก"
ก๊อก ก๊อก ก๊อก แอร๊ดดดด พูดถึงปุ๊บมันก็มาปั้๊บไอ้ลูกเมียน้อย ผมลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปนั่งที่โซฟามุมห้องเพื่อให้มันได้มาทำหน้าที่หลานที่ดี
"คุณย่าออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะครับผมจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเรียบร้อยหมดแล้ว"
"ขอบใจมากลูก ว่าแต่วันนี้ไทด์ต้องเข้าบริษัทไหมลูก"
"เข้าครับเพราะวันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่"
"เอ้อ พีเจย่าว่าเราน่าจะเข้าไปประชุมกับพี่เขาด้วยนะเพราะถึงยังไงอีกหน่อยเราก็ต้องมาบริหารงานแทนพี่เขา"
"นั่นน่ะสิฉันคิดว่านาย..."
"ขี้เกียจ ไม่มีอารมณ์ ใครมันอยากทำก็ปล่อยให้มันทำไปเพราะไม่ว่ายังไงบริษัทมันก็เป็นของผมแต่เพียงคนเดียว ย่าครับงั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับไว้เจอกันที่บ้านนะ" พูดจบผมก็เดินไปกอดย่าแล้วเดินออกมาจากห้องทันทีเพราะไม่อยากอยู่ร่วมห้องกับไอ้ลูกเมียน้อย
เมษา....
"ทำไมงานมันหายากแบบนี้นะ" ฉันเดินหางานตั้งแต่เช้าจนตอนนี้บ่ายโมงกว่าแล้วยังหาไม่ได้เลยเพราะแต่ละที่ๆไปสมัครส่วนใหญ่เขาจะรับวุฒิมอหกไม่ก็ปริญญากันทั้งนั้นแต่ฉันมีแค่วุฒิมอสามขนาดขอเป็นพนักงานทำความสะอาดยังไม่มีที่ไหนรับเลย ระหว่างที่นั่งดื่มน้ำพักเหนื่อยสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นขวดน้ำพลาสติกที่วางเรี่ยราดอยู่ตรงเก้าอี้ม้านั่งและที่พื้นหญ้าพื้นดินหลายสิบขวดฉันหยิบถุงหิ้วใบใหญ่ในกระเป๋าย่ามพร้อมด้วยถุงมือยางที่ฉันจะพกติดตัวตลอดเวลา ฉันใส่ถุงมือเสร็จก็รีบจัดการเก็บขวดน้ำขวดพลาสติกแล้วบีบให้มันแฟ่บลงก่อนจะเอาใส่ถุงที่เตรียมมาเพื่อนำกลับบ้านแล้วเก็บเอาไว้ขายถ้ามันได้จำนวนเยอะๆ ใครจะมองยังไงดูถูกฉันยังไงฉันก็ไม่แคร์เพราะมันคือเงินทั้งนั้น ขวดน้ำพวกนี้มันอาจจะไม่มีค่ามีราคาอะไรในสายตาของคนทั่วไปที่โยนมันทิ้งแต่สำหรับฉันมันคือสมบัติล้ำค่าที่สามารถนำไปแลกเป็นเงินเพื่อมาซื้อข้าวกินได้
ซ่า!!!!
"อ๊ายยย " ฉันร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆตัวของฉันก็เปียกไปด้วยน้ำครำเพราะรถที่วิ่งผ่านมาขับเร็วมากโดยไม่ยอมชะลอทั้งที่เห็นอยู่ว่าถนนมีน้ำท่วมขังจนน้ำกระเด็นมาถูกตัวฉันเปียกไปทั้งตัว ฉันรีบเปิดกระเป๋าย่ามที่ตอนนี้ก็เปียกไปด้วยทำให้เอกสารที่ฉันเอาไว้สมัครงานก็เปียกจนใช้ไม่ได้เช่นกัน แบบนี้ฉันก็ต้องเสียเงินไปถ่ายเอกสารใหม่ซึ่งก็ต้องเสียอีกหลายสิบบาท ฉันมองตามหลังรถสปอร์ตสีแดงดำคันนั้นที่ขับผ่านฉันไปซึ่งฉันจำทะเบียนได้แม่นเพราะเป็นเลขตัวเดียว ฉันจัดการเอาเอกสารทุกแผ่นมาตากแดดเผื่อมันจะยังพอใช้ได้ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเงินไปถ่ายเอกสารใหม่ และในระหว่างที่ฉันกำลังยืนรอก็มีรถตู้คันนึงจอดขวางข้างหน้าฉันไว้ซึ่งพอมองดีๆฉันก็คุ้นกับรถคันนี้อยู่เหมือนกันมันเหมือนรถของ....
"หนูเมษา"
"คุณยาย!!" ฉันตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่เดินลงมาจากรถตู้คันนั้นคือคุณยายที่ฉันช่วยไว้เมื่อวันก่อนโดยมีคุณป้ารำภาประคองท่านลงมา ท่านออกจากโรงพยาบาลแล้วแปลว่าท่านปลอดภัยดีแล้วสินะโชคดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไรมาก
"คุณยายหายดีแล้วเหรอคะ" ฉันเดินไปถามท่าน
"ดีแล้วจ๊ะคุณหมอให้กลับบ้านได้แล้ว ยายดีใจจังเลยลูกที่เจอหนูที่นี่ ยายกำลังจะไปหาหนูที่บ้านอยู่พอดีเลย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียไร้รัก