เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย นิยาย บท 6

ถ้าไม่อยากให้พ่อของคุณหยุดหายใจ ก็เดินออกมาจากหอเงียบๆ รถสีดำทะเบียน ตร 9999 จอดรออยู่หน้ามหาวิทยาลัย

ยาหยีขยุ้มกระดาษแผ่นเล็กๆ แน่น ใบหน้างามซีดเผือดจนลินดาที่กำลังยืนดื่มน้ำอยู่ข้างๆ ต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ทำไมหน้าซีดจังเลยลูกหยี ไหนดูสิจดหมายเขียนว่าอะไร”

ยาหยีเบี่ยงตัวหลบลินดาที่พยายามจะแย่งจดหมายในมือไปอ่านอย่างสุดความสามารถ เพราะมั่นใจดีว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป บิดาของตัวเองอาจจะไม่ปลอดภัย

‘นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่พ่อของหล่อนหวาดกลัว นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่ท่านสั่งให้หล่อนหนี แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น’

“ไม่มีอะไรหรอกลินดา แค่จดหมายขอความรักเท่านั้น”

ลินดาหรี่ตามองด้วยความไม่เชื่อ เพราะเพื่อนของหล่อนคนนี้โกหกเก่งที่ไหนกันล่ะ

“ถ้างั้นขอดูหน่อยสิ อย่าหวงไปหน่อยเลยน่า”

“ฉันอายน่ะลินดา เอ่อ...เดี๋ยวเธอขึ้นไปบนหอพักก่อนนะ ฉันมีธุระนิดหน่อย”

ยาหยีตัดบท ในใจกระวนกระวายยิ่งนักด้วยนึกเป็นห่วงสวัสดิภาพของบิดา แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าของจดหมายเป็นใคร แต่หล่อนก็ต้องเสี่ยง หล่อนยอมปล่อยให้บิดามีอันตรายไม่ได้

“ธุระ? คนอย่างเธอเนี่ยนะมีธุระ ไม่อยากจะเชื่อ ร้อยวันพันปีไม่เคยไปไหนกับเขาสักที มันแปลกๆ นะพฤติกรรมของเธอน่ะ หรือว่าแอบมีกิ๊กกันยะยายลูกหยี”

ด้วยความทุกข์ใจทำให้ยาหยีไม่มีกะจิตกะใจจะปฏิเสธหรืออธิบายใดๆ กับลินดาอีก หญิงสาวพยักพเยิดหน้าส่งเดช และนั่นก็ทำให้ลินดาถึงกับห่อปาก ตาโตเท่าไข่ห่าน

“นี่เธอแอบซุกกิ๊กไว้จริงๆ เหรอ โอ้...ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดพ้นสายตาของฉันไปได้ เธอนี่เก็บได้เงียบเชียบจริงๆ เลยนะยายลูกหยี” ลินดาทำสุ้มเสียงเหลือเชื่อ ก่อนจะโบกไม้โบกมือให้เพื่อนรักรีบไปตามนัด

“ไปเถอะ แล้วอย่าลืมพามาแนะนำให้ฉันรู้จักบ้างล่ะ”

ยาหยีถอนใจออกมาด้วยความเครียด พยักหน้ารับส่งๆ ออกไป

“อืม...ฉันอาจจะกลับค่ำสักหน่อย แต่รับรองไม่เกินสี่ทุ่มเวลาที่หอปิดแน่นอน”

“ไม่ต้องรีบกลับก็ได้แม่คุณ บางทีกิ๊กของเธออาจจะอยากให้เธออยู่ถึงเช้าก็ได้ ว่าแต่มาเรียนให้ไหวก็แล้วกันนะ”

ลินดายิ้มกว้าง จ้องหน้ายาหยีด้วยสายตาล้อเลียน ก่อนที่แม่คุณจะเดินฮัมเพลงขึ้นบันไดหอพักไป ยาหยีเป่าลมออกจากปากหนักๆ ขณะคลี่กระดาษที่ตัวเองขยำจนยับยู่ยี่ออกมาอ่านอีกครั้ง สมองหวาดหวั่นต่อความปลอดภัยของบิดาเหลือเกิน

“พ่ออย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะคะ ลูกหยีกำลังจะไปช่วยพ่อ”

สาวน้อยรีบจ้ำอ้าวออกไปยังหน้าหอพัก กวาดตามองหารถสีดำที่ตัวเองท่องจำทะเบียนรถมาในสมองจนขึ้นใจ และเพียงเดินพ้นออกมาจากหน้ามหาวิทยาลัย สายตาของหล่อนก็ปะทะเข้ากับรถสีดำคันยาวเฟื้อยคันหนึ่งที่จอดนิ่งอยู่ด้านซ้ายมือ สาวน้อยรีบขยับเดินเข้าไปหยุดใกล้ๆ แล้วก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นทะเบียนของเจ้ารถคันยาวตรงหน้าถนัดถนี่

‘ตร 9999 ทะเบียนรถสวยๆ แบบนี้คงไม่มีทางซ้ำกันแน่’

ยาหยียืนนิ่งงัน ตัวแข็ง เท้าตาย จ้องมองประตูรถที่ถูกเปิดออกด้วยสายตาตื่นตระหนก ผู้ชายที่นั่งหน้าคู่กับคนขับก้าวลงมาจากรถและเดินตรงเข้ามาหาหล่อน

“เชิญครับ คุณยาหยี โรจน์มหามงคล”

“จะพาฉันไปไหนคะ”

คำพูดของหล่อนคงตลกมาก ผู้ชายในชุดสูทสีดำทะมึนตรงหน้าถึงได้ระบายยิ้มออกมา

“ขึ้นรถเถอะครับ นายน้อยรอคุณอยู่”

“นายน้อย?” สาวน้อยทวนคำพูดของคู่สนทนาด้วยความประหลาดใจ

“คุณจะได้คำตอบทุกอย่าง ถ้าคุณได้พบกับนายน้อย เชิญครับ”

ผู้ชายตรงหน้าของหล่อนผายมือเชื้อเชิญอีกครั้ง ก่อนจะเดินนำไปที่รถคันงาม ผู้ชายคนนั้นก้มศีรษะคล้ายกับแสดงความเคารพเล็กน้อย ก่อนจะเปิดประตูในส่วนของห้องผู้โดยสารออก และหันมาหาหล่อน

“ขึ้นรถเถอะครับ”

ยาหยีไม่มีทางเลือกใดๆ อีก หล่อนจำเป็นต้องเสี่ยง ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องราวใดๆ แน่ชัดนัก แต่ชื่อของบิดาทำให้หล่อนหมดทางเลือก

เมื่อก้าวขึ้นมานั่งบนรถคันงามหรูหรา หญิงสาวจึงได้รู้ว่าไม่ได้มีแค่หล่อนคนเดียวในห้องโดยสารนี้ ผู้ชายคนหนึ่งนั่งเอนกายพิงกับเบาะรถด้วยท่าทางผ่อนคลาย ความมืดสลัวที่เกิดจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าและฟิล์มสีดำสนิททำให้หล่อนมองหน้าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างกายไม่ถนัดนัก

แต่...กลิ่นหอมจางๆ จากร่างกายของคนนั่งใกล้ๆ กลับทำให้สมองของหล่อนนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา หล่อนก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบนี้จากตัวของผู้ชายนัยน์ตาสีเขียวจัดคนนั้นเช่นกัน หล่อนจำกลิ่นนี้ได้ดีทีเดียว เพราะมันไม่ใช่กลิ่นหอมธรรมดา แต่มันเป็นกลิ่นกายของนักล่าผู้เก่งฉกาจ นักล่าที่เตรียมพร้อมจะขย้ำเหยื่อผู้น่าสงสาร นักล่าที่แสนอันตรายยิ่งสำหรับหัวใจของสตรี

“คุณคือผู้ชายเมื่อเช้าใช่ไหมคะ” แม้จะพยายามบังคับเสียงให้ราบเรียบยังไง แต่มันก็ยังสั่นไหวจนอดสมเพชตัวเองไม่ได้

“เก่งนี่ ที่จำผมได้” อยู่ๆ ไฟก็สว่างไสวขึ้นมาในพริบตา และสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็ตอกย้ำความคิดของหล่อนได้เป็นอย่างดี

“เข้าไปข้างในสิ”

น้ำเสียงราบเรียบของผู้ชายที่หล่อนไม่อยากจะสบตาเลยดังขึ้นใกล้ๆ หญิงสาวรีบรวบรวมสติก้าวตามคนตัวโตเข้าไปข้างในทันที และก็แทบอยากจะวิ่งหนีออกมาซะให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อพบว่าตัวเองต่ำต้อยยิ่งกว่าเจ้าหนูสกปรกเสียอีกเมื่อเทียบกับความหรูหราของคฤหาสน์หลังนี้

ห้องรับแขกที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงระยับเบื้องหน้าทำให้หล่อนแทบไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปยืนอยู่ภายในนั้น ก็ดูสิ แม้กระทั่งพรมปูพื้นสีสวยที่ตัวเองเหยียบย่ำอยู่ก็ยังดูมีราคาค่างวดมากกว่าเนื้อตัวของหล่อนด้วยซ้ำไป

ทุกสิ่งทุกอย่างในคฤหาสน์หลังงามนี้ดูมีราคาสูงไปซะหมดทุกอย่าง มันดูแพงระยับจนหล่อนไม่กล้าแม้แต่จะทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใกล้ๆ เพราะกลัวว่ามันจะเลอะคราบคนจนของตัวเอง สาวน้อยถอนใจออกมาแรงๆ ตั้งใจจะหันไปพูดกับพ่อคนร่างยักษ์ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะผู้ชายคนนั้นอันตรธานหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

“จะไปก็ไม่บอกสักคำ คนบ้า”

หญิงสาวบ่นอุบด้วยความไม่พอใจ กำลังจะเดินเลี่ยงออกไปยังประตูกระจกที่เชื่อมกับระเบียงไม้ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อหูได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง ยาหยีหันไปมองตามเสียงเรียก แล้วก็พบกับแม่บ้านวัยกลางคนคนหนึ่งเดินมาหยุดที่กลางห้อง

“นายน้อยให้มาเชิญคุณขึ้นไปพบค่ะ”

“ที่ไหนคะ?” ความหวาดหวั่นระลอกใหม่พุ่งขึ้นมาอีกแล้ว

“ห้องทำงานค่ะ ตามดิฉันมา”

แม่บ้านในชุดฟอร์มเรียบร้อยเดินนำหล่อนขึ้นมาบนบันไดโค้งที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีสันสวยสดเล่นลายลวดอย่างประณีต สาวน้อยห่อปากอีกครั้งด้วยความทึ่งจัดเมื่อแสงวาบวับของราวบันไดที่ทำด้วยทองเหลืองสะท้อนเข้ามาในดวงตา ดูสวยงามราวกับกำลังอยู่บนสวรรค์ยังไงยังงั้น

และเพียงไม่นานหล่อนก็มาหยุดอยู่หน้าประตูไม้แกะสลักบานใหญ่ แม่บ้านวัยกลางคนยกมือขึ้นเคาะประตูเบาๆ

“นายน้อยคะ เธอมาแล้วค่ะ”

“ให้เข้ามาได้”

เสียงห้วนจัดแต่กระนั้นก็ทุ้มหูได้อย่างไม่น่าเชื่อดังขึ้นหลังบานประตูใหญ่ ยาหยีกัดปากแน่นเพื่อข่มความหวาดกลัวเอาไว้

‘หล่อนจะต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อหว่านล้อมให้เขาล้มเลิกความคิดที่จะทำร้ายบิดาให้จงได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม’

ประตูถูกเปิดออก และแม่บ้านคนนั้นก็ผายมือเชิญหล่อนเข้าไปข้างใน

“เชิญค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียเก็บมาเฟีย ชุด เทพบุตรมาเฟีย