"จะไปไหน" มือหนาคว้าหญิงสาวที่ลุกจากที่นั่งให้เธอหยุดก่อน
"จะกลับเข้าห้องค่ะ" ทำไมเขาต้องคิดนานขนาดนั้นด้วยล่ะ เป็นใครก็น้อยใจนะ
ชายหนุ่มปล่อยมือเธอแล้วก็นั่งลงพร้อมกับจับปากกาขึ้นมา
ไอยวริญหัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นเขากำลังวางปลายปากกาลงไป
"การจดทะเบียนสมรส ฝ่ายหญิงจะใช้นามสกุลกับฝ่ายชายก็ได้หรือไม่ใช้ก็ได้ ถ้าคุณพร้อมที่จะใช้นามสกุลกับสามีก็เซ็นต์ลงตรงนี้เลยครับ" สมัยนี้เสมอภาคกันแล้ว ไม่ใช่ว่าผู้หญิงจะเลือกได้แค่การใช้นามสกุล ถ้าเธอคนนั้นยังอยากจะใช้นางสาวอยู่ก็ยังคงใช้ได้
แต่เธอพร้อมที่จะใช้นามสกุลเขาอย่างเต็มใจไอยวริญก็เลยไม่รอช้าที่จะเซ็นต์ชื่อตัวเองตามลงไป
แพทย์หญิงอมรรัตน์เซ็นต์เป็นพยานให้ พร้อมกับเจ้าหน้าที่..ทะเบียนสมรสนี้ก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎมาย
"ลูกจะกลับโรงพยาบาลเลยเหรอ"
"ผมติดคนไข้อยู่ครับ" ขณะที่ตอบแม่..สายตาของเขาก็มองไปที่เธอ อยากจะพูดอยากจะคุยด้วยแต่งานก็สำคัญไม่ต่างกันเพราะนั่นก็คือชีวิตของคน
หญิงสาวรีบเดินตามหลังออกไป เธอไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย และเข้าใจงานที่เขาทำ
"อุ้ยคุณหมอ" ไอยวริญหันมองไปด้านหลัง เพราะเพิ่งจะเดินพ้นประตูออกมาเอง เขาก็หอมแก้มเธอแล้ว
"ตอนเย็นผมอาจจะกลับค่ำหน่อยนะ"
"คุณหมอมีงานต่อเหรอคะ..ก็ได้ค่ะ" เพิ่งคิดได้ว่าเธอไม่น่าจะไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเลย ดีเท่าไรแล้วที่เขาบอกไว้ก่อน
หญิงสาวยืนมองตามท้ายรถที่เขาขับออกไป แต่ก่อนเธอทำได้แค่เฝ้ารอเขาอยู่ในห้อง ถึงแม้เขาจะทำงานอยู่ที่ตึกเดียวกัน แต่การเฝ้ารอนั้นมันทรมานมาก แต่ต่อจากนี้ไป ค่าในตัวเธอคงจะเพิ่มขึ้น เพราะเธอเป็นคนที่ถือครองทะเบียนสมรสคู่กันกับเขา
โรงพยาบาล..ในเย็นวันเดียวกันนั้น
"เราจะออกไปพร้อมกันเลยไหมคะ"
ชายหนุ่มที่กำลังเช็คเอกสารคนไข้สำหรับวันนี้ ได้เงยหน้าขึ้นมอง
"คุณหมอก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชั้นบนไงคะ ของฤดีก็อยู่ชั้นบนนี่เองค่ะ จะได้ไม่เสียเวลามาก"
"ผมว่าคุณคงเกินเยียวยาแล้วล่ะ" ว่าจะไม่พูดด้วยแล้ว แต่กลัวเธอไม่รู้ตัว
"อีกหน่อยเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว"
เซอร์เวย์อยากจะขำ ประโยคแบบนี้ผู้ชายต้องพูดมากกว่าไหม แม่เขามองทะลุปรุโปร่งมาก ท่านคงคิดไว้แล้วว่าถ้าเขามีทะเบียนสมรสผู้หญิงคนนี้กับพ่อคงจะทำอะไรไม่ได้อีก สมแล้วที่เป็นแม่ของเขา
"งานไม่เห็นมีอะไรสำคัญเลย"
"ชีวิตคนจะไม่สำคัญได้ยังไง"
"ฤดีขอโทษค่ะ ถ้างั้นฤดีจะนั่งรอคุณหมอตรงนี้แล้วกันนะคะ"
"ไม่ต้องรอหรอก..เพราะผมไม่ไป"
"นี่! คุณหมอคิดดีแล้วเหรอคะถึงได้พูดออกมา"
"หน้าผมเหมือนคนพูดไม่คิดเหรอครับ"
"คุณหมออย่าคิดนะคะว่าฤดีจะไม่กล้าทำ"
เซอร์เวย์ไม่ได้พูดต่อและเขาไม่อยากจะเสียเวลาคุยกับผู้หญิงป่วยทางความคิดแบบนี้ พอเช็คงานเสร็จเขาก็เปลี่ยนชุดกลับคืนเป็นชุดสูทเหมือนเดิม
"เราจะไปกันแล้วใช่ไหมคะคุณหมอ"
เซอร์เวย์ไม่ได้ตอบอีกนั่นแหละ ชายหนุ่มถือเอากุญแจรถและโทรศัพท์ แล้วเดินออกมาแบบไม่สนใจ
"คุณพ่อ?" แต่พอออกมาก็เห็นผู้เป็นพ่อกำลังเดินมา
"คุณพ่อไม่น่าต้องลำบากมาเองเลยค่ะ เรากำลังจะออกไปดินเนอร์กัน..ใช่ไหมคะคุณหมอ" รุ่งฤดีพูดพร้อมกับโอบแขนของเซอร์เวย์ไว้ แต่จังหวะนั้นเขาก็ได้ชักมือออก
"มาก็ดีแล้วครับ พ่อจะได้ไปดินเนอร์กับเธอสองคน"
"แกเอาอะไรมาพูด พ่อได้ฤกษ์แต่งงานให้แล้วก็เลยเข้ามาหาแกที่โรงพยาบาล"
เซอร์เวย์ไม่ได้พูดอะไรเพราะเขาคิดว่าแม่คงจะจัดการเอง
"เราไปทานข้าวเย็นด้วยกันแล้วก็พูดเรื่องจัดงานดีกว่า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เมียขัดดอก