นาธานเหลือบมอง วอลเตอร์ ซาห์น และภรรยาของเขาซึ่งนอนหมดสภาพอยู่บนพื้น “พวกเขาเป็นลูกน้องคุณหรือ” เขาถาม โทมัส ดันน์
“ครับ เขาทำงานให้ผม” โทมัส ดันน์ ยอมรับด้วยความละอาย “เขาชื่อ วอลเตอร์ ซาห์น”
นาธานขุ่นเคืองขึ้นมาทันที “บอกผมมาซิ ใครให้อำนาจคุณในการส่งทหารติดอาวุธออกมาโดยไม่มีเหตุอันควร นอกจากเอามาแค่เดินขบวนไปทั่วอย่างกับนักแสดงแบบนี้”
“เป็นความผิดผมเองครับ ผมจะยอมรับการลงโทษเอง” โทมัน ดันน์ สำนึกผิดอย่างยิ่ง
“ยื่นใบลาออกทันทีที่คุณกลับไปถึงค่าย คุณไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้!” นาธานสั่ง
“ครับท่าน ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ ผมจะสำนึกในความผิดของผมเอง” โทมัส ดันน์ เอ่ยอย่างเคารพนบนอบ
“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น” นาธานพยักหน้ายอมรับให้แก่ทัศนคติที่ดีของ โทมัส ดันน์
จากนั้น โทมัส ดันน์ ก็หันไปยังคู่สามีภรรยาที่นอนอยู่บนพื้น “พวกแกยังจะรออะไรอยู่อีกล่ะ” เขาตวาดใส่ทั้งคู่ “ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าแล้วขอโทษซะ! ถ้าพวกแกทำนายของฉันโมโหอีก รับรองได้ว่าพวกแกจะไม่ได้เห็นวันใหม่อีกต่อไป”
วอลเตอร์ ซาห์น และภรรยาพยุงตัวลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอย่างทุลักทุเล แล้วหมอบแทบเท้านาธานเพื่อขอให้เขาอภัยให้
“ไปขอโทษภรรยาและลูกสาวฉัน” นาธานไม่แยแสต่อคำวิงวอนของพวกเขา
ทั้งสองรีบตะเกียกตะกายไปตรงหน้าเพนนีและลูกสาวพลางสะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจ “คุณนายครอส คุณหนูครอส เป็นความผิดของพวกเราเอง พวกเราโดนความโง่งมบังตา ได้โปรดเมตตาเราและปล่อยเราไปเถอะนะ พวกเราขอร้อง!”
เพนนีดึงตัวเองกลับมาจากสภาพช็อกและหวาดกลัวในตอนแรกได้แล้ว จิตใจที่เป็นคนใจดีโดยเนื้อแท้สั่นไหวอย่างง่ายดาย เธอมองคู่สามีภรรยาที่น่าเวทนาตรงหน้าแล้วเอ่ยแนะนาธานว่า “ทำไมเราไม่ให้โอกาสพวกเขาหน่อยล่ะคะ เพราะพวกเขาก็ดูจะสำนึกผิดอย่างจริงใจแล้ว อีกอย่างพวกเขาก็ได้รับการลงโทษอย่างสาสมแล้วด้วย”
“ได้ครับที่รัก ถ้าคุณพอใจเช่นนั้น” ริมฝีปากของนาธานโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่หาดูได้ยากยิ่ง
คำตอบขี้เล่นของเขาทำให้เธอหน้าแดง
โทมัส ดันน์ เห็นแววอ่อนโยนในดวงตาของเพนนีก็รู้ได้ว่าเธอให้อภัยสองคนนั้นแล้ว “พวกแกสองคนจะยังรออะไรอยู่อีก” เขาตะโกนใส่ วอลเตอร์ ซาห์น และภรรยา
“รีบไสหัวไป!”
คู่สามีภรรยาที่ลนลานฉวยโอกาสนั้นรีบเดินโซซัดโซเซไปยังประตูอย่างร้อนรนพร้อมลากลูกชายร่างอ้วนของตัวเองออกไปด้วย ราวกับกำลังวิ่งหนีจากภัยพิบัติครั้งใหญ่
โทมัส ดันน์ เสนอให้มีการจัดเลี้ยงต้อนรับนาธานอย่างยิ่งใหญ่ แต่นาธานปฏิเสธข้อเสนอนี้ โดยให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาต้องการใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างคุ้มค่ามากกว่า
นัยน์ตาของเขาฉายแววรับรู้ จากนั้น โทมัส ดันน์ ก็หายไปอย่างรวดเร็วและปล่อยให้นาธานอยู่กับครอบครัว
นาธานอุ้มควีนี่ขึ้นมาขณะที่ทั้งสามออกจากโรงเรียนอนุบาล
“พ่อจ๋าเก่งที่สุดเลยจ้ะ” หนูน้อยควีนี่ยิ้มกว้างด้วยความภูมิใจขณะมองพ่อของเธอ “ตอนนี้พ่อกลับมาแล้ว หนูมั่นใจว่าจะไม่มีใครกล้ารังแกแม่กับหนูอีกแล้ว”
“ใช่แล้วจ้ะ เจ้าหญิงของพ่อ” นาธานพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พ่อจะไม่ปล่อยให้ใครมารังแกหนูกับแม่อีก”
เพนนีรับฟังเงียบๆ อยู่ด้านข้างขณะที่น้ำตาไหลลงมาตามแก้ม สีหน้าเปี่ยมสุขของควีนี่เป็นภาพที่น่ามองยิ่งนัก
...
เอเชียติก – ศูนย์กลางของเมือง
เพนนีอาศัยอยู่ในอาคารเก่าโทรมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในย่านดาวน์ทาวน์ของเอเชียติก
อาคารแห่งนี้ไม่มีลิฟต์
นาธานอุ้มควีนี่ไว้ขณะขึ้นบันไดหกชั้นไปยังห้องของเพนนี
“เชิญค่ะ ห้องรกแล้วก็แคบหน่อยนะคะ” เพนนีเชิญนาธานเข้ามาขณะที่เธอเปิดประตู
ภายในห้องนั่งเล่น เบนสัน สมิท พ่อของเพนนีกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่โดยสวมแว่นสายตาเอาไว้
แม่ของเธอ ลีอาห์ สมิท กำลังทำอาหารอยู่ในครัว
เบนสันประหลาดใจเมื่อเห็นลูกสาวพาผู้ชายคนหนึ่งกลับมาบ้านด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่เพนนีพาผู้ชายมาที่บ้าน
เธอปฏิญาณตนว่าจะครองตัวเป็นโสดและยืนกรานว่าจะเลี้ยงควีนี่ด้วยตัวเอง โดยปฏิเสธอย่างชัดเจนที่จะเข้าร่วมการหาคู่ที่พวกเขาจัดให้เธอ
เบนสันวางหนังสือพิมพ์ลงและเดินไปทักทายพวกเขา
“ว่าไง พ่อหนุ่มคนนี้เป็นใครล่ะ” เขาดูงุนงงเมื่อเห็นควีนี่อยู่ในอ้อมแขนของนาธาน
เพนนีพยายามเรียบเรียงคำตอบที่เหมาะสม แต่หนูน้อยควีนี่ตอบเสียงเจื้อยแจ้วไปเสียแล้ว “เขาเป็นพ่อหนูจ้ะ คุณตา พ่อกลับมาแล้ว”
“งั้นก็แสดงว่าแกคือไอ้ชั่วที่ข่มขืนลูกสาวฉันเมื่อห้าปีก่อนน่ะเหรอ แกสินะที่ทำให้ชีวิตพวกเราเหมือนตกนรก!”
เบนสัน สมิท เป็นคนพูดจาอ่อนน้อมถ่อมตนซึ่งไม่ค่อยขึ้นเสียงเท่าไร ทว่าเมื่อพบว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือคนร้ายที่ข่มขืนลูกสาวของเขาเมื่อห้าปีก่อน เขาก็เดือดดาลขึ้นมาทันที มันเป็นคนที่ทำลายชีวิตเธอด้วยการทำเธอท้อง แล้วก็ปล่อยให้เธอเลี้ยงลูกตัวคนเดียว
“ไม่อยากเชื่อว่าแกยังจะมีหน้ามาตามหาเธออีก! ฉันสาบานว่าฉันจะฟันหัวแกให้ขาดซะ!”
เสียงแหลมสูงดังแทรกผ่านอากาศมาขณะที่ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งออกมาจากครัวพลางกวัดแกว่งปังตออย่างบ้าคลั่ง ลีอาห์ สมิท ตัวสั่นด้วยความโกรธ
เหวอ! โทสะของคุณตาคุณยายของควีนี่ทำให้เด็กน้อยตกใจสุดขีดและเริ่มร้องไห้
เพนนีรั้งตัวผู้เป็นแม่ไว้สุดกำลัง “แม่คะ ได้โปรด อย่า...” เธอขอร้อง
เพนนี่เกาะตัวลีอาห์ไว้แน่น ทำให้เธอขยับไม่ได้
“เพราะแกนั่นแหละ เราเลยต้องถูกพ่อของเบนสันไล่ออกจากคฤหาสน์ของตระกูล” ลีอาห์ชี้ปังตอไปยังเบนสันขณะที่เธอพ่นคำพูดออกมา “แกทำชีวิตของเพนนีพังพินาศและนำแต่ความเจ็บปวดมาให้เธอ แกมันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน! แกมันเป็นสัตว์ประหลาด!”
เบนสันยิ่งทวีความหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าโลกที่เป็นระบบระเบียบและสงบสุขของเขากลับกลายเป็นยุ่งเหยิงเพราะการปรากฏตัวกะทันหันของนาธาน เสียงคร่ำครวญของเพนนีและควีนี่แทบจะทำให้เขาสติแตก
“พอแล้ว!” เบนสันคำรามผิดวิสัยคนพูดเสียงเบาอย่างตัวเอง
เสียงคำรามของเขาทำให้ลีอาห์สงบสติอารมณ์อันพลุ่งพล่านได้ชะงัด
เบนสันถือโอกาสนี้ฉวยปังตอมาจากมือของลีอาห์ จากนั้นก็ดึงเธอมากอดปลอบ “ออกไปจากบ้านของเราซะ! อย่ามาให้เห็นหน้าอีก!” เขาตะคอกใส่นาธานด้วยความรังเกียจ “ความเจ็บปวดที่แกทิ้งไว้ให้ลูกสาวฉันไม่มีอะไรมาทดแทนได้ เราเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมามากพอแล้ว อย่ามายุ่งกับเรา!”
“ผมไม่ไป” นาธานสบตาอีกฝ่ายด้วยแววตามุ่งมั่น เขาอุ้มควีนี่ไว้ขณะที่ความมุ่งมั่นที่จะชดเชยให้ครอบครัวของเขาสะท้อนออกมาผ่านน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงใจ
“เชื่อผมเถอะครับว่าผมรู้ว่าหลายปีมานี้เพนนีต้องเจอเรื่องทุกข์ทรมานใจอะไรมาบ้าง”
ชีวิตที่ดีและมีความสุข หนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ประสบความสำเร็จทุกสิ่งอย่างอย่างนั้นเหรอ
ว่าไงนะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพียงเธอผู้เดียว