เข้าสู่ระบบผ่าน

เพียงเธอผู้เดียว นิยาย บท 7

การปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ ทำให้เพนนีและครอบครัวมึนงงไปกับเหตุการณ์ที่จู่ๆ ก็พลิกผันไปอย่างหาคำอธิบายไม่ได้

ความสงสัยเอาชนะเบนสันเมื่อพวกเขากลับไปยังโต๊ะอาหารและลงมือจัดการมื้อเช้าต่อ “เป็นจริงตามที่นายบอกเลยว่าวันนี้คุณฮาร์วีย์จะมาขอโทษที่บ้านด้วยตัวเอง” เขาเหลือบมองนาธานด้วยแววตาสงสัย “นี่เป็นฝีมือนายรึเปล่า”

“จะเป็นไปได้ยังไงกันคะ ฉันมั่นใจว่าก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นแหละ” ลีอาห์พ่นลมออกจมูก “ทั้งคืนเขาแทบจะไม่ได้ก้าวออกจากบ้านเลย ไม่มีทางเป็นฝีมือเขาแน่” เธอยืนกราน

“อีกอย่าง อะไรทำให้คุณคิดว่าคนจรจัดอย่างเขาจะทำให้คุณฮาร์วีย์โผล่มาขอโทษได้”

“ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นเพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาทำให้เขาโดนฝันร้ายตามหลอกหลอนแน่ๆ เตือนสติเขาว่าถ้ายังทำอะไรเลวๆ อยู่กรรมมันจะตามทัน”

“เขาเลยโผล่หน้ามาที่นี่ตั้งแต่ไก่โห่” เธอยักไหล่ “เขาก็แค่ทำตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองเท่านั้นแหละ”

ลีอาห์เป็นผู้เชื่อมั่นที่มีศรัทธาแรงกล้าซึ่งสวดภาวนาไม่เคยขาดมาตลอดชีวิต ฉะนั้นเธอจึงปัดเรื่องที่อธิบายไม่ได้ทั้งหมดไปให้เป็นเรื่องของเวรกรรม ชะตากรรม และกรรมตามสนอง

เบนสันกังขาในคำอธิบายของลีอาห์ เขาพบว่ามันมีแต่เรื่องเวรเรื่องกรรม

ถึงกระนั้นเขาก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับลีอาห์ที่เธอบอกว่านาธานไม่มีทางทำตัวเป็นพระเอกได้แน่ เพราะที่เขาทำมีแค่เอ้อระเหยลอยชายไปมา ไม่ทำอะไร เขาจะทำให้ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ โผล่มาขอโทษที่นี่ได้ยังไง ในเมื่อตัวเองยังหางานดีๆ ทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

เขาคาดเดาว่าสุดท้ายแล้วก็คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ นั่นละ ทำให้เขาเกิดสำนึกผิดขึ้นมา

ทว่าเพนนีกลับมีรู้สึกแตกต่างออกไปเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด เธอเชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการน่าจะเป็นนาธาน และคนที่ลงมือทำคือ โทมัส ดันน์

จะล้มยักษ์ต้องใช้ยักษ์ด้วยกัน ไม่มีใครที่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับงานนี้อีกแล้วนอกจาก โทมัส ดันน์ ซึ่งโหดเหี้ยมอำมหิตกว่า ดีเร็ค ฮาร์วีย์ หลายร้อยเท่า

ขณะที่เธอดีใจที่หนีออกมาจากความวุ่นวายได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน เธอรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะอิทธิพลของ โทมัส ดันน์ ซึ่งช่วยนาธานมาแล้วสองรอบ

เธอเชื่อมั่นว่าเป็นไปไม่ได้ที่ โทมัส ดันน์ จะช่วยพวกเขาอีกเป็นครั้งที่สาม อีกไม่นานโชคของพวกเขาจะหมดลง และเป็นเรื่องสำคัญที่นาธานจะต้องควบคุมความใจร้อนของตัวเอง

...

ขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์รอแยลวิลล่า คฤหาสน์ของตระกูลสมิท

ฌอน สมิท ประมุขของตระกูลสมิท ร่วมด้วย ซามูเอล สมิท และ พอล สมิท ลูกชายคนโตและลูกชายคนที่สาม กำลังคุยกันอยู่ในห้องทำงาน

“ผมว่ามันน่าแปลกมาก” พอลบ่น “คุณฮาร์วีย์ปล่อยเพนนีไปได้ยังไง แล้วยังโทรมาบอกเราอีกว่าเขาจะเป็นคู่ค้าของเราต่อ”

“คุณฮาร์วีย์เป็นนักธุรกิจที่หลักแหลม ฉันว่าเขาคงไม่ต้องการมีเรื่องกับแฟนโรคจิตของเพนนีหรอก คนบ้ายากไร้อย่างหมอนั่นไม่มีอะไรต้องเสีย คุณฮาร์วีย์รู้ดีว่าไม่ควรไปเสียเวลากับกุ๊ยอย่างนั้นและเอาตัวเองไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็น” ซามูเอลอธิบาย “สำหรับเขาจะเป็นการดีกว่าถ้าหยุดพูดถึงเรื่องนี้และปล่อยให้เรื่องจบลงด้วยดี”

ฌอนทำหน้าบูดบึ้งด้วยความรังเกียจเมื่อได้ยินซามูเอลพูดถึงเพนนีและนาธาน “ฉันละคลื่นไส้นักเวลาได้ยินชื่อแม่นั่น นี่ฉันไปทำอะไรมาถึงได้มีหลานสาวไร้ยางอายอย่างมัน มันทำลายชื่อเสียงตระกูลเราจนย่อยยับ!”

ซามูเอลนึกแผนการร้ายขึ้นมาได้ “พ่อครับ ไหนๆ พรุ่งนี้เราก็จะมีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอายุเจ็ดสิบปีของพ่อ ทำไมเราไม่กีดกันเบนสันกับครอบครัวเขาไม่ให้มาร่วมงานล่ะครับ แล้วก็ใช้โอกาสนี้ขับพวกเขาออกจากตระกูลสมิทไปเสียเลย”

พอลเออออไปด้วย “จริงครับพ่อ ถ้าให้พวกเขามาร่วมงานวันเกิดของพ่อจะไม่เป็นการทำให้เราขายหน้าญาติสนิทมิตรสหายของเราหรอกหรือครับ”

“ให้พวกมันมาเถอะ” ฌอนโบกมืออย่างไม่เห็นด้วย “ในเมื่อคุณฮาร์วีย์ผ่อนปรนปล่อยมันไปแล้ว ถ้าเราขับพวกมันออกจากตระกูล คนอื่นจะมองเราว่ายังไง เราจะดูไม่ดีและทำให้เราดูใจแคบใจดำถ้าคนเปรียบเทียบเรากับคนนอกอย่างคุณฮาร์วีย์”

ตกบ่าย เพนนีและครอบครัวปลาบปลื้มที่รู้ว่าได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของปู่ของเธอ ซึ่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท

แปลว่าพวกเขายังคงเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสมิทอยู่ เพราะฌอนอนุญาตให้พวกเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงได้

อย่างไรก็ตามก็ยังเป็นเรื่องน่าลำบากใจอยู่ดีเมื่อต้องนึกถึงของขวัญที่เหมาะสมที่จะให้ฌอน

“หนูรู้ว่าเราหาอะไรแพงๆ ไม่ได้ แต่เราก็ไม่ควรให้ของถูกเกินไปเหมือนกัน ไม่งั้นเราจะดูไม่ดี” เพนนีแนะนำ “เราควรหาของขวัญที่ราคากลางๆ แต่ก็มีประโยชน์และมีความหมายต่อคุณปู่ในแง่ใดแง่หนึ่ง”

พวกเขาใช้สมองอย่างหนักในการคิดหาของที่ว่า แต่การพูดนั้นง่ายกว่าทำ

ในที่สุดนาธานก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ทำไมไม่ปล่อยให้ผมจัดการล่ะครับ รับรองว่าเราได้จะมอบของขวัญสุดพิเศษที่มีความหมายต่อฌอนมากๆ ให้เขาแน่นอน”

“นาธานคะ คุณแน่ใจเรื่องนี้เหรอ” เพนนีมองเขาอย่างกังขา “คุณคิดจริงๆ หรือว่าคุณจะหาของขวัญที่ทำให้คุณปู่พอใจในวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีได้”

“เชื่อผมเถอะ ผมรู้ว่าต้องทำยังไง” นาธานส่งยิ้มมั่นใจให้เธอ

ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เดินออกไปที่ระเบียงแล้วโทรหา คอลิน ดูนน์ “ผมต้องการของขวัญสำหรับ ฌอน สมิท ซึ่งจะฉลองวันเกิดพรุ่งนี้ ของขวัญไม่จำเป็นต้องหรูหราที่สุด แต่ต้องดีที่สุดสำหรับเขา”

“รับทราบครับท่าน!” คอลิน ดูนน์ ตอบรับอย่างเชื่อฟังแต่โดยดี

...

วันต่อมา

วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับเพนนีและครอบครัว เพราะพวกเขาต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงวันเกิดของฌอน

ขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากบ้าน เพนนีก็ถามนาธานว่าเขาเตรียมของขวัญไว้พร้อมหรือยัง เธอเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

“ของขวัญจากคุณโจเซฟ เจนกินส์ ประธานฮาร์เวสต์คอร์ปอเรชั่น ผลงานชิ้นเอกของโมเนต์ พร้อมข้อความว่า สุขสันต์วันเกิด คุณฌอน สมิท

“ของขวัญจากคุณแซค ไทเลอร์ ประธานสกายพรอพเพอร์ตี้กรุ๊ป ต้นสนบอนไซอายุร้อยปี พร้อมข้อความว่า ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตคุณฌอน สมิท เนื่องในวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปี

พนักงานที่จุดต้อนรับประกาศชื่อแขกที่มาถึงและประกาศกระทั่งของขวัญและข้อความอวยพรวันเกิด

เมื่อมาถึงนาธานและคนอื่นๆ พนักงานก็อ่านออกเสียงดังๆ “ของขวัญจาก เบนสัน สมิท และครอบครัว เม็ดยาโกโรโกโสเก่าๆ พร้อมข้อความว่า ด้วยความปรารถนาดีและสุขสันต์วันเกิดคุณพ่อ

เม็ดยาโกโรโกโสเก่าๆ!

คำพูดนั้นเรียกเสียงหัวเราะครืนจากแขกนับร้อยในฮอลล์

ฌอนหน้าแดงก่ำ แก้มสองข้างพองลม เหมือนมีสีแดงแต้มอยู่สองหย่อมขณะที่เขาจ้องมองเบนสันอย่างฉุนเฉียว ฝ่ายนั้นเพิ่งเดินมาหาฌอนและกำลังจะทักทายเขาพอดี

“นี่แกเอาของบ้าอะไรมาให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิดฮะ เบนสัน” ฌอนพ่นใส่เบนสันอย่างโมโห

“อย่าเพิ่งโมโหไปครับพ่อ” เบนสันอธิบายอย่างประหม่าเมื่อเห็นแววเกรี้ยวกราดในนัยน์ตาฌอน “นี่คือยาที่ชื่อฟินิกเซีย ว่ากันว่าเป็นยามหัศจรรย์ที่ช่วยรักษาโรคเรื้อรังที่เกิดจากภาวะเสี่ยงสามอย่างใน...”

“นายหมายความว่ายังไง เบนสัน” ซามูเอลตัดบทด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “นายกำลังจะบอกว่านายรอให้พ่อเป็นโรคเรื้อรังพวกนั้นอยู่รึไง เพราะแบบนั้นนายเลยให้ยาเป็นของขวัญพ่อน่ะเหรอ”

“ไม่ใช่นะครับพ่อ ซามูเอล ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...” ใบหน้าของเบนสันซีดเผือด

โพละ!

กล่องเก่าโทรมถูกเขวี้ยงลงพื้นเบื้องหน้าเบนสันและครอบครัว แทบจะแยกเป็นเสี่ยงๆ ยาเม็ดกลมๆ เม็ดหนึ่งกลิ้งออกมาจากกล่องที่พังแล้ว มันคือฟินิกเซีย

คนที่เขวี้ยงกล่องลงบนพื้นคือ ไมล์ส สมิท ลูกชายของ ซามูเอล สมิท

“ดูยาโกโรโกโสที่คุณให้เราสิ” ไมล์สเยาะเย้ย “เก็บเอาไว้ให้ตัวเองเถอะ!”

ความโกรธและอับอายแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าของเบนสัน ลีอาห์ และเพนนีซึ่งอุ้มควีนี่อยู่

นาธานจับจ้องพวกเขาด้วยแววตาแข็งกระด้างเย็นชา ก่อนที่เขาจะก้มลงไปเก็บยาขึ้นมา “รอจนพวกคุณได้เห็นประสิทธิภาพอันน่ากลัวของยาเม็ดๆ เล็กๆ เม็ดนี้ก่อนเถอะ แล้วคุณจะกลับมาคุกเข่าอ้อนวอนขอมัน” เขาเอ่ยเสียงเรียบ “แล้วคุณจะต้องเสียใจที่ทิ้งสมบัติล้ำค่าแบบนี้ไป”

“หือ? ยาโกโรโกโสแบบนี้เนี่ยนะสมบัติหายาก เก็บเอาไว้เองเถอะ เราไม่มีวันไปอ้อนวอนขอพวกแกแน่ๆ! ฮ่าๆ!” ซามูเอลพ่นลมออกจมูกขณะที่คนของเขาที่เหลือหัวเราะเยาะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพียงเธอผู้เดียว