การปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ ทำให้เพนนีและครอบครัวมึนงงไปกับเหตุการณ์ที่จู่ๆ ก็พลิกผันไปอย่างหาคำอธิบายไม่ได้
ความสงสัยเอาชนะเบนสันเมื่อพวกเขากลับไปยังโต๊ะอาหารและลงมือจัดการมื้อเช้าต่อ “เป็นจริงตามที่นายบอกเลยว่าวันนี้คุณฮาร์วีย์จะมาขอโทษที่บ้านด้วยตัวเอง” เขาเหลือบมองนาธานด้วยแววตาสงสัย “นี่เป็นฝีมือนายรึเปล่า”
“จะเป็นไปได้ยังไงกันคะ ฉันมั่นใจว่าก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นแหละ” ลีอาห์พ่นลมออกจมูก “ทั้งคืนเขาแทบจะไม่ได้ก้าวออกจากบ้านเลย ไม่มีทางเป็นฝีมือเขาแน่” เธอยืนกราน
“อีกอย่าง อะไรทำให้คุณคิดว่าคนจรจัดอย่างเขาจะทำให้คุณฮาร์วีย์โผล่มาขอโทษได้”
“ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นเพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาทำให้เขาโดนฝันร้ายตามหลอกหลอนแน่ๆ เตือนสติเขาว่าถ้ายังทำอะไรเลวๆ อยู่กรรมมันจะตามทัน”
“เขาเลยโผล่หน้ามาที่นี่ตั้งแต่ไก่โห่” เธอยักไหล่ “เขาก็แค่ทำตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองเท่านั้นแหละ”
ลีอาห์เป็นผู้เชื่อมั่นที่มีศรัทธาแรงกล้าซึ่งสวดภาวนาไม่เคยขาดมาตลอดชีวิต ฉะนั้นเธอจึงปัดเรื่องที่อธิบายไม่ได้ทั้งหมดไปให้เป็นเรื่องของเวรกรรม ชะตากรรม และกรรมตามสนอง
เบนสันกังขาในคำอธิบายของลีอาห์ เขาพบว่ามันมีแต่เรื่องเวรเรื่องกรรม
ถึงกระนั้นเขาก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับลีอาห์ที่เธอบอกว่านาธานไม่มีทางทำตัวเป็นพระเอกได้แน่ เพราะที่เขาทำมีแค่เอ้อระเหยลอยชายไปมา ไม่ทำอะไร เขาจะทำให้ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ โผล่มาขอโทษที่นี่ได้ยังไง ในเมื่อตัวเองยังหางานดีๆ ทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
เขาคาดเดาว่าสุดท้ายแล้วก็คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของ ดีเร็ค ฮาร์วีย์ นั่นละ ทำให้เขาเกิดสำนึกผิดขึ้นมา
ทว่าเพนนีกลับมีรู้สึกแตกต่างออกไปเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด เธอเชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการน่าจะเป็นนาธาน และคนที่ลงมือทำคือ โทมัส ดันน์
จะล้มยักษ์ต้องใช้ยักษ์ด้วยกัน ไม่มีใครที่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับงานนี้อีกแล้วนอกจาก โทมัส ดันน์ ซึ่งโหดเหี้ยมอำมหิตกว่า ดีเร็ค ฮาร์วีย์ หลายร้อยเท่า
ขณะที่เธอดีใจที่หนีออกมาจากความวุ่นวายได้โดยไม่มีรอยขีดข่วน เธอรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะอิทธิพลของ โทมัส ดันน์ ซึ่งช่วยนาธานมาแล้วสองรอบ
เธอเชื่อมั่นว่าเป็นไปไม่ได้ที่ โทมัส ดันน์ จะช่วยพวกเขาอีกเป็นครั้งที่สาม อีกไม่นานโชคของพวกเขาจะหมดลง และเป็นเรื่องสำคัญที่นาธานจะต้องควบคุมความใจร้อนของตัวเอง
...
ขณะเดียวกัน ที่คฤหาสน์รอแยลวิลล่า คฤหาสน์ของตระกูลสมิท
ฌอน สมิท ประมุขของตระกูลสมิท ร่วมด้วย ซามูเอล สมิท และ พอล สมิท ลูกชายคนโตและลูกชายคนที่สาม กำลังคุยกันอยู่ในห้องทำงาน
“ผมว่ามันน่าแปลกมาก” พอลบ่น “คุณฮาร์วีย์ปล่อยเพนนีไปได้ยังไง แล้วยังโทรมาบอกเราอีกว่าเขาจะเป็นคู่ค้าของเราต่อ”
“คุณฮาร์วีย์เป็นนักธุรกิจที่หลักแหลม ฉันว่าเขาคงไม่ต้องการมีเรื่องกับแฟนโรคจิตของเพนนีหรอก คนบ้ายากไร้อย่างหมอนั่นไม่มีอะไรต้องเสีย คุณฮาร์วีย์รู้ดีว่าไม่ควรไปเสียเวลากับกุ๊ยอย่างนั้นและเอาตัวเองไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็น” ซามูเอลอธิบาย “สำหรับเขาจะเป็นการดีกว่าถ้าหยุดพูดถึงเรื่องนี้และปล่อยให้เรื่องจบลงด้วยดี”
ฌอนทำหน้าบูดบึ้งด้วยความรังเกียจเมื่อได้ยินซามูเอลพูดถึงเพนนีและนาธาน “ฉันละคลื่นไส้นักเวลาได้ยินชื่อแม่นั่น นี่ฉันไปทำอะไรมาถึงได้มีหลานสาวไร้ยางอายอย่างมัน มันทำลายชื่อเสียงตระกูลเราจนย่อยยับ!”
ซามูเอลนึกแผนการร้ายขึ้นมาได้ “พ่อครับ ไหนๆ พรุ่งนี้เราก็จะมีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอายุเจ็ดสิบปีของพ่อ ทำไมเราไม่กีดกันเบนสันกับครอบครัวเขาไม่ให้มาร่วมงานล่ะครับ แล้วก็ใช้โอกาสนี้ขับพวกเขาออกจากตระกูลสมิทไปเสียเลย”
พอลเออออไปด้วย “จริงครับพ่อ ถ้าให้พวกเขามาร่วมงานวันเกิดของพ่อจะไม่เป็นการทำให้เราขายหน้าญาติสนิทมิตรสหายของเราหรอกหรือครับ”
“ให้พวกมันมาเถอะ” ฌอนโบกมืออย่างไม่เห็นด้วย “ในเมื่อคุณฮาร์วีย์ผ่อนปรนปล่อยมันไปแล้ว ถ้าเราขับพวกมันออกจากตระกูล คนอื่นจะมองเราว่ายังไง เราจะดูไม่ดีและทำให้เราดูใจแคบใจดำถ้าคนเปรียบเทียบเรากับคนนอกอย่างคุณฮาร์วีย์”
ตกบ่าย เพนนีและครอบครัวปลาบปลื้มที่รู้ว่าได้รับเชิญไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของปู่ของเธอ ซึ่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท
แปลว่าพวกเขายังคงเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลสมิทอยู่ เพราะฌอนอนุญาตให้พวกเขาเข้าร่วมงานเลี้ยงได้
อย่างไรก็ตามก็ยังเป็นเรื่องน่าลำบากใจอยู่ดีเมื่อต้องนึกถึงของขวัญที่เหมาะสมที่จะให้ฌอน
“หนูรู้ว่าเราหาอะไรแพงๆ ไม่ได้ แต่เราก็ไม่ควรให้ของถูกเกินไปเหมือนกัน ไม่งั้นเราจะดูไม่ดี” เพนนีแนะนำ “เราควรหาของขวัญที่ราคากลางๆ แต่ก็มีประโยชน์และมีความหมายต่อคุณปู่ในแง่ใดแง่หนึ่ง”
พวกเขาใช้สมองอย่างหนักในการคิดหาของที่ว่า แต่การพูดนั้นง่ายกว่าทำ
ในที่สุดนาธานก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ทำไมไม่ปล่อยให้ผมจัดการล่ะครับ รับรองว่าเราได้จะมอบของขวัญสุดพิเศษที่มีความหมายต่อฌอนมากๆ ให้เขาแน่นอน”
“นาธานคะ คุณแน่ใจเรื่องนี้เหรอ” เพนนีมองเขาอย่างกังขา “คุณคิดจริงๆ หรือว่าคุณจะหาของขวัญที่ทำให้คุณปู่พอใจในวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีได้”
“เชื่อผมเถอะ ผมรู้ว่าต้องทำยังไง” นาธานส่งยิ้มมั่นใจให้เธอ
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็เดินออกไปที่ระเบียงแล้วโทรหา คอลิน ดูนน์ “ผมต้องการของขวัญสำหรับ ฌอน สมิท ซึ่งจะฉลองวันเกิดพรุ่งนี้ ของขวัญไม่จำเป็นต้องหรูหราที่สุด แต่ต้องดีที่สุดสำหรับเขา”
“รับทราบครับท่าน!” คอลิน ดูนน์ ตอบรับอย่างเชื่อฟังแต่โดยดี
...
วันต่อมา
วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับเพนนีและครอบครัว เพราะพวกเขาต้องเตรียมตัวไปงานเลี้ยงวันเกิดของฌอน
ขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากบ้าน เพนนีก็ถามนาธานว่าเขาเตรียมของขวัญไว้พร้อมหรือยัง เธอเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพียงเธอผู้เดียว