หงยวี่พูดจบก็มุดตัวเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในพุ่มดอกไม้ การที่คุณชายโกรธนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากอย่างหนึ่ง เธอกลัวมันมากจริงๆ!
โอเล่ย์คิดเพียงมันเป็นเรื่องการหยอกล้อของคู่รักหนุ่มสาวเท่านั้น ไม่ได้คิดไปในแง่ร้าย ใครจะไปคิดว่าทันทีที่เดินมาถึงชั้นบน ก็เห็นท่านประธานนั่งอยู่ที่โซฟาด้วยใบหน้าที่แน่นิ่ง ในมือมีแก้วไวน์แดงถืออยู่ กำมันแน่น จนแทบจะแหลกคามือ
บนโต๊ะกาแฟตรงหน้าของเขา มีขนที่สวยงามวางกองอยู่ เงางามอย่างมาก น่าเสียดายกับการโกนทิ้ง
ส่วนเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยืนพิงอยู่ที่กำแพง น่าจะกำลังถูกทำโทษให้ยืนอยู่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ริมฝีปากเม้มกันแน่น ดูแล้วน่าสงสารอย่างมาก พ่อบ้านเซี่ยที่ไม่รู้เรื่องด้วยก็คอยยืนอยู่ข้างๆ
“คุณโกนขนของคนอื่นทำไม? ”เซียวเซิ่งหัวเสียกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเสียจริง ไม่รู้ว่าหัวสมองของเธอคิดอะไรอยู่
“แค่ขนไม่กี่เส้นเองไม่ใช่เหรอ?ใช่ว่ามันจะไม่งอกขึ้นมาอีก?คุณต้องโมโหขนาดนี้ด้วยเหรอ?”เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยู่ปากอย่างไม่รู้สึกผิด ซึ่งก็น่ารักอยู่ไม่น้อย
เซียวเซิ่งโกรธจนหลุดขำออกมา“ผมโกนผมคุณบ้าง คุณโอเคเหรอ?คุณบอกว่าผมโยนคุณลงบ่อจระเข้เป็นการใช้ความรุนแรง แล้วที่คุณทำล่ะ?มันเหมือนกัน!”
“ใช่ เหมือนกัน”พ่อบ้านเซี่ยไกล่เกลี่ย“ถือว่าหายกันแล้วกัน?เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนต่อไปก็อย่าพูดถึงเรื่องบ่อจระเข้อีก ส่วนคุณชายก็ไม่ต้องพูดถึงขนใต้วงแขนนี้อีก ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน”
“ลุงเซี่ย อย่าช่วยคนผิดทำเรื่องผิดๆ ลักษณะเหมือนกัน แต่หลักสำคัญไม่เหมือนกัน หนูไม่มีวันลืมเรื่องบ่อจระเข้นี้ไปตลอดชีวิตแน่”เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ลดราวาศอก สายตามองไปที่ประตู เมื่อเห็นโอเล่ย์เดินมา ก็ยิ้มหวานให้เขา
โอเล่ย์ยิ้มตอบอย่างสุภาพ สายตามีความชื่นชม แม่สาวน้อยคนนี้เป็นคนเดียวที่กล้ากระตุกหนวดเสือแบบนี้
เซียวเซิ่งจากที่ไม่พอใจอยู่แล้ว ตอนนี้มาเห็นคนทั้งสองยักคิ้วหลิ่วตาให้กันอีก อารมณ์ก็ระเบิดในทันที วางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ“ทั้งสามคน ไปเขียนหนังสือตำหนิตัวเองมาหนึ่งหมื่นตัวอักษร คืนนี้ผมจะตรวจ ห้ามลอกกัน หากใครฝ่าฝืนเพิ่มไปอีกหนึ่งหมื่นตัว”
“ท่านประธาน ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย~”โอเล่ย์ท้วงติง พ่อบ้านเซี่ยก็ใช้สายตาที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มองไปยังเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน“ ผมก็โดนหางเลขไปด้วย”
เมื่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นว่าเซียวเซิ่งโกรธแล้วจริงๆ ขนหัวลุกซู่ขึ้นมาเล็กน้อย บวกกับไม่อยากให้คนอื่นต้องมาติดร่างแหไปด้วย ก้มหน้าลงแล้วกล่าว“ให้คุณโกนคืนก็ได้?”ขณะที่พูด ก็เดินมาตรงหน้าเขา ยกแขนขึ้นมา
“โกนขนของคุณ?”เซียวเซิ่งมองเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม“ รักแร้คุณไม่มีขนไม่ใช่เหรอ คิดจะแกล้งผมงั้นเหรอ ?”
“งั้น……ให้คุณโกนผมก็ได้ ?”เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพูดหยั่งเชิง
“เส้นผมไม่ได้ เรื่องนี้ไว้คืนนี้ค่อยคุยกัน”เซียวเซิ่งรู้สึกว่าหัวข้อนี้ไม่เหมาะที่จะเจาะลึกไปในตอนนี้ เบนสายตาไปหาโอเล่ย์ ถามเสียงเข้ม“จัดการเป็นยังไงบ้าง? ”
“ไม่สำเร็จครับ พวกเขาต้องการทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของคุณ”โอเล่ย์ตอบกลับ
“ความโลภไม่น้อยเลย”เซียวเซิ่งมองไปยังเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนแวบหนึ่ง ยกยิ้มบางเบา “ฉันแต่งงานแล้ว ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งเป็นของภรรยา จะยกมันให้คนอื่นได้ยังไง”
“ผมไม่เคยเห็นแม่ลูกที่ไหนจะโง่เขลาได้เท่านี้มาก่อน ยอมเลยจริงๆ” โอเล่ย์พูดอย่างระอา
“อืม เอาเงินที่นายจะให้พวกเขา ลดให้เหลือครึ่งหนึ่ง”เซียวเซิ่งออกคำสั่งอย่างเฉยชามาคำหนึ่ง ยืนขึ้นแล้วมองไปยังเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน“คุณมากับผม”
“ทะ ทำไม?”เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหวาดกลัวตัวสั่นเทา ไม่รู้ว่าผู้ชายที่ใจแคบคนนี้จะลงโทษตัวเองยังไง มองไปยังโอเล่ย์กับพ่อบ้านเซี่ยอย่างขอความช่วยเหลือ
ทั้งสองยักไหล่ให้อย่างช่วยไม่ได้ โอเล่ย์หัวเราะเยาะ“คุณเอาท่านประธานเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ?กลัวอะไร?พอจวนตัวก็แกล้งเป็นลม ท่านประธานก็หมอบราบคาบแล้ว”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้ว่าเขากำลังเยาะเย้ยตัวเองที่ชอบแกล้งเป็นลม ใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นในทันที ไม่กล้าอยู่นาน วิ่งตามหลังเซียวเซิ่งไปอย่างไว……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น