เวลานี้ฉู่หยู้ซีไม่ได้กลัวเซียวเซิ่งเลยแม้แต่นิดเดียวเช่นกัน ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วเซียวชุ่นจะเป็นคนใหญ่คนโต เวลาปกติเขาเองก็เคารพเขาเช่นกัน แต่เรื่องการสวมเขานอกใจแบบนี้ มันก็ไม่ได้มีการแบ่งแยกสูงต่ำอยู่แล้ว
“คุณชายฉู่ไปกันเถอะครับ ผมจะไปยิงปืนเป็นเพื่อนคุณเอง” โอเล่ย์แทบอยากจะลงมือกับเขาแล้ว อดทนที่จะคงความเกรงใจสุดท้ายนี้เอาไว้
ฉู่หยู้ซีหัวเราะพลางยักไหล่ขึ้น จุดบุหรี่แล้วคาบเอาไว้ที่ปาก แล้วบ่นออกมาต่ออย่างหวังที่จะบรรลุเป้าหมายของตัวเองท่ามกลางความวุ่นวายนี้ “พี่ชาย วันที่ไม่มีนายกับต้าฟา ในแต่ละวันของฉันก็เหมือนกับเดินอยู่บนปลายมีดเลยนะ ฉันแคร์พวกนายขนาดนั้น ไม่มีทางที่จะเหมือนกับผู้ชายคนอื่น.....”
“คำพูดซึ้งๆแบบนี้ ออกมาจากปากนายแล้วมันดูอนาถมาก” เซียวเซิ่งมองฉู่หยู้ซีอย่างหงุดหงิด ภายใต้ความสยบในดวงตาอันเย็นชาของเขา ฉู่หยู้ซีทำหน้ามุ่ยอย่างไม่มีความผิด พ่นควันออกมา มือปล่อยกระดาษนั้นออก
“อาเซิ่ง นายเอาแต่ตั้งการ์ดป้องกันกับฉันอย่างแข็งแกร่ง แต่กำแพงนี้ก็ยังถูกคนนอกงัดเป็นช่องมาได้ นายเองก็จะไปโทษเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้นะ อย่างแรกเลย เธอถูกนายแย่งมา ถูกต้องใช่ไหม และอย่างที่สอง ไม่ใช่ว่าฉันพูดแล้วใช่ไหม ดอกซิ่งแดงออกนอกกำแพง ก็จะต้องโทษที่ต้นมันสิที่รั้งเอาไว้ไม่ได้ จะโทษดอกไม่ได้....”
“แซ่ฉู่ ผมเดือดจริงๆแล้วนะ!” โอเล่ย์โมโหเสียจนยั้งอารมณ์เอาไว้ไม่ได้แล้วดึงตัวฉู่หยู้ซี อยากจะใช้กำลังเชิญเขาออกไป
แต่ฉู่หยู้ซีไม่ได้จัดการง่ายขนาดนั้น ไม่รู้ว่าเอาเข็มเงินมาจากที่ไหน เหมือนกับสายฟ้าแลบที่มายันอยู่ตรงเป้ากางเกงของเขา “คุณชายเล่ย์ใจเย็นๆสิ อาวุธของหมอมีอานุภาพมากนะ เพียงแค่ทิ่มลงไปเบาๆ ลูกชายของนายก็แย่แล้ว.....”
โอเล่ย์ : “……..”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของฉู่หยู้ซีมีรอยยิ้มบางๆแห่งความชั่วร้าย รู้สึกโมโหแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้
โอเล่ย์กัดฟัน “คุณชายฉู่หน้าหนาเหมือนกับหนังหมูเลยนะครับ ต่อให้คุณกับท่านประธานของพวกเราโตมาด้วยกัน ก็ควรจะมีความเป็นส่วนตัวบ้างเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เรื่องของเพื่อนแผ่ออกมาแล้ว คุณควรจะทำอย่างไรก็ไม่รู้อย่างนั้นเหรอครับ? ไม่มีน้ำใจเลย!”
“อย่าวิเคราะห์ปัญหาให้มันเด็ดขาดแบบนั้นสิ ไม่ใช่แค่จดหมายฉบับเดียวรึไง? เรื่องใหญ่อะไรกัน?” ฉู่หยู้ซีรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง “ฉันจะบอกนายให้นะโอเล่ห์ พวกนายขังเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอาไว้แบบนี้ พรากแม่ลูกออกจากกันนี่ก็ไม่มีคุณธรรมแล้ว ฉันไม่ชอบตั้งแต่แรกแล้ว! คนเราก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ตรงไหนที่มีการกดขี่ตรงนั้นก็จะมีการต่อต้าน ครั้งนี้ฉันยืนอยู่ฝั่งเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ไม่ยืนอยู่ฝั่งอาเซิ่งแล้ว”
เซียวเซิ่งเม้มริมฝีปากบางเป็นเส้นตรง สายตากวาดไปมองยังกระดาษแผ่นนั้น ดวงตาดำหดตัวลงอีกครั้ง
【ถ้าหากการช่วยฉันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ก็ขอให้พี่อดทนเอาไว้ก่อน อย่าวู่วาม ถ้าหากพี่ได้รับบาดเจ็บ ฉันก็รู้สึกเจ็บปวดด้วย นึกถึงคืนนั้นเหตุการณ์ที่พี่ต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บ ก็รู้สึกแทบขาดใจ....ความดีของพี่ฉันจดจำเอาไว้อยู่ในใจตลอด แม้จะเป็นวินาทีนั้นก่อนตาย รูม่านตาของฉันก็จะต้องเปลี่ยนเป็นพี่อย่างแน่นอน! หัวใจของฉันเป็นของพี่ ตลอดไป....” 】
“นี่ก็คือความรักที่ซาบซึ้งเสียจนต้องน้ำตาไหลอย่างที่ร่ำลือกันอย่างนั้นเหรอ? ฉันซึ้งใจจริงๆ” ฉู่หยู้ซีหยิบบุหรี่ออกมาจากปาก สะบัดเขม่าควันออก ใบหน้าร้ายๆยิ้มออกมาอย่างสดใสมากเป็นพิเศษ “เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเป็นผู้หญิงที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก ฉันชอบฉันชื่นชมฉันนับถือเลย”
หลายปีขนาดไหนแล้วที่ไม่มีคนกล้าท้าทายเซียวเซิ่งเลย? เพียงแค่ความกล้าหาญตรงจุดนี้ของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนที่มาท้าทายปิศาจร้าย ก็คุ้มค่าที่จะให้เขาฉู่หยู้ซียกย่องได้แล้ว
“คุณชายฉู่ อย่าทำให้ยิ่งน่าโมโหอีกเลย!คุณเอาแต่พูดไปแบบนี้ จะเป็นการทำร้ายเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอา คุณรู้หรือเปล่า?” โอเล่ย์รู้สึกจงเกลียดจงชังเขา ฉู่หยู้ซีก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน
เมฆดำบนใบหน้าของเซียวเซิ่ง มือกำแน่นขึ้นทีละนิด กระดาษจดหมายถูกกำเอาไว้จนยับ ความชั่วร้ายน่ากลัวแพร่กระจายออกมาจากร่างของเขาและดูเหมือนวินาทีต่อมานั้นก็ระเบิดทุกอย่างออกไปหมดแล้ว
“แม้จะเป็นวินาทีนั้นก่อนตาย รูม่านตาของฉันก็จะต้องเปลี่ยนเป็นพี่อย่างแน่นอน! หัวใจของฉันเป็นของพี่....”ที่แท้ที่เขารักเธอ เอ็นดูเธอก็ไม่มีประโยชน์ ในใจของเธอมีเพียงแต่สวี่เจียน เมื่อคืนคำพูดเหล่านั้นที่เขาพูดไปก็ล้วนแต่เสียเปล่าแล้ว
สะบัดปลายนิ้วไป ก้อนกระดาษก็ลอยออกไป
เซียวเซิ่งลุกขึ้นยืน ใบหน้าหล่อเหลาไม่แสดงอาการออกมามากเกินความจำเป็น แต่ตรงมุมหน้าผากนั้นมีเส้นเลือดแห่งความโมโหผุดขึ้นมา เลือดเซาะกร่อนอยู่ในสมองอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้นจึงเห็นว่าในใจของเขานั้นไม่สงบมากขนาดไหน
โอเล่ย์หยิบกระดาษก้อนนั้นขึ้นมาด้วยความตกใจ อ่านดูผ่านรอบหนึ่ง ความรักในตัวอักษรระหว่างบรรทัดของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนที่มีต่อสวี่เจียนนั้นลึกซึ้งเสียจนไม่อาจคาดเดาได้ อา นี่ทำให้คนผิดหวัง....เป็นไปได้ยังไงกัน?
“ท่านประธานครับ ผมว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็เชื่อถือได้นะครับ” โอเล่ย์พยายามฝืนยิ้มออกมา พลางพูดเกลี้ยกล่อม “ทั้งหมดนี่ก็ไม่ได้พูดว่าท่านประธานไม่ดีเลย เพียงแค่แสดงความคิดถึงของตัวเองเท่านั้น อือ--”
ยังพูดไม่จบ กระดาษที่อยู่ในมือของเขาก็ถูกเซียวเซิ่งเอาไปด้วย พอประตูเปิดออก ก็หายไปแล้ว
แปะๆ!ฉู่หยู้ซีปรบมือขึ้น “คำพูดนี้ของโอเล่ย์ฉันเห็นด้วยนะ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเชื่อถือได้จริงๆ ผู้หญิงแบบนี้รักใครเข้า ก็เป็นความโชคดีของคนๆนั้น!”
โอเล่ย์จ้องมองไปยังฉู่หยู้ซี พลางเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห “หมอบ้า เขาเป็นสามีภรรยากัน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น