เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 152

“เธอหมดสติไปเป็นเดือนแล้วไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้ร่างกายหน้าใจอ่อนแออยู่” พ่อบ้านเซี่ยขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยด้วยความเหลือเชื่อ

“อย่าไปพูดถึงเรื่องนั้นเลย เธอแข็งแรงอย่างกับอะไรดี เรี่ยวแรงเท่ากับวัวตัวเป็น ๆ บรรดาคนรับใช้ล้วนพากันหนักใจ เราก็แค่บอกกับเธอว่าคนที่ชนเธอไม่ใช่คุณชาย เธอก็โมโหเสียจนทำร้ายพวกเราลงไปนอนกองที่พื้น คุณชายหมดเงินไปกับเธอเท่าไหร่กัน เพียงแค่เดือนนี้ก็หมดไปเป็นล้านแล้ว ร่างกายของเธอดีกว่าใครๆ”

“ก็จริง” พ่อบ้านเซี่ยหันทิศทางของรถตรงไปที่โรงพยาบาล “อย่าทำให้เธอต้องขุ่นเคืองใจ ผมใกล้จะถึงแล้ว”

“เร็วนะคะลุงเซี่ย ชีวิตพวกเราแทบจะรั้งไว้ไม่ได้แล้ว”

ที่จริงการที่นิสัยของอูเจินจูค่อนข้างที่จะดุดันก็มีเหตุผล ตั้งแต่เล็กเธอถูกพ่อแม่ขายไป พ่อเลี้ยงเป็นคนออกเงินกู้นอกระบบ ส่วนแม่เลี้ยงก็ไม่ต่างจากสก๊อย พวกเขาจะเลี้ยงดูลูกสาวออกมาได้ดีขนาดไหนกันเชียว อย่างมากก็ได้แค่อันธพาล

ลักษณะนิสัยของเธอที่ไม่เกรงกลัวอะไรนี้ค่อนข้างจะคล้ายคลึงกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน ด้วยเหตุนี้เองทั้งสองคนจึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกันได้ และนิสัยจึงส่งผลต่อกันและกัน......

ตอนที่พ่อบ้านเซี่ยเดินทางมาถึง อูเจินจูกำลังดื่มซุปรังนกและถั่งเช่าสกัดใส่โสม ซุปนี้ถ้วยหนึ่งราคาสูงถึงสองหมื่นห้า ตอนที่เธอเป็นลมหมดสติอยู่นั้น ก็ได้ให้สารอาหารนี้ทางสายลงสู่กระเพาะโดยตรง ประกอบกับทุกวันจะมีคนมาบีบนวดทำกายภาพบำบัด ดูเหมือนว่าร่างกายตอนนี้จะแข็งแรงกว่าก่อนที่จะถูกรถชนเสียอีก

“เหอะ......” พ่อบ้านเซี่ยเดินทางไปถึงโรงพยาบาลด้วยความรีบเร่ง เมื่อตรงเข้าไปก็ได้แต่ยิ้มขึ้นพูดว่า “คุณหนูอู ในที่สุดก็ตื่นขึ้นสักทีนะครับ ผมคือพ่อบ้านเซี่ยจากคฤหัสถ์เซียว ไม่ทราบว่าคุณยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

อูเจินจูไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เธอปล่อยให้พ่อบ้านเซี่ยยืนรออยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามว่า “เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกับเอี๋ยนต้าฟาอยู่ไหน?”

“อ้อ คุณนายไปทำงานแล้ว ส่วนคุณชายน้อยไปโรงเรียน ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับหน้าที่ของตนเอง ไม่สามารถเดินทางมาอยู่เฝ้าคุณหนูอูได้ตลอด ไม่ทราบว่าคุณหนูทำงานที่ไหน เมื่อร่างกายฟื้นฟูดีแล้วก็ควรไปทำงานนะครับ”

พ่อบ้านเซี่ยได้สืบประวัติของอูเจินจูมาอย่างถี่ถ้วน และตอนนี้เขาก็ไม่ลืมที่จะเปิดโปงตัวตนของเธอ

“แค่กๆ” อูเจินจูแทบจะสำลักน้ำซุป สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนัก

เธอไม่มีงานการทำเป็นหลักเป็นแหล่งหรอก หลังจากที่เรียนจบแล้วก็ได้สานต่อกิจการของที่บ้านคือการทำธุรกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือกล่าวอีกมุมหนึ่งก็คือ ออกเงินกู้นอกระบบ ถึงแม้จะสามารถหาเงินประทังชีวิตได้ แต่ก็ไม่ใช่การงานที่น่ายกย่องชื่นชม

เมื่อคนรับใช้เห็นว่าอูเจินจูพูดไม่ออก ก็ได้แอบยกนิ้วให้แก่พ่อบ้านเซี่ย “คุณลุงเซี่ยเก่งจริงเลย เพียงแค่ประโยคเดียวก็เอาเธออยู่”

พ่อบ้านเซี่ยไม่ได้พูดอะไรออกมา แม่หนูคนนี้ดูจะค่อนข้างดื้อรั้น คาดว่าจัดการยากทีเดียว

เป็นจริงดังนั้น อูเจินจูเชิดหน้าขึ้นแล้วเลิกคิ้วมองอย่างรังเกียจ “ก็ได้ ฉันจะรอจนกระทั่งเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเลิกงานแล้วค่อยเจอเธอ แต่ตอนนี้ฉันจะต้องโทรศัพท์หาเธอก่อน เพื่อแน่ใจว่าเธอปลอดภัยจริง ๆ เอาเบอร์โทรศัพท์ของเธอให้ฉัน”

แน่นอนว่าพ่อบ้านเซี่ยคงไม่ให้ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ที่จริง คุณนายของเราไม่รู้ว่าคุณเกิดอุบัติเหตุ เพราะกลัวว่าเธอจะเสียใจพวกเราจึงไม่ได้บอกเธอ เวลาหนึ่งเดือนกว่ามานี้ คุณชายของเราเป็นคนคอยดูแล และหมดค่าใช้จ่ายในการรักษา ให้คุณได้กินได้ดื่มเป็นอย่างดี”

“เขาเป็นคนชนฉัน ก็ต้องดูแลให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับฉันถูกต้องแล้วนี่” อูเจินจูพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ

เมื่อเห็นว่าเธอดูไร้เหตุผล พ่อบ้านเซี่ยจึงได้หัวเราะขึ้น “ถ้าคุณต้องการเพียงแค่คุยกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเพื่อดูว่าพวกเขาสบายดีหรือเปล่า ผมสามารถให้หมายเลขโทรศัพท์กับคุณได้ แต่ถ้าอยากจะมายั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างคุณนายกับคุณชายคงเป็นไปไม่ได้”

“ใครจะไปยั่วยุกัน?” อูเจินจูดื่มซุปโสมนั้นจนหมดแล้ววางถ้วยลง ตาเฒ่านี่ทำไมพูดจาไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย

“การที่คุณบอกว่าคุณชายของเราเป็นคนขับรถชนคุณนั้นก็เป็นการยั่วยุไม่ใช่หรือไงครับ คุณยังไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนชนคุณ ผมจะบอกคุณให้ว่าตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดอยู่ คุณจะมาพูดจาส่งเดชแบบนี้ไม่ได้”

“ก็ได้ๆ......” อูเจินจูพูดขึ้นอย่างไร้ความอดทน “ฉันแค่บอกว่าถูกชนที่หน้าบ้านพวกเธอ ไม่ได้บอกว่าใครชนได้หรือเปล่าละ?”

“ถ้าไม่บอกว่าเป็นคุณชายของเราชนก็ไม่มีปัญหา......”

พ่อบ้านเซี่ยเป็นผู้คิดแผนการล่วงหน้าอยู่เสมอ เขาจะยอมให้แม่หนูน้อยคนนี้มาจูงจมูกได้ยังไงเล่า เขาหยิบลูกคิดออกมาจากกระเป๋าแล้วทำการคิดเกิดเป็นเสียงดัง พร้อมด้วยใบหน้าอันจริงจัง

เมื่อได้ยินเสียงลูกคิดนั้นดังขึ้น อูเจินจูก็รู้สึกตึงเครียดในทันใด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดกันเมื่อเธอเห็นเขาหยิบลูกคิดขึ้นมาก็นึกถึงแผนการชั่วร้าย ตานี่คงจะคิดค่ารักษาของเธออยู่สินะ

หลังจากหรี่ตาลงชั่วครู่ อูเจินจูก็ได้เอื้อมมือไปจับลูกคิดนั้นเอาไว้ เธอยิ้มขึ้นเปลี่ยนจากท่าทางอันหยิ่งผยองเมื่อครู่ทันที “เอาเถอะค่ะคุณลุง ฉันก็เพียงแค่รู้ว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนปลอดภัยสบายดีก็พอแล้ว คุณจะให้ฉันพูดอะไรกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนฉันก็จะพูดตามนั้น”

พ่อบ้านเซี่ยพยักหน้าอย่างพออกพอใจแล้วยิ้มให้กับเธออย่างเป็นมิตร......

ณ สำนักงานใหญ่เอ็นซี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น