หนึ่งวินาทีผ่านไป ความวุ่นวายในห้องโถงก็กลับคืนสู่สภาวะเงียบสงบทันที แม้แต่เสียงหายใจก็ไม่มี ไม่กล้าใครมองชายผู้โหดร้ายและไร้เหตุผลผู้นี้
บนตัวเขาแผ่ไปด้วยออร่าความเลือดเย็นดั่งราชา สิ่งมีชีวิตใดห้ามเข้าใกล้ ใครเข้ามาตายทั้งหมด๙
แม้แต่กู้จ่านหนิงยังกลัว ประกอบกับน้องสาวของเขามาเกิดเรื่องที่ถิ่นของตัวเองอีก ดังนั้น......เจ้าหมอนี่ทำได้แค่ทน๙
“เคลียร์พื้นที่!” เซียวเซิ่งพูดออกมาด้วยความร้ายกาจ
“ไสหัวออกไป! ออกไป! ” บอดี้การ์ดที่ติดตามมารีบมาข้างหน้าเพื่อไล่คน
ผู้ที่มาเที่ยวหาความสุขทั้งผู้ชายทั้งผู้หญิงต่างเบียดเสียดกันอยู่ข้างนอก เสื้อผ้าบางคนก็ขาดวิ่น แต่ผู้คนที่เข้าออกที่แห่งนี้ต่างก็ไม่ได้สนใจรูปลักษณ์ใด ๆ
ถึงอย่างไรกู้จ่านหนิงก็อยู่ในวงการมืดมาก่อน เขาไม่ได้ตกใจกับเหตุการณ์นี้ กลับยิ้มขึ้นว่า “คุณชายเซียว ไม่รู้ว่าร้านของผมทำผิดอะไร? ถึงทำให้คุณโมโหขนาดนี้?”
แสร้งทำไม่รู้เรื่องสินะ
“ได้ยินว่าน้องสาวของนาย กู้ซีหนิงถึงเวลาแต่งงานแล้วสินะ” เซียวเซิ่งพูดด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
จู่ ๆ สีหน้าของกู้จ่านหนิงก็เปลี่ยนไป ทุกคนต่างฉลาดหลักแหลม เขารู้ความหมายของเซียวเซิ่งดี เขาจัดการน้องสาวของฉัน ฉันก็จะจัดการน้องสาวของเขา
เซียวเซิ่งเห็นว่าเขาเข้าใจแล้วจึงยิ้มอ่อนจนทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
เซียวซาเติบโตมาด้วยความรักจากเขา แม้ว่าปกติจะไม่ได้ยิ้มให้เธอสักเท่าไร นั่นเป็นเพราะนิสัยเขาเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปแล้ว
ถ้าครั้งนี้กู้จ่านหนิงไม่ปรากฏตัว เขาก็คงจะไม่โมโหขนาดนี้ แต่พอไอ้เจ้าเล่ห์นี่ออกมาสร้างภาพ เซียวซาก็รู้ว่าตัวเองมาช้าไป จึงไม่กล้ามีปากมีเสียง อารมณ์ย่ำแย่
ในเมื่อเขาให้ความสำคัญกับสวี่เจียนมากขนาดนั้น งั้นก็ให้กู้ซีหนิงน้องสาวของเขาแต่งงานกับสวี่เจียนเลยก็ดี
หน้าผากของกู้จ่านหนิงเริ่มมีเหงื่อไหล พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว ทิ้งน้องชายน้องสาวคู่หนึ่งไว้ให้เขา ยิ่งน้องสาวเป็นสุดที่รักของเขา สิ่งที่ทำให้เขาโกรธก็คือ น้องสาวรักเซียวเซิ่งแทบเป็นแทบตาย จะทำยังไงดี......
ด้านของเซียวจวินเซิงยังไม่ถึงโกลเด้นฟีนิกซ์ไนต์คลับก็เห็นว่าฝั่งนี้วุ่นวายไปหมด ใจเขาเต้นตึกตักทันที กังวลว่าจะเกี่ยวข้องกับเซียวซา
ในจังหวะนี้เอง บอดี้การ์ดนายหนึ่งก็ขึ้นมาเคาะกระจกรถ “คุณท่านครับ นายน้อยกำลังจัดการเรื่องในโกลเด้นฟีนิกซ์ไนต์คลับอยู่ ฐานะของท่านสูงส่ง ไม่ต้องออกเปิดเผยตัวหรอกครับ ”
เซียวจวินเซิงจึงรู้ว่าเซียวเซิ่งกำลังเคลียร์พื้นที่อยู่ เช่นนั้นแล้วเซียวซาต้องอยู่ข้างในแน่!
ลูกคนนี้... น่าโมโหเสียจริง!
“คุณอา พี่สาวของฉันไม่ได้เลอะเลือนขนาดนั้น มีใครอุ้มตัวเธอไปหรือเปล่า?” เนี่ยหยวนเอ่ยถาม ด้วยสถานการณ์เช่นนี้กุลสตรีคงพยายามที่จะหลีกเลี่ยงถึงจะถูก
“ไม่นะ น่าจะเป็นเธอที่อยากเที่ยวเล่นเอง วัยรุ่นรักสนุกเป็นเรื่องปกติ ”
เซียวจวินเซิงพูดอย่างใจเย็นพร้อมกำชับบอดี้การ์ด “ไปบอกนายน้อย ขอแค่เซียวซาไม่เป็นอะไร ไม่จำเป็นต้องไปเป็นปรปักษ์กับกู้จ่านหนิง แค่สร้างความน่าเกรงขามนิดหน่อยก็พอแล้ว ”
“ครับ”
ณ ห้องผู้ป่วยVIP โรงพยาบาลซูจี้
หลังจากเซียวซาออกไปแล้วเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตั้งใจว่าจะนอน เธอคิดถึงลูกเหลือเกิน พลิกตัวไปมาก็นอนไม่หลับอยู่ดี
เมื่อใส่เสื้อผ้าเสร็จเธอก็เดินไปมาในห้อง จู่ ๆ ก็มีความคิดแปลกขึ้น เอี๋ยนต้าฟาอยู่ที่โรงพยาบาลนี้ด้วยไหม? เธอไม่ได้หวังว่าลูกชายจะป่วย แต่พอมีความคิดนี้ขึ้นมาก็อยากออกไปดูสักหน่อย
คนที่ทำให้เธอประหลาดใจคือเซียวเซิ่ง เขาไม่ได้ล็อคประตู ทั้งยังไม่ได้ให้บอดี้การ์ดเฝ้าเธอด้วย
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนออกมาก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากห้องข้าง ๆ ดังออกมา ทั้งยังเป็นจังหวะดูคุ้นหูมากเหมือน กับเสียงหัวเราะของอูเจินจู
เธอตื่นเต้นจึงเดินไปแนบหูแอบฟังตรงช่องประตู ครั้งนี้ไม่เพียงได้ยินเสียงของอูเจินจู ยังได้ยินเสียงไร้เดียงสาของเด็กอีกคนหนึ่งด้วย
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนใจสั่น ตาลายยกมือขึ้นปิดปากไว้กลัวว่าเสียงร้องไห้ของตัวเองจะดังออกไป
เพราะเสียงเด็กคนนั้น คือเสียงของลูกชายสุดหล่อของตัวเอง เธอไม่มีทางฟังผิด ลูกชายคงคิดถึงแม่แย่แล้ว?
เย่เฟิงผ่านช่วงเวลายาวนานจากการผ่าตัด ตื่นขึ้นหลังจากที่สลบไปเอี๋ยนต้าฟาจึงตื่นเต้นเป็นพิเศษ ทั้งยังได้เจอคุณน้าเจินจูที่ไม่ได้เจอกันนาน คุยกันไม่จบสักที กำลังจะเที่ยงคืนแล้วไม่รู้สึกง่วงเลย
“เพราะตอนที่คุณสลบไป ผมก็ดูแลคุณไง”
“ใช่เหรอ? ”อูเจินจูยิ้มเยาะ “คุณดูแลฉันยังไงเหรอ?”
“อาบน้ำให้คุณ ทั้งตัว”
ฉู่หยู้ซีหันไปมองอูเจินจูแล้วหันไปมองเย่เฟิง เห็นทั้งสองคนกำลังใช้สายตาฟาดฟันซึ่งกันแล้วถึงกับต้องส่ายหัวแล้วหัวเราะออกมา นี่ก็คือทั้งรักทั้งเกลียด ทะเลาะกันไปมาสุดท้ายก็อยู่ด้วยกัน
เขากำลังจะเดินไป ในจังหวะนี้เองประตูก็ถูกผลักออก ใบหน้าของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเต็มไปด้วยคราบน้ำตายืนอยู่ตรงนั้น
เธออยากที่จะควบคุมอารมณ์ให้ดีก่อนแล้วค่อยเข้ามา ใครจะไปรู้ว่าน้ำตาพอได้ไหลแล้วมันหยุดไม่ได้เลยต้องเข้ามา พอเห็นลูกตัวดำ น้ำตาเลยพลุ่งพล่านออกมา
“ใครเป็นคนทำให้ลูกชายสุดหล่อของฉันดำขนาดนี้?”
“โอ้! หม่ามี๊” พอเห็นแม่ เอี๋ยนต้าฟาก็กลั้นไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา
เขาสไลด์ตัวลงจากเตียงผู้ป่วย วิ่งไปก่อนขาของแม่ไว้ “หม่ามี๊ ผมคิดถึงแม่ ถ้าไม่ได้เจอหม่ามี๊อีก ผมคงไม่มีชีวิตอยู่ ”
“ถ้าหม่ามี๊ไม่ได้เจอลูกอีก ก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่อย่างไรเหมือนกัน” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกใจสั่น เธอย่อตัวลงกอดลูกไว้ในอ้อมอกแน่น ๆ คนที่อยู่ด้านข้างมองไปอย่างปวดใจ
เมื่อร้องไห้อยู่สักพัก แม่ลูกทั้งสองจึงหยุดร้องได้
“ลูกรัก เป็นแม่ที่ไร้ประโยชน์ ทำให้ลูกต้องลำบาก”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยกมืออ่อนนุ่มขึ้นกอดใบหน้าน้อย ๆ ของลูกชายไว้แล้วหอมไปหลายที เธอพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ใช้โอกาสที่เซียวเซิ่งไม่อยู่ หม่ามี๊จะรีบพาลูกกลับไปเมืองนอก ที่กลับมาหนึ่งเดือนนี้ หม่ามี๊ทำอาสวี่หายไป......”
พูดจบเธอก็ไม่ได้เช็ดน้ำตา แต่อุ้มเอี๋ยนต้าฟาไว้แล้วเดินออกไป
เซียวเซิ่ง คนที่ทำร้ายให้แม่ลูกต้องแยกจากกัน เธอไม่โกรธแค้นไม่อาฆาต เพียงแค่อยากจะอยู่ห่างจากเขาให้ไกล......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น