เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 159

โอเล่ย์ขับรถตามหลังท่านประธานไปเพียงลำพังอย่างใกล้ชิด บังเอิญพบเข้ากับขบวนบอดี้การ์ดของเซียวจวินเซิงหลายสิบคันตรงสี่แยกไฟแดง

บอดี้การ์ดเหล่านั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกไปกับนายท่าน กลุ่มที่สองไปกับคุณชาย

ณ โกลเด้นฟีนิกซ์

ดูเหมือนผู้หญิงที่มีท่าทางคล้ายกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจะจัดการเรื่องของตนเสร็จแล้ว เธอจึงรีบกลับมาเคาะประตูห้อง 502 แต่กลับไม่อาจเปิดได้

เธอแนบหูเข้าไปฟังและพบเสียงราวกับมีใครกำลังทำเรื่องอย่างว่าอยู่ข้างใน ทำให้เธอโมโหจนอยากจะเตะประตู

ตอนที่เธอจากไปครึ่งชั่วโมงนี้ น้าเสวี่ยคงจะหาผู้หญิงคนอื่นมาบริการสวี่เจียนแล้ว

หมาป่าหาเหยื่อมาให้หมาบ้านแท้ ๆ เธอจากไปแค่ครู่เดียว น่าเสียดายเหลือเกิน ตำรวจชั้นสูงที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแบบนี้หาทั้งชาติก็คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว

แม้จะโกรธเกลียดแต่ก็ทำได้เพียงกัดฟันกรอด เธอเองก็ไร้สิ้นหนทาง จึงทำอะไรไม่ได้นอกจากไปหาแขกคนอื่น คืนนี้เธอยังไม่ได้เปิดบิล ไม่ว่าทำอาชีพอะไรก็ไม่ง่ายเลย วันนี้เธอตัดผมสั้นจึงไม่อาจหาลูกค้าได้

เมื่อผู้ดูแลโกลเด้นฟีนิกซ์เห็นว่าสามารถมัดสวี่เจียนได้อยู่หมัดแล้วก็มีความสุขมาก เธอเดินบิดเอวอรชรไปที่ห้องทำงานของเจ้านาย เพื่อบ่งบอกถึงความสำเร็จ

จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่งปรากฏในสายตา น้าเสวี่ยหันมองไปและต้องตกตะลึง เธอตะโกนว่า “อิงจื่อ ทำไมอยู่ที่นี่ล่ะ?”

ผู้หญิงที่ดูเหมือนเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนคนนั้นตกใจเสียจนขนลุก เมื่อเห็นน้าเสวี่ยก็เอามือตบหน้าอกเบา ๆ “ตกใจหมดเลยน้าเสวี่ย”

น้าเสวี่ยเบิกตากว้างแล้วดึงเธอไปด้านข้าง “นี่ เหยื่อรายใหญ่ในมือของเธอล่ะ?”

“เหยื่อรายใหญ่อย่างงั้นเหรอ......ก็อยู่ในห้องไงล่ะ” อิงจื่อเห็นท่าทางอันประหม่าของเธอดังนั้นก็ตกใจเช่นกัน

“แล้วทำไมเธอยังอยู่ที่นี่?” น้าเสวี่ยแทบจะเป็นบ้า ไฉันให้เธอจัดการกับเขาไม่ใช่หรือไง นี่ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าเรื่องนี้ล้มเหลวละก็ ชีวิตของฉันกับเธอคงจะแย่แน่!”

ประโยคนี้ไม่ได้ดูเกินจริง เจ้านายของพวกเธอกู้จ่านหนิงเป็นคนแบบไหนกัน ไม่ว่าเขาทำเรื่องราวใดก็ดุดันเด็ดขาด คนที่ทำเรื่องของเขาพังไม่ตายก็พิการ

สีหน้าของอิงจื่อดูซีดเผือดทันที ดวงตาของเธอเอ่อล้นด้วยน้ำตาจากความกลัว น้ำเสียงสั่นเทา “น้าเสวี่ยไม่ได้ส่งคนไปแทนที่ฉันเหรอ?”

“บ้าหรือไงกัน!” น้าเสวี่ยขมวดคิ้วดวงตาของเธอกลอกมอง “หมายความว่ายังไง มีคนอยู่กับสวี่เจียน......”

“ใช่ ข้างในห้องมีคน” อิงจื่อโมโหฟึดฟัด “ไม่รู้ว่าใครกันที่ วางแผนให้ฉันออกไปจากห้องนั้นแล้วเข้าไปแทนที่ฉัน”

“เรื่องนี้เราจะประมาทไม่ได้ รีบไปเร็วเข้า” น้าเสวี่ยวิ่งตรงไปยังห้อง 502 ทันทีเพื่อดูว่าใครกันที่กล้าหาญเพียงนี้

เธอจัดการหาคนที่รูปร่างคล้ายคลึงกับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไปเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ของเธอ เพราะคนอื่น ๆ ไม่เหมาะสม

ทั้งสองคนเดินเร่งรีบไปที่ประตูห้องพัก น้าเสวี่ยหยิบบัตรใบหนึ่งออกมาแล้วปลดล็อคประตู

ขณะที่เธอกำลังจะเข้าไปนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น น้าเสวี่ยรีบปิดประตูแล้วกระซิบรับสาย “มีเรื่องอะไรคะ”

“น้าเสวี่ยเกิดเรื่องขึ้นแล้ว” คนอีกฝ่ายหนึ่งพูดด้วยความรีบร้อน “นายท่านเสียวไปตรวจกล้องวงจรปิด ดูเหมือนกำลังหาโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง เรื่องนี้ไปถึงหู คุณชายจ่านแล้ว คุณชายจ่านให้พวกเรารีบตรวจกล้องวงจรปิด และพบว่าเธอปรากฏตัวขึ้นในโกลเด้นฟีนิกซ์ของเรา”

น้าเสวี่ยตกใจจนพูดไม่ออก คำพูดของเธอดูตะกุกตะกัก “นี่ เธออยู่ที่ไหน กินเหล้าหรือว่าร้องคาราโอเกะ หรือว่าเต้นอยู่หน้าเวที?”

“เต้นบ้าบออะไรเล่า เธอเข้าไปในห้อง 502 แล้ว!”

“หา......!” น้าเสวี่ยยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ร่างของเธอก็ทรุดลงไปบนพื้นแล้วสลบไปทันที

เธอทำงานอยู่ในอาชีพนี้มาเนิ่นนาน มีประสบการณ์ผ่านความเป็นความตายมามากมาย ได้เห็นลมเห็นฝนเห็นพายุ เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าตระกูลเซียวนั้นไม่อาจไปทำให้ขุ่นเคืองใจได้

ตอนนี้เซียวซาเกิดเรื่องขึ้นในอาณาเขตของเธอ พ่อของหล่อนดุดั่งสิงโต คงจะต้องฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนให้สุนัขกินแน่

ต่อให้พ่อลูกตระกูลเซียวไม่เอาเธอถึงตาย และยอมให้สวี่เจียนแต่งงานกับเซียวซา แต่เจ้านายของเธอกู้จ่านหนิงก็คงจะโยนเธอลงไปในกระทะแน่

เซียวซามองไปที่พื้น “ฉันเต็มใจเอง ไม่เกี่ยวกับเธอ”

“แต่ว่า นายท่านเซียวและคุณชายเซียวคงเอาฉันตายแน่ ตอนนี้พวกเขามาถึงแล้ว”

น้าเสวี่ยน้ำเสียงสั่นคลอน เธอพูดเสร็จก็วิ่งไปที่หน้าต่างชะโงกหน้าลงไปมองพบกับชายหนุ่มคนหนึ่งร่างกายสูงใหญ่เพิ่งลงจากรถ ขบวนของเขาและออร่ายาว 2.8 เมตร ดูแข็งแกร่งมาก ทำให้เธอชะงักลงอีกครั้ง “คุณชายเซียวมาแล้ว ฉันตายแน่”

“ยังไม่อยากตายเหรอ?” เซียวซายกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าอันหล่อเหลาของสวี่เจียน แววตาเต็มไปด้วยเสน่หา “ถ้าอย่างนั้นจงทำตามที่ฉันบอกแล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย”

“ฉันจะฟังค่ะ คุณหนูใหญ่” น้าเสวี่ยเชื่อฟังราวกับสุนัขรับใช้ แต่เธอก็เป็นคนที่รู้จักโลกนี้ดี “คุณหนูใหญ่ ขอร้องอย่าบอกเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่กับพ่อและพี่ชายเลยนะคะ แค่นี้ก็นับว่าเป็นบุญคุณของฉันแล้ว”

เซียวซาเองก็ไม่ตั้งใจบอกเรื่องนี้กับใคร

ที่ทางเข้าโกลเด้นฟีนิกซ์ รถหรูหลายคันจอดขวางเป็นทางยาวมองไปช่างดูสง่างาม

เซียวเซิ่งเดินตรงเข้าไปในห้องโถงด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ข้างในยังคงมีการร้องรำทำเพลงราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก กู้จ่านหนิงพาบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งเข้ามาทักทาย “อ้าว คุณชายเซียว ยินดีต้อนรับ”

น่าเสียดายที่เจ้าหมอนี่มาช้าไปหน่อย สถานที่นั้นถูกจัดการจนสะอาดสะอ้านแล้ว

เซียวเซิ่งไม่แม้แต่จะเหลือบมองดูเขา กลับเดินเข้าไปยังตู้ไวน์ที่ตกแต่งอย่างสง่างาม จากนั้นหยิบไวน์ Lafite 82ปีขึ้นมาขวดหนึ่งแล้วทุบไปที่ตู้

“เพล้ง!” เช่นเดียวกับฉากระเบิดในภาพยนตร์ ไวน์ในตู้แตกเป็นชิ้น ทำเอาเสียงกรีดร้องดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว

ใบหน้าของกู้จ่านหนิงมืดมนลงเช่นกัน นี่ไม่เท่ากับเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีของเขาเหรอ?

สองพ่อลูกตระกูลเซียวแข็งแกร่งมาก เขาไม่อาจรับมือได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น