ประตูห้องถูกผลักออก ผู้ช่วยของโอเล่ย์ เฉินเหยียนเหยียนเดินตรงเข้ามา
“ผู้ช่วยเอี๋ยนคะ สำนักงานเลขาธิการแจ้งมาว่าอีกสิบนาทีจะมีการประเมิน อุ้ย......” เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉากที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวกำลังจูบกันอย่างดื่มด่ำ ทั้งเซ็กซี่โรแมนติกและดูงดงาม เธอหน้าแดงเรื่อร้อนผ่าวแล้วรีบวิ่งตรงออกไป
“อุ๊ย......” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตกใจและต้องการจะยุติจูบนี้ แต่ริมฝีปากของเธอมีเขาประกบเอาไว้แน่น ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
ตอนที่เขาจูบเธอนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาจะไม่หยุดลงกลางคัน นอกเสียจากว่าเหตุการณ์นั้นไม่ดีต่อเธอ
เซียวเซิ่งกดศีรษะของภรรยาตนเอาไว้แน่น เขาจูบวนไปมาที่ปากของเธออยู่หลายหน ก่อนจะผละออกมาด้วยอาการหอบ ดวงตาของเขาเปล่งประกายไปด้วยเส้นเลือดสีแดง
“ที่รักคะ คุณไม่รู้สึกว่ามันน่าอายหรือไง?” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยกมือขึ้นจับแก้มที่ร้อนผ่าวของเธอแล้วรู้สึกอายมาก เธออยากจะมุดแผ่นดินหนี
“ผมอยู่ในห้องทำงานของผมและจูบภรรยาตัวเอง ทำไมต้องอายด้วย?” เซียวเซิ่งพยายามระงับหัวใจที่เต้นรัวและพูดด้วยความใจเย็น
“คนอื่นไม่รู้นี่คะว่าฉันเป็นภรรยาของคุณ”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมจะจัดการประชุมเพื่อประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าคุณเป็นภรรยาของผม”
“อย่านะคะ ฉันอยากใช้ชีวิตที่เรียบง่าย” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของเธอแล้วนั่งลงดังเดิม
เธอไม่อยากใช้ชีวิตที่ต้องคอยถูกคนอื่นจับตามอง และต้องเต้นตามปากนกปากกา คงน่ารำคาญถ้าเดินไปตามถนนแล้วมีแต่นักข่าวเข้ามา
ที่จริงแล้วเซียวเซิ่งก็ดีทุกอย่าง เพียงแต่เขามีสถานะตัวตนที่สูงเหลือเกิน ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว เธอเพียงต้องการครอบครัวเล็ก ๆ ที่อบอุ่น บางทีสวี่เจียนอาจจะเหมาะสมกับเธอมากกว่า......
เซียวเซิ่งหยิบเอกสารขึ้นมาทำงานต่อ เขาเหลือบมองไปที่ภรรยาของตนราวกับมองออกถึงความคิดเธอ จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “คิดอะไรอยู่อีก?”
“ฉันกำลังคิดว่าคุณควรแต่งงานกับดาราสาวมากกว่า ถ้าอย่างนี้พวกคุณจะได้เหมือนเหมือนกัน พวกดาราก็จะเปล่งประกายเจิดจ้า คุณจะทำให้พวกเธอมีค่ามากขึ้น และพวกเธอก็จะทำให้คุณ......”
เซียวเซิ่งยกมือขึ้นชี้นิ้ว “ไปนั่งคิดที่ตรงมุมกำแพงนั้น”
เมื่อถูกสายตาอันเย็นชาของสามีมองมา เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็หยุดความคิดของเธอทันที แล้วหยิบถ้วยน้ำชาไปยืนอยู่ตรงมุมห้อง
เธอจิบน้ำชาแล้วครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที ก่อนจะรู้สึกว่าตัวเธอพูดเกินเหตุไป ทั้งสองแต่งงานกันแล้วยังพูดเรื่องราวแบบนี้ แม้ว่าเธอจะมีเจตนาดีก็ตาม......
โอเล่ย์หอบหนังสือกองหนึ่งและเอกสารเดินตรงเข้ามา เมื่อเห็นว่าเฉินเหยียนเหยียนยกมือขึ้นกุมคางยืนอยู่นอกประตูจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “คุณปวดฟันเหรอ?”
“เปล่าค่ะ พอดีเมื่อสักครู่ทางบริษัทมีประกาศด่วนและบังเอิญว่าคุณไม่อยู่ ฉันเลยได้มาแจ้งกับผู้ช่วยเอี๋ยน......”
ใครจะรู้เล่าว่าทันทีที่เธอเดินตรงเข้าไปก็พบท่านประธานและเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยืนจุมพิตการโดยมิโต๊ะคั่นอยู่ตรงกลางด้วยท่าทางอันหวานชื่น ทำเอาเธอขาอ่อน
แม้เธอจะไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกมาแต่โอเล่ย์ก็เดาได้
ประทานไม่ชอบให้ใครเคาะประตูบ่อย ๆ ดังนั้นพวกคนที่รู้ดีจึงไม่จำเป็นต้องเคาะประตูก่อนเข้าไป แต่ในตอนนี้มีเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอยู่......
“เอาล่ะ ต่อจากนี้อย่าเข้าออกห้องประธานโดยไม่จำเป็น มีเรื่องอะไรก็ให้โทรมาหาผม”
“ค่ะ แต่ว่าคุณโอเล่ย์คะ ทำไมเกิร์ลเฟรนด์ของคุณ เลขาท่านประธาน......ครั้งก่อน ตอนที่ฉันนำโทรศัพท์มือถือไปให้ผู้ช่วยเอี๋ยนก็เคยบังเอิญเจอเข้าครั้งหนึ่ง” เฉินเหยียนเหยียนยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างงุนงง
หรือว่า...... คุณโอเล่ย์และประธาน จะชื่นชอบผู้หญิงคนเดียวกันในเวลาพร้อมกัน?
แม้ว่าเธอจะเป็นแฟนพันธุ์แท้และแฟนตัวยงของโอเล่ย์กับท่านประธาน ดังนั้นเธอก็ชื่นชอบเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนด้วย แต่พวกเขาสามคน......มันไม่ยุ่งเหยิงไปหน่อยเหรอ?
“เกิร์ลเฟรนด์ก็คือเพื่อนที่เป็นผู้หญิง มีปัญหาอะไรไหม?”
“อ้อ เหรอคะ” เฉินเหยียนเหยียนจึงเข้าใจในทันควัน ที่จริงแล้วเธอก็ไม่เคยเห็นคุณโอเล่ย์กับเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมีพฤติกรรมเกินเลยต่อกัน ที่แท้ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของท่านประธาน “กิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันดีนะคะ”
“อืม ไปทำงานเถอะ” โอเล่ย์ผลักประตูเข้าไปเห็นฉากข้างในห้อง ก็ไม่รู้ว่าจะทำสีหน้าอย่างไรดี
ท่านประธานกำลังอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะ ดูไม่พึงพอใจเล็กน้อย
ส่วนเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเอนหลังพิงอยู่ที่กำแพง มือทั้งสองข้างถือช่วยน้ำชาและจิบเบา ๆ ริมฝีปากของเธอสดใสราวกับดอกท้อในเดือนสาม คาดว่าเมื่อครู่คงจะได้รับความรักจากท่านประธานไม่เบา
“เนี่ยนเอ๋อร์ ทำไมถึงยืนอยู่ตรงนั้นละ?”
“ฉันถูกสามีลงโทษ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก้มหน้าลง แววตาอันเหมือนสายน้ำหลั่งไหล หอมหวานจนทำให้หัวใจของคนฟังมึนเมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น