เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 219

มือที่กำลังจะหยิบตะเกียบหดกลับเงียบๆ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเหลือบมองเซียวเซิ่งที่อยู่ด้านข้าง—

ทรงผมปาดหลังสุดโหด โครงหน้าเย็นชาเด็ดเดี่ยว ดวงตาหล่อเหลาเหี้ยมโหดและสูงส่ง ท่านั่งที่น่าเกรงขาม...การแสดงออกทุกอย่างแสดงให้เห็นว่าเขาคือผู้ล่าที่เก่งกาจที่สุด ทำให้คนหลีกเลี่ยงความเฉียบคมของเขาด้วยสัญชาตญาณ

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหัวใจบีบรัดอีกครั้ง ไม่ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองคนจะสวีทกันขนาดไหน เพียงแค่เซียวเซิ่งเคร่งขรึมขึ้นมา เธอจะหวาดกลัวเป็นพิเศษ

เธอกะพริบตาปริบๆ นึกอาการป่วยตั้งแต่เล็กจนโตขึ้นในหัว แล้วตอบอย่างว่าง่าย “โรคอื่นรักษาหายแล้ว เหลือแต่โรคตัดสินใจลำบาก”

นี่ถือว่าเป็นปัญหาทางจิตใจ รักษาได้ยาก

“เหรอ?” เซียวเซิ่งหยิบกุ้งมังกรขึ้นหนึ่งตัว เคาะน้ำออกเบาๆ แล้วปอกอย่างไม่รีบร้อน ไม่เอ่ยไม่ได้ แม้แต่การปอกกุ้งงานออกแรงแบบนี้เมื่ออยู่ในมือของเขากลายเป็นสง่างาม “หมายความว่า จนถึงตอนนี้เธอยังคิดไม่ได้ว่าจะเลือกใคร?”

อานฉุนซี สวี่เจียน โอเล่ย์ เซียวเซิ่ง ฉู่หยู้ซี เขาจัดอันดับเป็นคนที่สี่

ราชาขี้สงสัย เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกลืนน้ำลาย มองไปทางสามีอย่างระมัดระวัง “เลือกได้แล้ว อีกอย่างเมื่อเลือกแล้ว จะไม่มีทางเปลี่ยนตัวเลือกอีกต่อไป”

มือของเซียวเซิ่งที่ปอกเปลือกอยู่หยุดชะงัก สายตาจ้องมองอาหารบนโต๊ะ ไม่ได้มองเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เขารู้ว่าตัวเองก็คือตัวเลือกนั้น แต่...

“เลือกใคร?”

“เซียวเซิ่ง”

“อืม” สีหน้าของผู้เสแสร้งยังคงเรียบเฉย เขาหยิบผ้าจากจานรองแล้วเช็ดมือ คางเซ็กซี่ชี้ไปทางเนื้อกุ้ง “กินซะ ในเมื่อเลือกยากก็ไม่ต้องเลือก ถามฉันก็พอ”

“รู้แล้ว” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนมองไปทางจานที่มีหางกุ้งเหมือนกับแมกโนเลียขาว ไม่รู้ทำไม ในใจรู้สึกอุ่นใจเป็นพิเศษ เธอยัดเข้าปากทั้งหมด แก้มปูดออกมา เหมือนกับกระรอกดิน

“ตอนที่กินฉัน ทำไมไม่เห็นเธอกระตือรือร้นขนาดนี้?” น้ำเสียงของเซียวเซิ่งไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

ห๊ะ! เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตกตะลึงกับคำพูดของเขาจนตัวชาไปหมด หน้าแดงก่ำ “เพราะว่า...ของนายใช้แรงกัดไม่ได้”

เฮือก! โอเล่ย์อดกลั้นจนเกือบจะช้ำใน วิธีแสดงความรักของสามีภรรยาคู่นี้พิเศษจริงๆ งงไปหมดแล้ว!

เซียวเซิ่งถูกคำตอบของเธอทำให้สีหน้าเปลี่ยนไป ใบหูแดงระเรื่อเป็นแถบ ผู้หญิงของเขาพูดเก่ง ทุกประโยคที่พูดออกมาสอดคล้องกับหัวใจของเขาเป็นพิเศษ

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนทานอาหารอย่างจริงจัง ฟันบดอาหารส่งเสียงไพเราะออกมา และยังไม่ลืมที่จะคีบเนื้อวัวให้สามี

เซียวเอินดวงตาเผยรอยยิ้ม คีบเนื้อวัวใส่ปาก และเคี้ยวอย่างสง่างาม ยกน้ำแครนเบอร์รี่ขึ้นดื่ม จากนั้นยื่นให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “เปรี้ยวหน่อยนะ”

“ฉันไม่กลัวเปรี้ยว” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรับมาแล้วจิบเบาๆ “รองโอ ช่วงบ่ายฉันจะออกไปตัดชุดราตรี ขอลางาน”

“ได้ รอตำแหน่งใหม่เรียบร้อยแล้วค่อยมาทำงาน ฉันหาวิธีช่วงชิงตำแหน่งเสมียนให้เธอ” โอเล่ย์พยักหน้า สายตาที่มองไปทางเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้งมากมาย “เมื่อเลือกแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนตัวเลือกอีกต่อไป” คำพูดนี้ของเธอน่ารักจริงๆ ประธานต้องดีใจมากล่ะสิ?

“ลองชิมดูทุกอย่าง รสชาติไหนถูกปากเธอ ก็เน้นไปทางนั้น” เซียวเซิ่งคีบอาหารให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนต่อ ทั้งๆ ที่อาหารอยู่ตรงหน้าเธอ

“อืม” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ปฏิเสธ “อันที่จริงเป็นพนักงานทำความสะอาดที่นี่ก็ดีนะ คนเราหาเงินก็เพื่ออยู่กินไม่ใช่เหรอ อาหารพนักงานของเอ็นซี กรุ๊ปหลากหลายขนาดนี้ แค่กินอย่างเดียวก็คืนทุนแล้ว”

“อร่อยขนาดนี้จริงๆ เหรอ?” เห็นอาหารที่ประธานคีบให้เธอทานหมดแล้ว โอเล่ย์กังวลว่าเธอจะอิ่มจนมากเกินไป

“อร่อยจนกระเพาะของฉันจุไม่ได้แล้ว ฉันแทบจะลืมเรื่องที่ตัวเองสอบได้ศูนย์คะแนนแล้วด้วยซ้ำ”

โอเล่ย์ยิ้มบาง เด็กคนนี้กล่อมได้ง่ายมาก เพราะว่าทานอาหารที่พึงพอใจหนึ่งมื้อ เงามืดของศูนย์คะแนนก็หายไปทั้งแบบนี้

“งั้นมีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษอีกไหม?” เซียวเซิ่งวางตะเกียบลงแล้วถาม

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกลอกตาครุ่นคิด “ถ้าหากพูดว่าอยากกินเป็นพิเศษ นั่นก็คือก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นต้มยำเนื้อ”

“ก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นต้มยำเนื้อ?” เซียวเซิ่งไม่เคยกินของพวกนี้จริงๆ แต่ว่าภรรยาอยากกิน เขาก็จะต้องลองดูหน่อย สามีภรรยารสนิยมคล้ายกัน ช่วงชีวิตถึงจะยาวนาน

เขามองไปทางโอเล่ย์แล้วออกคำสั่ง “นายให้พ่อครัวทำก๋วยเตี๋ยววุ้นเส้นต้มยำเนื้อสองที่”

“ครับ” โอเล่ย์ไปหลังครัว ในไม่ช้าก็โทรศัพท์มา “ประธานครับ ห้องครัวมีเนื้อวัว แต่วุ้นเส้นใช้หมดแล้ว แต่มีหูฉลามอยู่นิดหน่อย”

“งั้นก็ใช้แทนก่อน อีกอย่างให้พ่อครัวทำวุ้นเส้นออกมาด้วยตัวเอง เอาวัตถุดิบมาจากฟาร์ม”

ให้พนักงานกินแต่อาหารออแกนิค ให้ผู้หญิงที่รักกิน แน่นอนว่าต้องมาจากธรรมชาติทั้งหมด

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนฟังอะไรออกคร่าวๆ เธอมองเซียวเซิ่งอย่างอ่อนโยน รู้สึกอุ่นใจ ผู้ชายคนนี้ละเอียดอ่อนมาก เบื้องหลังผู้หญิงที่มีความสุขทุกคน จะมีผู้ชายที่ใส่ใจรายละเอียด

เธอหันข้างเข้าใกล้เซียวเซิ่ง พูดเสียงเบาข้างหูเขา “ที่รัก ต่อไปตอนที่ลูกสาวของพวกเราแต่งงาน นายจะต้องตรวจสอบให้ดี ลูกเขยนอกจากเป็นคนดีหน้าตาดีแล้ว จะต้องเอาใจใส่รายละเอียด ผู้ชายที่เลินเล่อจะทำให้ผู้หญิงเสียใจ พวกเราจะประมาทไม่ได้”

“หาที่ใส่ใจแบบฉันใช่ไหมล่ะ?” เซียวเซิ่งเหลือบตามองเธอ แล้วถามอย่างพึงพอใจ

“ประมาณนั้นแหละ”

“หึ” เซียวเซิ่งหัวเราะเยาะ “งั้นเธอกับเซี่ยจิ่นต่างกันเหรอ? ลูกสาวยังไม่เกิดออกมา ก็อยากจะก้าวก่ายอิสระในการแต่งงานของเธอ?”

เป็นแบบนี้จริงๆ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนสะอึก จู่ ๆ เข้าใจเซี่ยจิ่นเล็กน้อย บางทีพ่อแม่บนโลกนี้เป็นแบบนี้กันหมด ก้าวก่ายการแต่งงานของลูกชายลูกสาวคือลักษณะทางธรรมชาติ...

“ก๋วยเตี๋ยวเนื้อมาแล้ว เสี่ยวเนี่ยนชิมดู ใช่รสชาติที่เธอชอบไหม?” โอเล่ย์นำทางบริกรให้วางหม้อดินเล็กๆ สองหม้อตรงหน้าประธานและภรรยา

“ได้กลิ่นก็หอมมากแล้ว” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหยิบตะเกียบขึ้นมา

“อย่าขยับ” เซียวซิ่งกลัวจะร้อนโดนเธอ เขาคีบขึ้นนิดหน่อยแล้ววางลงในช้อนเล็ก เป่าจนเย็นแล้วถึงจะยื่นไปข้างปากภรรยา ใส่ใจรายละเอียดราวกับดูแลลูกสาวอย่างไรอย่างนั้น

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรับความรักจากเขาด้วยความเต็มใจ เธอลิ้มรสอย่างสุภาพ แล้วขมวดคิ้ว “นี่มันแป้งมันสำปะหลังเหรอ? เทียบแป้งมันเทศไม่ได้”

เอ่อ...โอเล่ย์กุมหน้าผาก นี่มันหูฉลาม

กินอาหารเที่ยงเสร็จ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพักผ่อนครู่หนึ่ง แล้วเตรียมจะออกไป

หนึ่งเพราะบริษัทจะโยกย้ายเธอ อันที่จริงก็คือลดตำแหน่ง เธออยู่ที่นี่รู้สึกอึดอัด อีกอย่างสัปดาห์นี้เธอจะต้องไปร่วมงานแต่งงานกับเซียวเซิ่ง จะต้องจตัดชุดราตรีที่เหมาะสมหนึ่งชุด

“เธอจะไปเดินเที่ยวคนเดียวไม่ได้ ให้อูเจินจูไปเป็นเพื่อนเธอ ไม่อย่างงั้นฉันจะให้บอดี้การ์ดตามเธอไป” เซียวเซิ่งพูดจา ก็เดินเข้าห้องพัก

“งั้นฉันโทรหาอูเจินจู” เธอไม่อยากได้บอดี้การ์ด ชีวิตคนปกติไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ เธอไม่อยากหยิ่งผยอง อวดสถานะของตัวเอง

ในตอนนี้ อูเจินจูกำลังนั่งอยู่ในร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ตามลำพัง ได้รับสายของเพื่อนสนิทเธอดีใจผิดปกติ “ได้ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ตึกการค้า แต่ว่าตอนสี่โมงฉันต้องไปรับพ่อแม่ที่สนามบิน เธอไปเป็นเพื่อนฉันไหม?”

“พ่อแม่เธอกลับมาแล้วเหรอ? ไปเป็นเพื่อนเธอแน่นอนอยู่แล้ว!” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนดีใจมาก “มีร้านเสื้อผ้าแฟชั่นซิ่วจิงอยู่ที่ถนนการค้า ฉันไปตัดชุดราตรีที่ร้านนั้น พวกเราเจอกันที่นั่นแล้วกัน”

“ได้ ให้ฉันไปรับเธอไหม? รถบีวายดีของฉันซ่อมเสร็จแล้ว” อูเจินจูเขี่ยก๋วยเตี๋ยวไปด้วยถามไปด้วย

“อ๋อ รอเดี๋ยวนะ...” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นสามีเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกมาจากห้องพัก คิดว่าเขาจะออกไปข้างนอก จึงไม่กล้าตอบรับมั่วๆ

เป็นอย่างที่คิด เซียวเซิ่งยื่นเนกไทให้ภรรยา แล้วก้มหน้าพูดกับเธอ “เดี๋ยวฉันไปส่งเธอ”

ได้ยินคำพูดนี้ อูเจินจูวางสายอย่างรู้ว่าต้องทำอย่างไร จู่ ๆ รู้สึกเงียบเหงา ตรงหน้าปรากฏเงาของเย่เฟิง

และก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ร่ากายเป็นอย่างไรบ้างแล้ว กินข้าวแล้วยัง?

ขณะกำลังครุ่นคิด โทรศัพท์มือถือของเธอส่งเสียงตู๊ดๆ สองครั้ง เป็นเย่เฟิงที่ส่งข้อความมา — [ไพน์นัท กินข้าวเที่ยงแล้วยัง?กินด้วยกันไหม?]

ไพน์นัทก็คือฉายาที่เย่เฟิงตั้งให้อูเจินจู เพราะว่าเธอมีผิวสีน้ำตาล มองแวบแรกดูเหมือนไพน์นัทอวบๆ

เดิมทีอูเจินจูอยากจะตอบกลับ แต่หลังจากพิมพ์ตัวอักษรก็ลบทิ้งอีก แล้วดึงหมายเลขโทรศัพท์ของเย่เฟิงเข้าบัญชีดำไปด้วย

ชีวิตส่วนตัวของเย่เฟิงวุ่นวายเกินไป และไม่รู้ว่ามีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงกี่คน เธอไม่อยากลงน้ำขุ่น ต่อไปจะไม่ติดต่อแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น