เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 234

หลังจากที่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนออกมาจากสนามบิน เธอก็นั่งครุ่นคิดอยู่ในรถเป็นเวลานาน

เซียวจวินเซิงรักภรรยาของตัวเองขนาดนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่คนไร้ความรู้สึกขนาดนั้น เคยได้ยินมาว่าพ่อตามักจะใจกว้างกับลูกสะใภ้มากกว่าแม่ยาย หรือว่าเธอจะไปเข้าทางพ่อตาก่อนดีนะ?

เพียงแค่พ่อตายอมรับลูกสะใภ้อย่างเธอ ถ้างั้นแม่ยายก็สบายแล้ว......

ใช่แล้ว เอาพ่อตาให้อยู่หมัดก่อน เมื่อตอนกลับประเทศเธอได้หมักสุราลูกหม่อนเอาไว้ มันช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพดี สร้างสมดุลให้กับร่างกาย หรือจะเอาให้พ่อตาดื่มดี? ไว้รอตอนที่เซี่ยจิ่นไม่อยู่ ค่อยเอาไปให้เซียวจวินเซิงละกัน

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เธอก็ขับรถออกไป ในระหว่างทางไม่นานเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น สายเรียกเข้าจากเซียวเซิ่ง

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกดรับแล้วยกโทรศัพท์แนบหูทันที คลี่ยิ้มที่อ่อนหวานออกมา “ท่านประธานใหญ่ มีอะไรรับสั่งคะ?”

“ตื่นหรือยัง?” เซียวเซิ่งถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ และมีเสียงพลิกกระดาษออกมาจากลำโพงด้วย เขาน่าจะทำงานอยู่

“ตื่นแล้ว ฉันทานซุปสาคูที่คุณทำไปสองชามเลย ทานง่ายละลายในปาก ทั้งหอมทั้งหนึบ......อร่อยมากเลย” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนพูดเอาใจยกใหญ่ อวยฝีมือการทำอาหารของสามีอย่างที่สุด

แม้จะรู้ว่าเธอกำลังประจบ แต่เซียวเซิ่งก็ยังคงรู้สึกประสบความสำเร็จ “แล้วมื้อเที่ยงทานที่ไหน ฉันทำให้ทานไหม?”

“ไม่ต้องหรอก ฉันทานที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น” เทคนิคการขับรถของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้ดีมากนัก เธอจับพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียวแล้วเกิดรู้สึกกินปูนร้อนท้องขึ้นมา “ช่วงบ่ายฉันอยากไปเอ็นซีเพื่อคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่ทำงานใหม่ พรุ่งนี้ต้องเข้างานแล้ว ได้ไหม?”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? อย่าลืมเชียวว่าเธอคิดภรรยาของท่านประธาน” เซียวเซิ่งหัวเราะเบาๆอยู่ในลำคอ “ถ้างั้นก็ทานมื้อเที่ยงที่บริษัทละกัน ฉันจะรอ”

“อืม แล้วเจอกันค่ะ” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกมีความสุข จะทานข้าวยังมีหนุ่มหล่อคอย อารมณ์ดีมากเลยทีเดียว

บางทีอาจเป็นเพราะมีความสุขมากจนเกินไป เมื่อเธอพบว่าตัวเองได้เข้าใกล้รถคันหน้ามากจนเกินไป ก็สายไปแล้ว ปัง!

ชนท้ายรถคันหน้าแล้ว

ด้านหลังของรถปอร์เช่สีแดงคันด้านหน้า ถูกเธอชนจนท้ายรถบุบเข้าไป

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตกใจจนหูอื้อไป ทุกอย่างกลายเป็นสีขาวไปครู่หนึ่ง เธอไม่เคยเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อน นี่เป็นครั้งแรก ควรแก้ปัญหาอย่างไรดี รถของคู่กรณีก็ราคาแพงเอาเรื่องเหมือนกัน คงต้องชดใช้เยอะเลยสินะ.......

ประตูรถปอร์เช่ถูกเปิดออก มีหญิงสาวที่สวยงามออกมา หญิงสาวอายุไม่มาก เพียงยี่สิบต้นๆ ผมยาวสลวย หน้าตาสวยงาม มีรอยยิ้มที่เป็นมิตรปรากฏอยู่บนใบหน้า

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนลงจากรถอย่างรีบร้อน รีบขอโทษเธออย่างรีบร้อน “ขอโทษค่ะ ไม่ทันระวังเลยชนรถของคุณเข้า คุณไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม? ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายให้แน่นอน”

เมื่อหญิงสาวเห็นท่าทีที่ไม่มีประสบการณ์ของเธอ ก็เกิดดีใจอยู่ลึกๆ เธอโน้มตัวไปมองตรงที่ถูกชน แล้วปลอบเธออย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องตกใจไป ไม่เป็นไรหรอก”

“ขอโทษนะ......” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกดีกับเธอขึ้นมาทันที แต่เธอไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับอุบัติเหตุอย่างไร “ถ้างั้น......คุณโทรแจ้งตำรวจก่อนไหม? ฉันจะโทรหาสามี เรียกเขามาจัดการธุระให้......”

“ไม่ต้องแจ้งตำรวจหรอก แล้วก็ไม่ต้องเรียกสามีมาแล้ว” หญิงสาวโบกมืออย่างมีภูมิฐาน เธอยิ้มให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอย่างจริงใจ “รถของคุณหรูกว่าฉัน แค่ทางฝั่งคุณไม่ติดใจอะไรก็พอแล้ว”

“ถ้างั้นขอบคุณมากนะคะ ถ้าหากเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา คุณโทรหาฉันได้เลย ฉันจะไม่หนีความรับผิดชอบแน่นอน” ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นคนชนท้ายเอง เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยังคงรู้สึกผิด จึงให้เบอร์โทรศัพท์กับอีกฝ่ายไป

“พี่สาว เกรงใจเกินไปแล้วนะ อายุของเราใกล้ๆกัน ถ้างั้นมาเป็นเพื่อนกันไหม?” หญิงสาวแสนสวยยื่นมือให้เธอ “ฉันชื่อกู้ซีหนิง แล้วพี่ชื่ออะไรคะ?”

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไมได้อยากคบเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากฉีกหน้าของอีกฝ่าย จึงยื่นมือไปจับมือของเธอ “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน”

“พี่สาวไม่เพียงแต่จะสวยแล้ว ชื่อยังอ่อนโยนมากอีกด้วย” กู้ซีหนิงมองเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนหัวจรดเท้า แล้วสุดท้ายก็หยุดสายตาไว้ที่มือที่จับกุมกันอยู่ จู่ๆก็เกิดน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมา

ผิวของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเรียบเนียนกว่าเธอเสียอีก แถมมือก็ยังสวยกว่าเธอ เป็นความงดงามดอกบัวแรกแย้ม ผิวพรรณบริสุทธิ์ดั่งหยกที่แท้จริง “เคยได้ยินมาว่าถ้าจะดูว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีชีวิตที่ดีหรือไม่ ให้ดูที่มือของเธอก่อน พี่สาวคงมีชีวิตที่มีความสุขมากเลยสินะ?”

กู้ซีหนิงค่อนข้างอยากรู้ว่าชีวิตสามีภรรยาของเซียวเซิ่งและเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน รักใคร่กันดีไหม?

ขณะที่กุมมือของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยว ก็ราวกับได้กลิ่นหอมของเซียวเซิ่งแล้ว เธอละสายตาไปมองริมฝีปากของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนต่อ งดงามราวกับดอกไม้สด มิน่าเซียวเซิ่งจึงอยากจูบเธอมากขนาดนั้น ช่างน่าอิจฉาจนเจ็บใจเลยล่ะ.......

“ก็พอจะดีอยู่บ้าง” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยิ้มบางๆ เธอชักมือกลับอย่างห่างเหิน แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่อยากคุยเรื่องนี้กับเธอ เพราะอย่างไรก็เพิ่งจะรู้จักกัน “คุณกู่ ฉันต้องไปแล้วล่ะ ถ้าหากต้องการให้ฉันชดเชยสามารถโทรหาได้เลยนะคะ”

“พี่เสี่ยวเนี่ยน ในเมื่อมีวาสนาได้เจอกัน ไม่ต้องชดเชยเรื่องรถหรอกค่ะ เลี้ยงอาหารฉันสักมื้อละกัน” กู้ซีหนิงยิ้มขึ้น แล้วคว้าแขนของเธอรั้งเธอไว้ “ถือว่าปลอบขวัญฉันละกัน ลองฟังเสียงหัวใจฉันสิ มันเต้นเร็วมากเลย”

“คือ......” เมื่อเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนได้ยินเธอพูดดังนั้น แม้จะอยากปฏิเสธแต่ก็พูดไม่ออก จึงต้องตอบตกลง “ถ้างั้นไปกันเถอะ”

“ขอบคุณพี่ที่เลี้ยงนะ ถ้างั้นฉันก็ขอรับไว้นะคะ” กู้ซีหนิงยิ้มแย้มสวยงามราวกับดอกไม้ ดีอกดีใจ “รถของฉันส่งซ่อม ขอรบกวนติดรถพี่ไปร้านอาหารนะคะ”

แน่นอนว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้ปฏิเสธ

เมื่อขึ้นรถมากู้ซีหนิงก็มองสำรวจรอบๆอย่างประหลาดใจขึ้นมา ท่าทีดูเหมือนกำลังเชยชมรถหรู แต่ที่จริงแล้วอยากเห็นร่องรอยของเทพบุตรมากกว่า

เป็นไปตามคาด ตรงหน้ารถมีแว่นกันแดดสุดเท่ของผู้ชายวางอยู่หนึ่งอัน มีกลิ่นหอมอ่อนๆของโลชั่นโชยออกมา

กู้ซีหนิงใจเต้น จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งที่เดินสวนกับเซียวเซิ่งระยะประชิด เธอได้กลิ่นแบบนี้จากร่างกายของเขา ตอนนั้นแทบจะหลงใหลจนเป็นลมไป

ทั้งสองเลือกร้านอาหารตะวันตกที่อยู่ใกล้ๆ ตอนที่ลงจากรถ กู้ซีหนิงได้หยิบแว่นนั้นติดมือไปด้วย

ในช่วงรออาหารมาเสิร์ฟ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนก็ได้โทรหาเซียวเซิ่ง อธิบายถึงสาเหตุที่ตัวเองไม่สามารถกลับไปทานอาหารกับเขาได้แล้ว

เธอไม่ได้บอกว่าตัวเองเกิดอุบัติเหตุ แต่คิดหาเหตุผลอื่นแทน เธอเกรงว่าจะคุยกันทางโทรศัพท์ไม่รู้เรื่อง แล้วเซียวเซิ่งจะเกิดร้อนใจ

เซียวเซิ่งเองก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงให้เธอระมัดระวังตัวด้วยแล้ววางสายไป เขาเองก็ยังไม่อยากให้เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกลับไปตอนนี้ เพราะว่าที่ภรรยาที่คุณแม่ได้เลือกให้ กงเจี๋ยหรู มา

เขาจะต้องคุยกับกงเจี๋ยหรูให้รู้เรื่อง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เห็นกงเจี๋ยหรูมาตั้งแต่เล็ก ตอนเด็กๆชอบตามหลังเขาและกงเสวียนโม่ต้อยๆ ด้วยความสัมพันธ์แบบนี้ จึงสนิทสนมกันมากกว่าคนอื่น กลัวว่าเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจะเข้าใจผิด......

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนวางสายไป เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่ากู้ซีหนิงกำลังจ้องตัวเองอยู่ ตาไม่กะพริบเลย รู้สึกทำตัวไม่ตัวไม่ถูกขึ้นมา “บนหน้าฉันมีอะไรติดหรือ?”

“เปล่า” กู้ซีหนิงรู้ว่าตัวเองยั้งสติไม่อยู่ จึงรีบยิ้มเพื่อสร้างบรรยากาศ “ท่าทีที่พี่คุยกับสามีอ่อนโยนจังเลย จนฉันตกอยู่ในภวังค์เลยล่ะ”

“อ่อนโยนหรือ? ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นเลย” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเป็นคนไม่ปฎิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า เธอเพียงแค่เลี้ยงข้าวกู้ซีหนิงตามมารยาทเท่านั้น เพราะฉะนั้นจึงตอบกลับอย่างขอไปที

บรรยากาศดูตึงไปหน่อย ถ้าไม่ติดว่าอูเจินจูต้องสานสัมพันธ์กับฉู่หยู้ซีล่ะก็ เธอจะลากอูเจินจูมาทานข้าวด้วยกันแน่นอน

กู้ซีหนิงไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เพียงแค่จับตามองท่าทีตอนทานอาหารของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอย่างตั้งใจ จำเสียงเคี้ยว ทุกอากัปกิริยาไว้ในสมองอย่างแม่นยำ

เมื่อทานมื้อเที่ยงที่ไม่เป็นตัวของตัวเองเสร็จ เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนขับรถกลับไปที่เอ็นซี และกู้ซีหนิงได้ไปที่คลินิกความงามชั้นนำ ได้ให้ผู้เชี่ยวชาญที่เก่งที่สุดมาทำศัลยกรรมให้เธอ

เธอเปิดรูปของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนที่แอบถ่ายไว้แล้วยื่นไปตรงหน้าผู้เชี่ยวชาญ “ทำแบบนี้ให้ฉัน แม้แต่กระที่อยู่เหนือจมูกของเธอก็เอา”

ในเมื่อเซียวเซิ่งชอบผู้หญิงแบบเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน เธอก็จะพยายามทำให้ตัวเองเป็นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน!

ขอแค่ได้รับความรักจากเซียวเซิ่ง ให้เธอทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น ต่อให้จะบอกให้เธอไปตาย เธอก็ไม่ปฏิเสธ......

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรักเซียวเซิ่งได้เท่าเธอไหมล่ะ? ถ้าไม่ก็ไสหัวกลับไปอยู่ในครรภ์เลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น