เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น นิยาย บท 235

หลังจากผู้เชี่ยวชาญด้านความงามได้ทำชุดการประเมินแล้ว ก็ได้บอกกับกู้ซีหนิงอย่างน่าเสียดายว่า “จะศัลยกรรมให้เหมือนกับเธอเลย มันไม่ง่ายเลย”

“ทำไม?” กู้ซีหนิงชะงักไป เธอถามอย่างไม่เข้าใจ “ตอนนี้ทางการแพทย์ก้าวหน้าขนาดนี้ ยังมีเรื่องที่ทำไม่ได้อีกหรือ?”

ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมา แล้วหัวเราะด้วยความโอหัง “พูดให้เรื่องมันยากก่อน อยากให้โอกาสนี้เรียกราคาสูงขึ้น? เอาเถอะ ขอแค่คุณมีความสามารถพอที่จะทำให้ฉันสมบูรณ์แบบ ฉันยอมจ่ายคุณเป็นราคาสองเท่า”

“อย่าเข้าใจผิดไป ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลย” ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามอธิบายด้วยสีหน้าใจเย็น “เธอเป็นหน้ารูปไข่ แต่คุณคือหน้าทรงเพชร ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก และจากมุมมองของมืออาชีพ คุณสวยกว่าเธอ แค่ขาดเสน่ห์และความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งการทำศัลยกรรมไม่อาจช่วยเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ได้ "

กู้ซีหนิงรู้ดีว่าตัวเองสู้เอกลักษณ์ของเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้ แต่การถูกเปิดโปงจุดอ่อนนั้นทำให้เธอรู้สึกเอาชนะ “ฉันแค่ต้องการหน้าตาที่เหมือนกับเธอก็พอ”

“งั้นก็ได้ หากต้องการความเหมือนที่ร้อยละ90เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป อย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งปี”

“นานขนาดนี้เลยหรือ?” กู้ซีหนิงขมวดคิ้วแน่น เธออยากจะเหมือนเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนในวันแต่งงานใจจะขาด

หนึ่งปีก็หนึ่งปี ยังไงก็ต้องผ่าตัดอีกเยอะ ต้องมีระยะเวลาพักฟื้นบ้าง จะมาใจร้อนให้สมบูรณ์เร็วๆไม่ได้ กู้ซีหนิงเซ็นหนังสือสัญญาเรียบร้อย จากนั้นก็จ่ายค่ามัดจำ และเริ่มปรับแต่งฟันทันที

เธอต้องการจะเป็นเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก

พระอาทิตย์ในตอนเที่ยงช่างขี้เกียจเหลือเกิน เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนตากแดดจนเกิดเมื่อยไปทั่วร่าง หมดแรงอย่างมาก

ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอเหมือนพังทลาย เพราะสี่ปีก่อนตอนที่เธอตั้งครรภ์ ก็ไม่มีแรงแบบนี้ สุดท้ายก็เป็นลมไป......

หลังจากกลับมาถึงบริษัท เวลาอาหารกลางวันยังไม่หมด เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนจึงนั่งพักอยู่ที่ต้อนรับแขกบริเวณล็อบบี้ หลับตาลงและพักสักครู่

เมื่อถึงเวลาทำงาน จะไปรายงานตัวที่ฝ่ายธุรการทันที เธอจะค่อยๆทำงานตั้งแต่แม่บ้านจนก้าวไปถึงตำแหน่งสูงในบริษัท ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้เข้าใกล้เซียวเซิ่งมากขึ้น

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าที่เสียงดังมั่นคงก็ดังขึ้น และมีเสียงเดินของรองเท้าส้นสูงปะปนด้วย มีเสียงหัวเราะออดอ้อนของหญิงสาวดังขึ้นเป็นพักๆ ไพเราะน่าฟังเป็นพิเศษ

เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกะพริบตา แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น หันหน้าไปมองแผ่นหลังที่หล่อเหลานั้น เธอรีบลุกออกจากโซฟาทันที แอบมองผ่านช่องว่างระหว่างกระถางต้นไม้

“พี่เซียวเซิ่ง ขอบคุณนะที่มาต้อนรับฉัน มื้อเที่ยงอร่อยมากเลยล่ะ ฉันน่ะ อยากแต่งงานกับพี่ตั้งแต่เด็กแล้ว......” กงเจี๋ยหรูยื่นมือไปควงแขนของเซียวเซิ่ง แล้วพูดเสียงเบาลงว่า “เสียดายที่พี่ไม่ชอบจัดงานรื่นเริง ไม่งั้นเราคงแต่งงานกันตั้งนานแล้ว”

“ไร้สาระ” เซียวเซิ่งพูดอย่างเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลานั้นมีความรำคาญเล็กน้อย เขาไม่ค่อยชินที่ถูกผู้หญิงคนอื่นมาควงแขน

ในโลกนี้คนที่เขาจะยอมให้ควงแขนอย่างเต็มใจ นอกจากอานเสี่ยวถังแล้ว ก็มีแค่เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน

อานเสี่ยวถังคือผู้หญิงในดวงใจ คือรักแรกที่สวยงาม คืออนุสาวรีย์ที่ไม่มีวันล่มสลายเป็นพันปี เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนคือคนรัก คือดอกไม้ไฟคืออบอุ่นที่สุดในโลกนี้ คือคู่ครองที่จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า

แต่กับผู้หญิงคนอื่น ล้วนคือสัตว์เดรัจฉานในสายตาเขา จะเรียกว่าคนก็ยังไม่ได้

“พี่คะ รู้สึกไหมคะว่าพอเราควงแขนกันแบบนี้ เหมาะสมอย่างกับกิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันมากเลย” กงเจี๋ยหรูมองเงากระท้อนบนประตูกระจก แล้วพูดอย่างหวานหยาดเยิ้ม

“ยัยเด็กบ้าเอ๊ย” เซียวเซิ่งยังคงรอยยิ้มอย่างสุภาพ แล้วก้มหน้าตักเตือนด้วยเสียงเบาที่ได้ยินกันแค่สองคน “ถ้าไม่อยากถูกสะบัดมือออกก็ปล่อยแขนของฉันเองซะ”

“พี่ ถ้าพี่กล้าสะบัดมือฉันออก ทำให้ฉันขายหน้า ฉันจะขอถอนคำพูดที่ให้ไว้เมื่อกี้นี้ เกาะติดพี่ทั้งชีวิตเลย” กงเจี๋ยหรูเม้มปากแล้วยิ้มอย่างซุกซน

เซียวเซิ่งจึงต้องอดทน “นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอมาเหยียบที่เอ็นซี ถ้าครั้งหน้ามาอีก จะฟาดขาให้หัก”

เมื่อกี้ที่เขาพูดหวาดล้อม กงเจี๋ยหรูรับปากอย่างจริงจังว่าจะคงสถานะความเป็นเพื่อนในวัยเด็กกับเขา จะไม่ข้ามเส้นแม้แต่นิดเดียว แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องแสดง เขาจะต้องให้ความร่วมมือ

เพราะกงเจี๋ยหรูเองก็ต้องรายงานแม่ของตน มิเช่นนั้นแม่ของเธอคงพูดไม่หยุด มันทำให้บ้าตายได้เลยล่ะ

“ยังไงก็จะมา” กงเจี๋ยหรูรั้นมาก “ถ้าพี่ทำขาฉันหัก ก็ต้องรับผิดชอบฉันทั้งชีวิต”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น