“เสี่ยวเหนียนหยู ช่วงสองวันที่ผ่านมาคุณชายไม่ได้กลับมาที่นี่ ไม่มีใครนอนกับเธอ เธอร้อนใจถึงขั้นต้องปีนกำแพงเลยเหรอ?”
ในห้องอาหาร หงยวี่ที่กำลังยืนเฝ้าเอี๋ยนหยู่โรวทานอาหารอยู่ด้านข้าง ไม่ลืมที่จะพูดจาดูถูกเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยน “ได้ยินมาว่าเธอถูกหมาป่ากัดกางเกงจนขาดนี่ ถ้าหยุดไว้ไม่ทัน เธอคงจะโดนมัน x ไปแล้ว?”
“คุณนายน้อย ทำไมคุณไม่ลองเรียนรู้เทคนิคจากน้องสาวของคุณดูล่ะคะ เธอสร้างปัญหาแบบนี้ คุณชายจะต้องกลับมากอดเธอแน่นอน นี่แหละที่เราเรียกกันว่าเด็กร้องไห้มักได้นมกิน”
“ฮ่าฮ่า...ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย” เอี๋ยนหยู่โรวฟังอย่างสบายใจ เจ้านายและคนใช้กระซิบกระซาบและหัวเราคิกคักกันอย่างสนุกสนาน
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกินอาหารเช้าง่ายๆ ที่เธอทำ โดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
แม้ว่าการถูกพูดจากจิกกัดจะเลวร้ายมาก แต่บางอย่างเธอก็ทนได้ นี่คือนิสัยของเธอ ไม่อย่างนั้นต้องทะเลาะวิวาทกันทุกวัน ต่อให้ชนะมันก็เป็นเรื่องน่าเบื่ออยู่ดี หล่อนชอบทำอะไรที่โหดเหี้ยม
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเห็นอาหารเป็นสิ่งสำคัญอยู่เสมอ เธอกินข้าวในชามโดยไม่เหลือข้าวสักเม็ด แม้แต่ขิงในกับข้าวก็ไม่มีเหลือ
หงยวี่และเอี๋ยนหยู่โรวมองหน้ากันอย่างร้ายกาจและหัวเราะด้วยความเยาะเย้ย “ยัยอัปลักษณ์ น่าสงสารจัง กินเหลี้ยงแทบจะเลียชามเหมือนหมา ถึงว่าพวกหมาป่าถึงจ้องจะโจมตีเธอ ที่แท้ก็พวกเดียวกันนี่เอง”
“แกร๊ก!” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนยืนขึ้นทันทีพร้อมปาตะเกียบไปทางหงยวี่
“เธอ... เธอจะทำอะไรน่ะ? ยัยคนป่าเถื่อน” หงยวี่สั่นสะท้านด้วยความตกใจ ขาของเธออ่อนแรงจนแทบจะล้มลง เส้นเอ็นที่เคยถูกเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนทำลาย ตอนนี้เธอก็ยังเจ็บอยู่ รู้สึกกลัวจนเข้ากระดูก
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนไม่ได้ทำอะไร เธอแค่หยิบน้ำยาบ้วนปากที่หงยวี่เตรียมไว้ให้เอี๋ยนหยู่โรวขึ้นมาจิบเพื่อบ้วนปาก ก่อนจะเดินออกไป เมื่อผ่านห้องโถง เธอกล่าวทักทายพ่อบ้านเซี่ยอย่างสุภาพ
พ่อบ้านเซี่ยชอบเธอมากและยืนขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณเอี๋ยน คุณชายจะกลับมาทานอาหารกลางวันตอนเที่ยงนะครับ”
"เขาเหรอ?"
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อด้ยินว่าชายคนนั้นกำลังจะกลับมา เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกชาและหน้าแดง เธอรีบแสร้งทำเป็นมองที่กระถางดอกไม้และพูดอย่างสบายๆ ว่า "เกี่ยวอะไรกับฉัน? คุณควรบอกกับเอี๋ยนหยู่โรวมากกว่า”
“เอ่อ...เขาขอให้ผมบอกคุณน่ะครับ”
“งั้นฉันไม่กินมื้อเที่ยงแล้ว”
“ทำไมล่ะครับ?” เซี่ยเอ่อหุบยิ้มและพูดอย่างเคร่งขรึม “คุณเองก็เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้เหมือนกัน ถ้าแค่ทานข้าวพร้อมหน้ากันไม่ได้ งั้นก็ถือว่าไม่มีระบียบในบ้านน่ะสิครับ ถ้าคุณสามารถทนกับความโกรธของคุณชายได้ ก็ตามใจนะครับ”
เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนรู้สึกหดหู่ใจ เธอน้ำตาคลอเข้า นั่งตรงข้ามกับเซี่ยเอ่อ “ลุงเซี่ย เซียวเซิ่งไม่ชอบกินอะไรเหรอ?”
เซี่ยเอ่อมองเอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนอย่างสงสัย เมื่อเห็นหญิงสาวยิ้มอย่างใสซื่อ เขาจึงตอบในทันทีว่า “อ๋อ เขาไม่มีอะไรที่ไม่ชอบเป็นพิเศษหรอกครับ แค่ไม่ค่อยชอบกระเทียม กุยช่าย พวกผักที่มีกลิ่นแรงน่ะครับ แล้วยังมีพวกเครื่องในสัตว์ด้วย”
โอ้โฮ หน่อมแน้มซะจริง
เครื่องในสัตว์แล้วไง? กึ๋นไก่อร่อยจะตาย!ไหนจะผ้าขี้ริ้วคลุกพริก อร่อยสุดๆ ไปเลย
แต่ในครัวไม่มีวัตถุดิบดังกล่าว เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนกลืนน้ำลาย “เอี๋ยนหยู่โรวไม่ชอบของพวกนี้เหมือนกัน พวกเขาเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ”
เธอจะไม่ยอมให้คู่รักใจดำคู่นี้อยู่อย่างเป็นสุขแน่นอน ห้องครัวของคนรับใช้ดูเหมือนจะมีกุยช่าย ตอนเที่ยงเธอต้องกินเกี๊ยวไก่ใส่กุยช่าย จิ้มกระเทียมบดกับน้ำส้มสายชูเยอะๆ ให้ได้
“คนที่คำนับในโบสถ์กับคุณชายคือคุณ ตามประเพณีแล้วคุณต่างหากที่เป็นภรรยาของเขา” พ่อบ้านพูดด้วยความรัก
“ไม่ใช่สมัยโบราณสักหน่อย” เอี๋ยนเสี่ยวเนี่ยนเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย “ปัจจุบันนี้น่ะ ต้องยึดเอาทะเบียนสมรสเป็นพื้นฐาน จริงสิ ลุงเซี่ย ฉันอยากหางานทำนิดหน่อย เพื่อให้ลูกชายได้เก็บเงินแต่งงานน่ะ คุณช่วยฉันเตรียมอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”
“คุณต้องการเงิน แค่ถามคุณชายก็พอแล้วไหมครับ?” พ่อบ้านเซี่ยจับแว่นพลางเหลือบมองเธอ และเปิดสมุดบัญชีต่อไป “แค่เขาชี้นิ้ว พวกคุณก็มีเงินเหลือกินเหลือใช้ไปสองชาติแล้ว”
“มันง่ายแบบนั้นเลยเหรอ?เรามีมือมีเท้า ยังไงต้องต่อสู้เพื่อตัวเองทั้งนั้นแหละ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เรื่องวิวาห์ของเจ้าสาวจำเป็น