วันถัดไป
เช้าตรู่
ตอนที่อาคิระเดินออกจากห้อง ใบหน้าเล็กเป็นประกายสดใสเฉกเช่นแสงแดดนอกหน้าต่าง
ทั้งสามคนกินข้าวเช้าด้วยกัน หมีพูลมองอาคิระอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็มองพนาวัน“คุณแม่ครับ วันนี้วันเกิดผม คุณพ่อจะไปด้วยกันไหมครับ?”
ลูกยังเด็ก ไม่เคยใกล้ชิดกับอาคิระมากนัก จึงรู้สึกยำเกรงเขาด้วยสัญชาตญาณ
“ไม่หรอกลูก คุณพ่องานยุ่ง รีบกินเลย กินเสร็จแล้วแม่พาลูกออกไปนะ”
พนาวันไม่ได้ถามความคิดของอาคิระก็ตอบคำถามของลูก
วันเกิดแต่ละปีของหมีพูลเขาก็ไม่เคยเข้าร่วมอยู่แล้ว บางปีก็ลืม แต่ถ้าปีไหนไม่ลืมก็จะให้คนใช้ส่งเค้กและของขวัญมา
เธอไม่ใช่คนที่เขารัก ดังนั้นหมีพูลจึงไม่ใช่ลูกที่เขาอยากได้
ดังนั้นแม้จะตอบแบบนี้ต่อหน้าเขา เธอก็รู้สึกว่าตัวเองตอบถูก
ดวงตาสว่างสดใสของหมีพูลเศร้าหมอง ส่งเสียงอืมหนึ่งคำแล้วกินโจ๊กต่อ
อาคิระเลิกคิ้วมองไปยังผู้หญิงด้านข้าง เพลิงโทสะเริ่มผุดขึ้นมาอีกครั้ง“คุณสามารถตัดสินใจแทนผมได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?ผมนั่งอยู่ตรงนี้คืออากาศหรือเฟอร์นิเจอร์เหรอ?”
“หรือว่าวันนี้คุณจะฉลองวันเกิดให้ลูก?” พนาวันเงยหน้ามองพลันย้อนถามเสียงเรียบเฉย
อาคิระชะงักงัน จากนั้นก็มองไปยังหมีพูล
ลูกชายกำลังส่งโจ๊กเข้าปาก พลางจ้องมองผู้เป็นพ่ออย่างมีความหวัง
เมื่อสบตากับใบหน้าเล็กที่คล้ายคลึงกับเขาเจ็ดแปดส่วน หัวใจของเขาก็ไหวหวั่น “ทำไม ไม่อยากให้ผมไปเหรอ? แต่เสียดาย คุณไม่อยากให้ผมไป แต่ผมจะไป”
ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นพนาวันตกตะลึง
หมีพูลกลับรู้สึกเบิกบานใจ กล่าวอย่างหน้าชื่นตาบานว่า“คุณแม่ครับ คุณพ่อจะไปฉลองวันเกิดให้ผมครับ”
“อืม กินข้าวเถอะลูก”
เธอเก็บความรู้สึกตัวเอง ปกติเขาก็ทำอะไรเกินความคาดหมายตลอด ไม่เคยคาดเดาความคิดของเขาได้เลย
แต่สำหรับหมีพูล ปีนี้เป็นวันเกิดที่สมบูรณ์แบบ พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว ซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้
หลังจากกินข้าวเสร็จ หมีพูลก็แต่งตัวเสร็จแล้ว ส่วนอาคิระก็ยืนถือกุญแจรถอยู่หน้าประตู ตอนนี้พวกเขาสองคนเตรียมตัวเสร็จแล้ว
มีเพียงพนาวันยังไม่ได้ออกมา เธอกำลังล้างจานอยู่ในครัว
จากนั้นเวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป อาคิระรู้สึกเหลืออดและหงุดหงิดหลายส่วน พุ่งเข้าห้องครัวแล้วกล่าวว่า “ทำไมนานจัง? กลับมาค่อยล้างก็ได้ ต้องให้พวกเรารอคุณถึงจะพอใจเหรอ?”
สิ้นเสียง พนาวันที่ล้างจานเสร็จก็เดินออกมา
เธอถอดถุงมือออก ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ถอดผ้ากันเปื้อนอย่างเงียบ ๆ
ในที่สุดก็ได้ออกเดินทางเสียที
ไม่มีคนขับรถมารับ อาคิระเป็นคนขับเอง
พนาวันไม่ได้นั่งแถวหน้า เธอนั่งแถวหลังกับหมีพูล
หมีพูลเป็นเด็กรู้ความเกินวัย ตอนนี้เผยความเป็นเด็กที่ไม่ค่อยมีบ่อยออกมา เขาจ้องด้านในรถแล้วตบเบาะเก้าอี้เบา ๆ “รถคุณพ่อดีจังเลยครับ”
ตอนที่พนาวันไปนั่งกับหมีพูล อารมณ์ของอาคิระก็ไม่ดีเลย มืดครึ้ม บูดเบี้ยวตลอด คล้ายกับก้อนเมฆที่มืดสลัวหลายส่วน
ทันทีที่ได้ยินประโยคนนี้ สีหน้าของเขาก็ดีขึ้น
หมีพูลโตขนาดนี้แล้ว แต่ยังไม่เคยไปเที่ยวสวนสนุกเลย
ถึงแม้ไม่ได้บอกว่าวันเกิดอยากไปที่ไหน แต่ทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยก็บ่งบอกว่าที่สวนสนุก
สถานที่ที่มีผู้คนพลุ่งพล่าน พนาวันไม่เคยอยากไปเลย
แต่ครั้งนี้ไม่อยากทำให้ลูกชายผิดหวัง จึงยอมรับปาก
สวนสนุกคือสถานที่ครื้นเครง บวกกับเป็นวันหยุดด้วย จึงมีคนเยอะเป็นพิเศษ
เมื่อจอดรถในลานจอดรถแล้ว พวกเขาสามคนก็ลงมา
พนาวันขอบัตรประชาชนกับอาคิระ เพราะเธอจะไปซื้อตั๋วผ่านประตู
พร้อมกันนั้นก็มีเสียงผู้หญิงอันสดใสดังขึ้น“อาคิระ”
พนาวันมองไปตามต้นเสียงพลันพบว่าเป็นผู้หญิงในงานเลี้ยงเมื่อคืน พิมแสง
อาคิระรู้สึกประหลาดใจหลายส่วน หรี่ตามอง“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
“จะมาเที่ยวกับเพื่อนค่ะ แต่เพื่อนผิดนัด คงไม่รังเกียจที่ฉันจะเล่นกับพวกคุณใช่ไหมคะ? เล่นคนเดียวมันเหงาเกินไป”
พิมแสงสิ่งยิ้มให้พนาวัน ก้นบึ้งแววตากลับเจือความท้าทาย
อาคิระเล่นเป็นเพื่อนเธอตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงไม่ถือสา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง