วาเลนไทน์เข้าไป ดึงเสื้อของวันวิวาห์อย่างอ่อนแรง:“พวกเขารู้ว่าเธอต้องการพักผ่อน เธอไปก็ไม่กล้าให้เธอเหนื่อย วิวาห์ ที่นี่ยังไงก็เป็นคนในครอบครัว โวยวายก็ไม่เป็นไร คนนอกมองไม่เห็น แต่ทางนั้น ฉันกับพ่อไม่อยู่ ถ้าโวยวายมาแล้วคนอื่นเห็นจะตลกได้ก็คงดูไม่ดี ……”
วันวิวาห์พยายามหลับตาลง ออกแรงสะบัดมือของวาเลนไทน์ออก
“ไม่ใช่ของของเธอ เอาไปได้ก็รักษาไม่ได้หรอก วาเลนไทน์ ทำตัวให้ดีๆ ล่ะ!”
พูดจบ เธอก็หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา หันกลับเดินออกไป
ห้องทำงานใหม่เป็นห้องอเนกประสงค์ติดกับห้องน้ำ
มีฝุ่นอยู่เต็มไปหมด ไม่มีที่สำหรับเดินเลยสักนิด
จิราวัฒน์บอกว่าเก็บ แต่ก็แค่ให้คนทำความสะอาดของบนโต๊ะตรงมุมก็เท่านั้น
รังแกกันมากไปแล้ว!
วันวิวาห์โกรธมากจนเธอหายใจไม่ออก ดวงตาส่องประกายอย่างเย็นชา
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา หาเบอร์ๆหนึ่ง ลังเลเล็กน้อย แล้วจึงกดโทร
สิบนาทีต่อมา
สัญญาณรถดังขึ้น รถตำรวจหลายคันก็ส่งเสียงดัง
คณาวุฒิรองผู้บัญชาการตำรวจในพื้นที่มาด้วยตนเอง
ชูเกียรติออกไปแล้ว วาเลนไทน์กับจิราวัฒน์พาคนมาที่ห้องประชุม
จิราวัฒน์ยื่นบุหรี่:“ลมอะไรพัดให้ผู้บัญชาการอิทธิพัทธ์มาได้?”
อิทธิพัทธ์ไม่ตอบ:“ผมได้รับแจ้งความ บอกว่าที่นี่มีคนก่อกวน?”
จิราวัฒน์กับวาเลนไทน์สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
วาเลนไทน์พูดด้วยรอยยิ้ม:“แค่เข้าใจผิด พวกเราจัดการกันเองได้ เสียเวลาให้ผู้บัญชาการอิทธิพัทธ์มาเองซะนี่”
“คนก่อกวนยังอยู่นี่ จะเข้าใจผิดได้ไงคะ?”
วันวิวาห์เดินออกมา เหลือบมองวาเลนไทน์กับจิราวัฒน์:“ผู้บัญชาการอิทธิพัทธ์เป็นคนรู้จักเก่า‘เชลน่า’ก็มีลงบันทึกที่สถานีตำรวจด้วย ไม่ต้องให้ฉันพูดมาก ก็รู้ว่าที่นี่ใครกันที่พูดคำไหนก็เอาตามนั้น แต่วันนี้เช้า สองคนนี้มาก่อกวนที่บริษัทฉันแต่เช้า และยังแย่งห้องทำงานฉันไปอีก……”
รอยยิ้มบนใบหน้าวาเลนไทน์แข็งไป:“วิวาห์‘เชลน่า’เป็นของตระกูลโสธรณาลัย”
“มันเป็นชื่อฉัน”
วันวิวาห์พูดอย่างแข็งแกร่ง:“ผู้บัญชาการอิทธิพัทธ์ คุณว่าไงล่ะ?”
คณาวุฒิพยักหน้า เข้าไปตบไหล่ของจิราวัฒน์ด้วยรอยยิ้ม:“คุณชายสาม ไว้หน้าผมเถอะ พาคุณหนูวันวิวาห์กลับไปก่อนได้ไหม?วุ่นวายต่อไป ไม่มีประโยชน์แก่พวกคุณ”
สายตาจิราวัฒน์หม่นลงไป ดันมือของคณาวุฒิออก:“แกคิดว่าแกเป็นใคร?ฉันไว้หน้าแกเรียกแกว่าผู้บัญชาการอิทธิพัทธ์ แกยังจะคิดจริงจังว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตอีก?ที่เมืองนราวัณนี้ ตระกูลโสธรณาลัยของเราใหญ่สุด”
รอยยิ้มที่ใบหน้าคณาวุฒิหายไป
สีหน้าตำรวจที่มากับคณาวุฒิก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
บรรยากาศในห้องทำงานตึงเครียดทันที
วาเลนไทน์รีบเข้าไปเป็นผู้ไกล่เกลี่ยทันที:“ผู้บัญชาการอิทธิพัทธ์ อย่าถือสาพี่ฉันเลยนะ เขาเป็นคนปากไวพูดอะไรตรงๆ พูดจาก็ไม่น่าฟัง แต่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแอบแฝงแน่ ที่จริงพวกเราก็ไม่อยากมาทำให้วิวาห์ไม่มีความสุขแบบนี้หรอก แต่นี่เป็นการตัดสินใจของบริษัท น่าจะกะทันหันสำหรับวิวาห์ไป ดังนั้นเธอจึงรับไม่ได้ในทันที”
เธอยิ้มให้ทุกคนอย่างรู้สึกขอโทษ:“เรื่องนี้โทษฉันเอง เพิ่งมาทำงานที่บริษัท ไม่มีประสบการณ์จัดการเรื่องพวกนี้ แค่อยากรีบทำหน้าที่ที่พวกกรรมการมอบให้ คิดไม่ถึงว่าวิวาห์จะรับการตัดสินใจของบริษัทไม่ได้ วันนี้ทำให้ทุกคนต้องเทียวไปเทียวมา ลำบากทุกคนแล้ว”
ประโยคเดียว ความรับผิดชอบทั้งหมดผลักไปที่กรรมการและวันวิวาห์
สีหน้าคณาวุฒิค่อยๆสงบลง ใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขที่มีประโยชน์:“หาปมของเรื่องได้ก็ดี ส่วนจะเจรจาส่วนตัวอย่างไรนั้นก็ให้เป็นเรื่องที่ตามมา แต่ตอนนี้ บริษัทยังต้องดำเนินการอย่างปกติ ใครก็ได้มานี่หน่อย ช่วยประธานวันวิวาห์เอาของย้ายกลับไปที่ห้องทำงาน”
จิราวัฒน์อดทนเส้นเลือดที่ปูดออกมาตรงหน้าผาก
แววตาวาเลนไทน์มีความร้ายกาจ ใบหน้ายิ้มแย้มไม่เปลี่ยนไป แค่ตอนที่จิราวัฒน์ระเบิดออกมา ก็ดึงเขากลับมา
ทั้งสองมองตำรวจสองสามคนที่ย้ายห้องทำงานให้เป็นเหมือนเดิมก่อนที่พวกเขาจะมาถึงอย่างรวดเร็ว
……
วันวิวาห์ส่งคณาวุฒิออกไปจากหน้าเชลน่า
“วันนี้ขอบคุณผู้บัญชาการอิทธิพัทธ์มากๆ เพื่อเป็นการขอบคุณ ฉันเลี้ยงข้าวคุณดีไหม?”
เธอกับรองผู้บัญชาการตำรวจคนนี้รู้จักกันจากงานเลี้ยงส่วนตัวครั้งหนึ่ง สื่อหลายครั้งแล้วว่าเป็นพี่ชายเธอ บอกว่าต่อไปจะปกป้องเธอเอง
แต่เธอชินกับการที่มีอะไรก็ต้องแก้ไขด้วยตัวเอง และไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครด้วย เลยปฏิเสธอ้อมๆมาตลอด
วันนี้ถ้าไม่ใช่ว่าหมดหนทางจริงๆ เธอก็ไม่โทรให้รองผู้บัญชาการคณาวุฒิมานี่หรอก
คณาวุฒิหัวเราะเหอะๆ:“เลี้ยงข้าวอะไรล่ะไม่ต้องหรอก ถ้าเธออยากขอบคุณฉันจริงๆ ช่วยฉันเรื่องหนึ่งก็พอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ