ชูเกียรติหัวเราะเยาะอยู่ที่ปลายสาย “ฉันพูดกับแกอย่างชัดเจนแล้ว หากแกดื้อรั้นไม่ยอมฟัง โดนฟ้องขึ้นมาอย่าโทษคนเป็นพ่ออย่างฉันว่าใจจืดใจดำก็แล้วกัน”
วันวิวาห์กดสายทิ้งในทันที
พวกเขาเคยรักและจริงใจกับเธอเมื่อไหร่กัน? !
หนูกะทิเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้ว“โง่จริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่พ่อหนูไม่สนใจคุณ ทนายความที่เขาให้ไม่ได้ให้คุณเอาไว้ดูเล่นนะ”
น้ำเสียงที่ไร้เดียงสาบ่นเหมือนคนโตของเด็กน้อยทำเอาวันวิวาห์อดที่จะหัวเราะไม่ได้
อารมณ์ที่เสียไปทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้บ้างเล็กน้อย
“ไม่ได้จะเก็บไว้ดูเล่น เพียงแต่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้ เชื่อฉันเถอะนะ ฉันจัดการได้”
เธอบีบไปที่แก้มอ้วนๆของเด็กน้อยเบาๆ“ ไปกันเถอะ ไปซื้อของแล้วกลับไปทำอะไรอร่อยๆให้กิน ช่วงที่พ่อเราไม่อยู่ ฉันจะทำให้เธอผอมไม่ได้ อยากกินอะไร ? ปลาหมึกกุ้งหรือว่าเนื้อ……”
เด็กน้อยปัดมือเธอออกอย่างโกรธเคือง ตวัดมองไปยังรอยคล้ำที่ใต้ตาของเธอ
ผู้หญิงคนนี้ คิดว่าตัวเองเป็นพี่เลี้ยงจริงๆหรือไง ?
เหนื่อยขนาดนี้แล้วยังอยากจะกลับไปทำอาหารที่บ้านอีก ?
หนูกะทิเบือนหน้าหนี พูดอย่างเย่อหยิ่งว่า“ หนูไม่กินที่คุณทำ ไม่อร่อย มีเวลา ไม่สู้หากินกันนอกบ้านเสร็จแล้วก็กลับไปพักผ่อน”
วันวิวาห์กะพริบตาปริบๆ
จิ๊!
เจ้าเด็กคนนี้ เห็นๆอยู่ว่ากินอาหารเด็กที่เธอทำให้จนหมดทุกครั้ง
คงเพราะพ่อเธอไปแล้ว ก็จึงอยากจะปลดปล่อยตัวเองบ้าง
“ก็ได้ อยากกินอะไรล่ะ?”
“หม้อไฟ”
วันวิวาห์หยุดเดินและก้มศีรษะลง สีหน้ามีความลังเลผาดผ่าน “ เด็กน้อยกินหม้อไฟได้เหรอ ?”
เด็กน้อยกลอกตาใส่เธออย่างเย่อหยิ่ง ชี้ไปยังด้านข้าง“ ไร้มลพิษ ไร้สารเคมี”ข้อความของป้ายโฆษณา“เปิดกว้างหน่อย สังคมสมัยนี้ อะไรกินได้?”
วันวิวาห์“……”
ก็ได้ เจ้าหญิงตัวน้อยมีความสุข เธอก็จะได้รับความรู้สึกดีๆจากพ่อผู้เป็นดั่งภูเขาน้ำแข็งของเด็กน้อยกลับคืนมาบ้าง
ร้านหม้อไฟ
หนูกะทิเด็กที่ดูเหมือนผู้ใหญ่ตื่นเต้นมาก เรียกพนักงานมา“พี่ค่ะ เอาหม้อไฟที่เผ็ดที่สุด เร็วๆนะ”
วันวิวาห์ร้องห้ามทันที“ หม้อไฟสองน้ำซุป เผ็ดน้อยกับซุปมะเขือเทศ ขอบคุณค่ะ”
เด็กน้อยผิดหวังเล็กน้อย แต่พอหม้อไฟมาเสิร์ฟ ก็มีความสุขขึ้นมาอีกครั้งในทันที
มือเล็กๆคู่น้อยพยายามใส่ทุกอย่างลงไปในน้ำซุปสีแดง
เมื่อวันวิวาห์เห็นก็ทั้งตลกและจนใจ ตักหมูและผักในซุปน้ำใสวางลงบนชามของเธอ “กระเพาะเด็กบอบบาง กินอาหารรสจัดไม่ได้”
เด็กน้อยกลอกตาให้อย่างรังเกียจ“หม้อไฟไม่เผ็ดจะไปมีรสชาติอะไร?”
วันวิวาห์นิ่งไม่ไหวติง“ ตอนที่ฉันยังเด็กเหมือนเธอ ฉันชอบกินอาหารรสจัดมาก มีครั้งหนึ่งฉันแอบใส่พริกลงไปในชามบะหมี่ ตอนกินก็อร่อยมาก แต่พอกินเสร็จก็แย่เลย คืนนั้นปวดท้องทรมานแทบตาย ไปโรงพยาบาลแทบไม่ไหว ท้องไส้ปั่นป่วน ราวกับลำไส้บิดพันกันไปหมด ความเจ็บปวดนั้น จำได้ตลอดชีวิต”
เธอพูดเกลี้ยกล่อมเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน“ดังนั้น ฉันที่เคยมีบทเรียนมาก่อน เธอก็เพลาๆมันหน่อย ไม่งั้นหากพ่อเธอรู้เข้าคงไม่มีครั้งหน้าอีกแน่ ”
“เชอะ”
เด็กน้อยหัวเราะเยาะอย่างไม่สนใจ“ คุณนี่มันขี้ขลาดจริงๆ ปอดแหกไม่เอาไหน”
ปากพูดไปอย่างนั้น แต่มือเล็กๆที่ถือตะเกียบอยู่ก็ขยับย้ายจากจานพริกป่นไปยังจานน้ำมันงาแทน แล้วกินซุปน้ำใสอย่างว่าง่าย
“วิวาห์?”
ทั้งสองกำลังกินกันอย่างออกรสออกชาติ ข้างๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
วันวิวาห์กับหนูกะทิหันไปมอง
ภาชิระกักเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่“คุณมาอยู่นี่ได้ยังไง……แล้วเด็กคนนี้?”
มีเด็กน้อยอยู่ด้วย วันวิวาห์ก็จึงลังเลใจไม่น้อย
เธอวางตะเกียบลง พยายามควบคุมตัวเองแล้วพูดว่า“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ หากไม่มีอะไร กรุณาอย่ารบกวนมื้ออาหารของเรา”
ความอยากรู้อยากเห็นของภาชิระถูกความเย็นชาของวันวิวาห์กดทับจนแน่นเอาไว้ภายใน
“มีธุระ เรื่องสำคัญด้วย คุณมากับผมสักเดี๋ยว”
เขาออกแรงดึงวันวิวาห์ให้ลุกออกจากที่นั่ง แล้วเดินไปยังด้านข้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ