วันวิวาห์พูดอย่างรีบร้อน:“ที่รัก ฉันมีเรื่องด่วน ฉันต้องไปก่อนนะ ”
เธอก้มเอว และโบกมือให้กับเด็กตัวเล็กที่อยู่ด้านข้างจอมพล:“น้องหนู ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ ไว้วันไหนพวกเรามาเล่นกัน บาย!”
พูดจบ ก็พุ่งออกไป โดยไม่ให้โอกาสสองพ่อลูกตอบโต้ใดๆ
หนูกะทิดันพ่อออกยอ่างเห็นใจ กลอกตาใส่เขาที่ถือคีย์การ์ดในมือ:“พ่อจะหาแม่บ้านมาดูแลหนูเหรอ?”
จอมพลเก็บคีย์การ์ดที่จะยื่นออกไปคืนกลับมา แล้วโยนไปที่ตู้ข้างๆ หันกลับเดินไปที่ครัวอย่างเยือกเย็น
เด็กสาวหันกลับตามไป ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่:“พล พ่อตื่นเถอะ ผู้หญิงคนนี้แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่รับมือด้วยง่ายๆ และก็ เธอไม่ได้รักพ่อ!ที่มาพัวพันกับพ่อ ไม่เห็นแก่หน้าตาพ่อ ก็เห็นแก่เงิน ยังไงซะก็ไม่ได้เห็นแก่จิตวิญญาณของพ่อหรอก!”
จอมพลเปิดประตูห้องครัว หันไป แล้วขมวดคิ้ว:“ครูที่โรงเรียนสอนอะไรพวกลูกบ้างเนี่ย?”
เด็กน้อยหนูกะทิปีนขึ้นบนโซฟาด้วยมือและเท้า หารีโมตมาเปิดทีวี
เธอกลอกตาใส่อย่างไม่พอใจ:“แค่มองก็รู้แล้ว ต้องให้คนสอนด้วยเหรอ?ครูบ้าผู้ชายพวกนั้นสอนแต่เรื่องเด็กๆ หนูไม่อยากเรียน!”
จอมพลปวดหัว จึงเปลี่ยนหัวข้อ:“กินอะไร?”
เขาเปิดตู้เย็น แล้วทันใดนั้นก็ตะลึง
ตอนบ่ายผ่าตัดเสร็จ ก็รีบไปแต่งงาน ลืมเรื่องที่จะซื้อวัตถุดิบไปเลย
เขาปิดตู้เย็น หาเสื้อคลุมของตัวเองและลูกสาว:“ปิดทีวี พวกเราจะออกไปกินข้างนอก”
……
ณ โรงพยาบาล โซนผู้ป่วย VIP
วันวิวาห์เพิ่งก้าวออกจากลิฟต์ ก็ถูกปิดกั้นไว้
พ่อแม่กับวาเลนไทน์รวมถึงภาชิระต่างอยู่ที่นี่
“พ่อ แม่ ปู่ล่ะคะ?”
วันวิวาห์ผ่านพวกเขาไปอย่างร้อนรน วิ่งไปที่ห้องคนไข้ของคุณท่านปรมะ
ตอนที่ผ่านตัวเทียนแข กลับถูกเธอคว้าข้อมือไว้:“เดี๋ยว พวกเรามีอะไรจะพูด”
วันวิวาห์หยุดลงอย่างสงสัย
“เซ็นนี่ซะ”ชูเกียรติยื่นเอกสารฉบับหนึ่งมา
“นี่อะไร?”
วันวิวาห์รับไป จากนั้นเปิดดู ก็ตะลึง สั่นไปทั้งตัว
นั่นคือสัญญาโอนหุ้น
ให้เธอเอาบริษัทเครื่องสำอางภายใต้ชื่อของเธอที่เหลืออยู่สองแห่งไปให้วาเลนไทน์ทั้งหมด
ชูเกียรติพูดด้วยใบหน้าเย็นชา:“นี่คือความต้องการของคุณปู่ สุดท้ายแล้วพี่สาวแกก็เป็นลูกสาวคนโตของตระกูลโสธรณาลัย พวกนี้เดิมทีควรเป็นของเธออยู่แล้ว ตระกูลโสธรณาลัยให้ชีวิตที่เลิศเลอกับแกมายี่สิบกว่าปี แกน่าจะพอใจแล้ว ต่อไปแกควรยอมพี่สาวแกให้เยอะๆ ให้พวกเราสิ่งที่ติดค้างเธอในหลายปีนี้คืนแก่เธอ”
วันวิวาห์ไม่อยากจะเชื่อนัก:“พ่อ!พี่เพิ่งกลับมาไม่นาน ฉันก็เอาทุกอย่างที่เป็นชื่อฉันรวมทั้งหุ้นโสธรณาลัยกรุ๊ป ให้พี่ไปหมดโดยไม่เหลืออะไร ยังไม่พออีกเหรอ?”
เทียนแขกลอกตาใส่เธอ:“ตำแหน่งที่บริษัทก็ยังเก็บไว้ให้แกอยู่ ก็แค่เอา CEO ให้พี่แกก็เท่านั้น ทำไมแกขี้เหนียวแบบนี้?แกกลายเป็นโลภฟุ้งเฟ้อแบบนี้เมื่อไหร่?”
“พ่อ!แม่!ไม่ใช่ว่าฉันไม่ให้ แต่หลายปีนี้บริษัทเครื่องสำอางเป็นฉันที่ดูแลมาตลอด วิชาเอกที่ฉันเรียนก็เกี่ยวกับบริษัทมากๆ ให้พี่ไป เธอจะทำได้เหรอ?”วันวิวาห์พูดอย่างระงับความน้อยใจเอาไว้
วาเลนไทน์เขย่าแขนของเทียนแขอย่างออดอ้อน:“พ่อแม่ ช่างมันเถอะ!น้องพูดถูก ฉันเก่งธุรกิจไม่เท่าน้อง เอาบริษัทให้น้องเถอะ”
“เลนไทน์!”
เทียนแขกุมมือเธออย่างสงสาร แววตามีแต่ความรักเอาอกเอาใจ:“พวกนั้นมันควรเป็นของลูกอยู่แล้ว ลูกไม่ต้องรู้สึกแย่ คนที่ควรรู้สึกแย่ ควรจะเป็นยัยโลภที่หน้าด้านคนนี้!”
“เหอะ!”
วันวิวาห์เห็นถึงความรักที่พ่อแม่รักมีต่อลูกและลูกกตัญญูต่อพ่อแม่ เธอหัวเราะอย่างเยาะเย้ย:“ดังนั้น คุณปู่ไม่ได้ฟื้น แต่พวกพ่อแค่หลอกฉันมาใช่ไหม?”
ชูเกียรติก็มีสีหน้าเย็นชามากขึ้น:“แกหมายความว่าไง ฉันขอแก ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?”
“ใช่ไม่ต้องการเหตุผล”วันวิวาห์ดูเฉยเมย สีหน้าเด็ดเดี่ยว:“ตั้งแต่ 15 ฉันก็ช่วยปู่ดูแลบริษัท บริษัทเครื่องสำอางที่มีชื่อฉันดีกว่าบริษัทชื่อคนอื่นๆในตระกูลโสธรณาลัยเป็นไหนๆ ฉันจะให้บริษัทที่ฉันกับปู่ทุ่มเทสุดหัวใจไปไม่ได้!พวกพ่ออย่าได้คิดจะเอาเลย นอกจากปู่จะให้ฉันเซ็นเอง”
“เพียะ!”
ชูเกียรติตบไปฉาดหนึ่งด้วยสีหน้าเหยเก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ