“คุณหวังครับ ผมยังมีธุระนิดหน่อย ขอตัวก่อนนะครับ ใช่แล้ว นี่คือนามบัตรผม ถ้ายังเกิดเรื่องแบบเมื่อกี้นี้ขึ้นอีก คุณสามารถโทร.หาผมได้ทันทีเลย”
ผู้จัดการหวางท่าทางสุภาพเรียบร้อย โค้งตัวลงครึ่งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
“รบกวนแล้วนะครับ”
หวังชาวรับนามบัตรมา พยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากแยกย้ายกับผู้จัดการหวาง หวังชาวก็ไม่รู้สึกอยากอาหาร จึงนั่งลงตำแหน่งก่อนหน้านี้รอคอยลู่อี้เข่อ
รออยู่ไม่กี่นาที ในที่สุดลู่อี้เข่อก็กลับมาแล้ว
“คุณหวัง ให้คุณรอนานมากเลย”
ลู่อี้เข่อนั่งลงด้านข้างของหวังชาวด้วยความรู้สึกผิดอยู่บ้าง
หวังชาวส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ ใช่แล้ว คุณเจอเพื่อนคุณแล้วหรือยัง?”
“ได้เจอแล้วค่ะ แต่ว่าหล่อนมีธุระต้องกลับไป ไม่อย่างนั้นฉันจะได้แนะนำให้คุณรู้จักหน่อย”
ลู่อี้เข่อยิ้มตอบ
หวังชาวพยักหน้า หมายความว่าครั้งหน้ายังมีโอกาส
ส่วนหลินเหมี่ยวเหมี่ยวกับหลี่ฮุยก็นั่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
สายตาของสองคนตกอยู่บนตัวหวังชาวมาตลอด
“โอ๊ะ หวังชาว ฉันรู้แล้วว่านายเข้ามาได้ยังไง ที่แท้ก็อาศัยผู้หญิงนี่เอง”
“ก็ใช่อะนะ สวะอย่างนายนี้นอกจากเกาะผู้หญิงกินคงไม่มีความสามารถอย่างอื่น อยู่ตระกูลหลินของฉันก็เป็นแบบนี้ หลังจากหย่าก็เป็นแบบนี้อีก ยังต่ำทรามจริงนะ!”
หลินเหมี่ยวเหมี่ยวพูดจาประหลาดถัดไปไม่ไกลมาก
สีหน้าหวังชาวเคร่งขรึมทันใด เขานึกไม่ถึงว่าหลินเหมี่ยวเหมี่ยวผู้หญิงคนนี้ยังจะเป็นศัตรูกับเขาอีก
ในเวลานี้ลู่อี้เข่อขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว
นึกไม่ถึงยังมาเจอภรรยาเก่าของหวังชาวที่นี่อีก
“คุณหลิน กรุณาพูดจาระวังหน่อย!”
ลู่อี้เข่อพูดด้วยเสียงเย็นเยือก
“ฉันพูดกับสามีเก่าฉัน เธอจะมาพูดแทรกอะไร?” หลินเหมี่ยวเหมี่ยวพูดอย่างไม่พอใจ
“คุณไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าคุณเป็นใบ้หรอก!”
สายตาลู่อี้เข่อเย็นเยือกยิ่งกว่าเดิม เห็นชัดว่าไม่พอใจมากแล้ว
“เธอกล้าด่าฉันเหรอ เชื่อหรือเปล่าว่าฉันจะฉีกปากเธอให้ขาดเลย!”
หลินเหมี่ยวเหมี่ยวโมโหจนสีหน้าเขียวปัด
สีหน้าลู่อี้เข่อดูแย่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่ถนัดทะเลาะกับคนอื่น
โดยเฉพาะกับหญิงขี้โมโหปากร้ายแบบหลินเหมี่ยวเหมี่ยวคนนี้
สายตาที่อึมครึมของหวังชาวมองทางหลินเหมี่ยวเหมี่ยว เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “หลินเหมี่ยวเหมี่ยว เชื่อไหมว่าถ้าเธอพูดมากอีกสักคำ ฉันจะรีบโทร.หาผู้จัดการหวางเดี๋ยวนี้ ให้เขาไล่พวกเธอออกไป!”
คำพูดนี้ได้ผลจริง
สีหน้าหลินเหมี่ยวเหมี่ยวดูโกรธยกใหญ่ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เหมือนถูกคนอื่นจับจุดอ่อนเอาไว้แล้ว ทำให้หล่อนหมดหนทาง
ถ้าโดนไล่ออกไปจริงล่ะก็ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องขายขี้หน้า แม้แต่ดวงใจไร้กาลก็จะไม่มีโอกาสได้มาครอง
หลี่ฮุยที่ไม่พูดจามาตลอดจ้องหวังชาวด้วยสายตาอึมครึม
พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “หวังชาว ฉันขอเตือนนายเอาไว้ อาศัยบารมีคนอื่นแล้วไม่ใช่ว่าจะได้ดีเสมอไป อาจจะตกอับก็ได้!”
“นายอย่าคิดว่ารู้จักคนดังสองสามคนก็คิดว่าตัวเองเหนือชั้นมาก ไม่ช้าหรือเร็วคงมีสักวันหนึ่ง นายจะต้องชดใช้ต่อความจองหองของนาย!”
“สวะยังไงก็เป็นสวะ คางคกไม่ว่าทำยังไงก็ไม่อาจเปลี่ยนไปเป็นหงส์ได้!”
เสียงของหลี่ฮุยเย็นเยือก คำพูดนี้แฝงด้วยการดูถูกแบบเข้มข้น การดูหมิ่นอย่างเหยียดหยาม
ฟังคำพูดพวกนี้ สีหน้าหวังชาวอึมครึม ไม่พูดสักคำ
แต่สีหน้าของลู่อี้เข่อกลับดูแย่กว่าเดิม
เธอยังเตรียมจะพูดอะไรสักหน่อย แต่หวังชาวกลับห้ามเธอไว้
“คนเราใช้การกระทำแสดงออกมา ไม่ใช่พูดออกมา ตอนนี้ต่อให้ผมพูดมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่เชื่อ”
“ต้องมีสักวัน ผมจะทำให้พวกเขารู้สึกเสียใจต่อการกระทำก่อนหน้านี้ทั้งหมด!”
หวังชาวพูดด้วยเสียงเบาๆ
ลู่อี้เข่อมองหวังชาวอยู่ สีหน้าเปล่งแสงแวววาว
เพียงรู้สึกว่าบนตัวผู้ชายคนนี้เหมือนแผ่กระจายแสงสว่างซึ่งทำให้คนหลงใหลออกมาแล้ว
ถ้าหากมีโอกาสให้เขาแสดงฝีมือตนเอง เขาก็สามารถก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงมากได้
เธอเชื่อว่า หวังชาวคือบุคคลยิ่งใหญ่ผู้นั้น
ไม่นานงานประมูลก็เริ่มแล้ว
นี่คืองานประมูลการกุศลงานหนึ่ง ข้าวของที่นำมาประมูลทั้งหมดล้วนเป็นของที่เศรษฐีสนับสนุนมา จำนวนเงินที่ประมูลมาก็บริจาคให้เขตภูเขาที่ยากจน
“ที่รัก งานประมูลเริ่มแล้ว คุณเตรียมพร้อมหรือยัง?” หลินเหมี่ยวเหมี่ยวสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา
“ที่รัก คุณไม่ต้องห่วง ผมเตรียมไว้สิบล้าน ขอแค่เป็นของที่คุณสนใจ ผมจะประมูลมาให้คุณทั้งหมด”
หลี่ฮุยหน้าตามั่นใจเต็มที่
“อืม ที่รักคุณยอดเยี่ยมที่สุดเลย”
หลินเหมี่ยวเหมี่ยวกอดแขนของหลี่ฮุยเอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทียบท้ายุทธเวท
รอครับ...
รอครับ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...