เย่เทียนกัดฟันกล่าวว่า “ฉันไม่ให้ แกจะทำไมฉัน”
“ไม่ให้ ฉันก็จะตบแกจนกว่าจะให้”
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
……
สิ้นเสียง เย่กวงก็ตบหน้าเย่เทียนครั้งแล้วครั้งเล่า
ส่วนเย่ลั่วกับเย่ชิวก็เฝ้ามองดูเหตุการณ์อยู่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ไม่ต้องตบแล้ว กูทนไม่ไหวแล้ว อยากได้ก็เอาไป”
หลังจากที่เย่เทียนโดนตบหน้าไปได้สิบกว่าที สุดท้ายก็ทนไม่ไหวร้องไห้ตะโกนออกมา
เย่กวงลูบข้อมือของตนเองที่เริ่มชา แล้วกล่าวอย่างดูถูก “ไอ้แก่ ฉันว่าแกน่าจะโดนตบอีกสักสองสามที ถ้าไม่ตบ แกคงไม่รู้จักฤทธิ์เดชของฉัน!”
ฮือออ!
อีกครู่หนึ่ง เย่เทียนก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
เขารู้สึกเสียใจ
ถ้ารู้แต่แรกว่าเย่กวงกับครอบครัวเป็นสุนัขจิ้งจอกแบบนี้ ก็น่าจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้เย่ไห่แต่แรก
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เสียใจก็สายเกินไปแล้ว
ชีวิตคนเราไม่มียาที่แก้ความเสียใจได้
“อี๋ กลิ่นเหม็นอะไรวะ”
เย่ลั่วขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“แม่งเอ๊ย ไอ้แก่นี่มันเยี่ยวแตก!”
เขาก้มหน้ามองจึงเห็นว่าที่เท้าของเย่เทียนมีน้ำสีเหลืองๆ เจิ่งนอง จึงตะโกนร้องเสียงดัง
เย่ชิวเอามือปิดจมูกของตัวเองเอาไว้แล้วกล่าวเสียดสีว่า “ปู่ฉันเนี่ยนะ โดนตีนิดตีหน่อยก็ไม่ได้ โดนพ่อตบไปไม่กี่ทีก็ฉี่แตกซะแล้ว”
“ฉัน......”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำพูดเสียดสีของเย่ลั่วกับเย่ชิวเช่นนี้ สีหน้าของเย่เทียนก็เริ่มซีดเผือด
เย่กวงพูดออกมาด้วยสีหน้ารังเกียจ “ใครก็ได้มาลากไอ้แก่พิการนี่ออกไปหน่อย เอาไว้ก็เสียบรรยากาศ!”
“เย่กวง ครอบครัวพวกแกสักวันต้องโดนกรรมตามสนอง โอยยย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพสงครามพิทักษ์โลก
อ่านไม่ได้ครับ...