เทพศึกมังกรหวนคืน นิยาย บท 13

บทที่13 เฝิงกางตกใจถึงขีดสุด

“บริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ปอยู่ในเมืองเจียงเฉิง ใหญ่จริงๆนั่นแหละ แต่เสียว่ามันเป็นของฉัน”

ฉินเฟิงเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วมองไปยังหวังเถ่ สายตามีความสนุกสะใจแฝงอยู่ในนั้น

“ของคุณ……ทะ……ท่านประธานกรรมการ……”

เสียงแคร้งดังขึ้นมาหนึ่งครั้ง

กระบองเหล็กที่อยู่ในมือของหวังเถ่ตกลงบนพื้น ตัวเขาสั่นไปทั้งตัว สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เขาขัดขวางคนคนหนึ่งอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ สุดท้ายกลับเป็นประธานกรรมการบริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ป เจ้าของที่แท้จริง

นี่เขาไม่ได้เตะแค่แผ่นเหล็กนะ แต่เขาเตะหินลาวาที่กำลังร้อนระอุอยู่

“ถ้าคุณไล่ฉันออกไปแค่คนเดียว อย่างนั้นฉันคงจะยังพออภัยให้คุณได้ อย่างไงซะนี่ก็เป็นหน้าที่ของคุณ แต่คุณมาถึงก็จะตีแขนผมให้หัก นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”

ฉินเฟิงพูดจบ มือข้างหนึ่งพาดกับบ่าของหวังเถ่

ได้ยินแค่ เสียงฉึกดังขึ้นมาหนึ่งเสียง

เป็นเสียงกระดูกหักที่ลอดมาจาก ไหล่ข้างซ้ายของหวังเถ่ ตามมาด้วยหวังเถ่เซจนเกือบยืนไม่ไหว แล้วล้มลงกับพื้นทันที ใบหน้าบิดเบี้ยวไปมาเพราะความเจ็บปวด เหงื่อซึมไหลซึมออกมา เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น “อ้าก……”

“หักแขนข้างหนึ่งของคุณ เพื่อเป็นการลงโทษ ยังนับว่าคุณโชคดีแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะหายดี ถ้าอยู่ที่อีสเตอร์แลนด์ ผมจะใช้กฎของทหาร อ่อใช่แล้ว เปลี่ยนงานซะเถอะ งานนี้ มันไม่เหมาะกับคุณ”

ฉินเฟิงโบกมือ แล้วเดินไปทางด้านในของบริษัทเฟิงซิ่ง

สิ่งที่เขาพูดไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย ทหาร จะให้ความสำคัญเคร่งครัดกับกฎระเบียบมาก โดยเฉพาะที่อีสเตอร์แลนด์ที่เขาเป็นผู้บังคับบัญชา

“ไสหัวไปซะ”

เฝิงกางตำหนิหวังเถ่ ที่ร่างกายยังคงสั่นเทา เมื่อกี้เขาสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินคนในตระกูลฉินจากจิงตูพูดกันว่า เจ้านายใหม่คนนี้เขามาจากสนามรบ มือของเขาเต็มไปด้วยเลือด

เป็นคนจำพวกที่เข้าไปแหยมด้วยไม่ได้

ต่อมา หลังจากที่เขาตะเพิดไล่หวังเถ่ไป เขาจึงรีบตามฉินเฟิงเข้าไปด้านใน

ในห้องโถงกว้าง หลิวลานเมิ่งกำลังดื่มกาแฟกับหญิงผมยาวคนหนึ่ง พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ แต่ทันใดนั้นหญิงผมยาวก็สังเกตเห็นเบื้องหลังของหลิวลานเมิ่ง จึงชี้ออกไป “ผู้จัดการหลิวคะ รีบดูสิคะ ท่านประธานเฝิง ตามอยู่ด้านหลังของคนหนุ่มคนหนึ่ง คนนั้นคงเป็นประธานกรรมการสินะคะ”

“ประธานกรรมการ?”

หลิวลานเมิ่งรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที จึงหันหลังกลับไป

แต่ เวลานี้เองฉินเฟิงกับเฝิงกางได้เดินขึ้นไปบนตึกแล้ว เหลือไว้เพียงแผ่นหลังให้หลิวลานเมิ่งเห็น ทำให้เธอรู้สึกตะลึงไปเลย“นี่มัน……แผ่นหลัง……ทำไมถึงได้เหมือนฉินเฟิงอย่างนี้นะ”

พอหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิวลานเมิ่งก็ส่ายศีรษะไปมาพลางหัวเราะเยาะ “บ้าชะมัดเลย ต้องเป็นเพราะเมื่อวานเดินทางทั้งคืนแน่เลย ไม่ได้พักผ่อน ตาลายไปหมดเลย จะเป็นไอ้เศษสวะฉินเฟิงได้ยังไงกัน”

พวกเขารู้ดีว่าตอนนี้บริษัทเฟิงซิ่งกรุ๊ปเปลี่ยนเจ้าของแล้ว แต่ประธานกรรมการคนใหม่คนนั้น มีตัวตนลึกลับ นอกจากเฝิงกางแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ข่าวแว่วมาว่า เขาเป็นคนฝีมือยอดเยี่ยมอิทธิพลคับฟ้า

ในเมื่อเป็นถึงบุคคลที่ฝีมือยอดเยี่ยมอิทธิพลคับฟ้า ถ้าอย่างนั้นคงไม่ใช่ฉินเฟิงแล้วล่ะ

จุดนี้ เธอหลิวลานเมิ่งรับประกันได้

“เศษสวะก็คือยังไงก็เป็นเศษอยู่วันยังค่ำ ถึงจะเป็นทหารมาเจ็ดปี ยังไงก็เป็นเศษสวะอยู่ดี จะไปเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลไปได้ยังไงกัน”

หลิวลานเมิ่งส่ายศีรษะอีกครั้ง สลัดเอาความคิดนี้ออกไปจากสมองทั้งหมด

และในเวลานี้เอง ณ ชั้นบนสุดของห้องทำงาน มีเพียงฉินเฟิงกับเฝิงกางสองคนเท่านั้น ฉินเฟิงนั่งอยู่บนโซฟา ด้านหน้ามีแก้วกาแฟแก้วหนึ่งที่เฝิงกางพึ่งรินใส่แก้ว หลังจากนั้นเฝิงกางก็ยืนอยู่ตรงข้าม ยืนขาแข็งไม่กล้าก้าวไปไหน กลัวจนตัวสั่นงันงก กลัวจะทำให้ฉินเฟิงไม่พอใจ

“ประธานเฝิง เมื่อกี้คุณ ไล่คนบางคนไปใช่ไหม?”

ฉินเฟิงดื่มกาแฟไปหนึ่งอึก แล้วมองไปยังเฝิงกาง ด้วยสายตาเฉียบคม

“ไล่หรอครับ?ไล่อะไรครับ……ผะ……ผมแค่อยาก……เอิ่ม……ผมขอนึกสักครู่นะครับ……”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพศึกมังกรหวนคืน