เทพศึกมังกรหวนคืน นิยาย บท 30

บทที่ 30 แหวนหมั้น

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของหลี่ห้าวก็เปลี่ยนไป “ฉันได้ภาษาฝรั่งเศสจัดเป็นระดับสี่ คุณกล้ามาบอกว่าการใช้ภาษาของฉันผิด คุณมีสิทธิ์อะไรมากล่าวหาผมแบบนี้?”

“ใช่”

อิ่นเสี้ยงสวี่พูดอยู่ข้างๆ “ขอทานอย่างคุณ กล้าดียังไงมากล่าวหาคู่หมั้นของฉัน คุณคงไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดหรอก”

ในตอนนั้น ฉินเฟิงก็ได้มองไปที่พนักงาน เขาได้พูดภาษาฝรั่งเศสกับพนักงานคนนั้นอย่างคล่องแคล่ว สั่งไปหลายเมนู ตอนนั้นทำให้หลี่ห้าวอึ้งไปเหมือนกัน แต่อิ่นเสี้ยงสวี่ได้หัวเราะเยาะขึ้น “คุณกลัวว่าตัวเองจะพูดเรื่องไร้สาระกับพนักงานเสิร์ฟ ฉันเดาว่าพนักงานเสิร์ฟไม่สามารถเข้าใจได้”

“คุณผู้ชาย คุณอยู่ลอนดอนหรือเปล่าคะ?”

พนักงานตกใจเป็นอย่างมาก พูดภาษาจีนออกมาหนึ่งประโยค แล้วพูดต่ออีกว่า “นานมากแล้วที่ฉันไม่ค่อยได้ยินภาษาพื้นเมืองแท้ๆจากประเทศต้าหัวแห่งนี้ หากไม่ใช่ผิวของคุณ ฉันคงนึกว่าคุณเป็นชาวฝรั่งเศสแล้วค่ะ”

ในภัตตาคารแห่งนี้พนักงานทุกคนพูดภาษาจีนได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในการสื่อสาร เพราะว่าไม่ใช่แขกทุกคนที่สามารถสื่อสารภาษาฝรั่งเศสได้ แต่ว่าพวกเขาต้องใช้ภาษาฝรั่งเศสสื่อสาร เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นร้านที่มีระดับ

“ผมไม่ใช่”

ฉินเฟิงยิ้มแล้วส่ายหัว

แต่สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของอิ่นเสี้ยงสวี่และหลี่ห้าวไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง พวกเขาได้ยิน พนักงานคนหนึ่งพูดว่าภาษาพื้นเมืองของภาษาฝรั่งเศส อิ่นเสี้ยงสวี่ไม่เข้าใจภาษาฝรั่งเศส แต่ว่าหลี่ห้าวพอรู้บ้าง

ฉินเฟิงพูดได้อย่างถูกต้องคล่องแคล่ว ภาษาฝรั่งเศสของเขาดีกว่าครูที่สอนภาษาฝรั่งเศสฉันอีก

อิ่นเสี้ยงสวี่โมโหเขา ได้แต่กำมือ และนั่งอยู่บนเก้าอี้

หลังจากพนักงานไปได้ไม่นาน อาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ เมื่ออาหารมาถึงอิ่นเสี้ยงสวี่กินไป ก็อวดแหวนหมั้นในมือไป “น้องสาว(ลูกพี่ลูกน้อง) เธอลองดูสิว่าแหวนวงนี้ของฉันเป็นยังไง? เป็นแหวนที่หลี่ห้าวขอฉันแต่งงาน เป็นแบรนด์LV สองกะรัตเลยเชียวนะ มูลค่ามากกว่าสามแสนแหนะ

เธอคงไม่เคยเห็นเพชรเม็ดใหญ่ขนาดนี้มาก่อนละสิ เพราะฉินเฟิงเองก็เป็นแค่คนจนคนหนึ่ง”

มือของเธอสวมใส่แหวนเพชรอยู่หนึ่งวง แหวนนั้นส่งประกายแพรวพราว

อิ่นซินต้องการเอาเพชรสีแดงคืนจากมือของเธอ ถึงอย่างไรแหวนนั้นฉินเฟิงก็เป็นคนมอบให้เธอ หากถูกจับได้ว่าแหวนวงนั้นเป็นของปลอม ต้องทำให้ฉินเฟิงขายหน้ามากแน่ แต่ว่าอิ่นเสี้ยงสวี่ที่จับตามองอิ่นซินมาโดยตลอดเธอเองก็รู้ได้ทันที

“น้อง(ลูกพี่ลูกน้อง) แหวนวงนี้?”

อิ่นเสี้ยงสวี่ยื่นมือออกไปและจับมือขวาของอิ่นซินเอาไว้ เพราะเป็นลูกผู้หญิงด้วยกัน ฉะนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วอิ่นเสี้ยงสวี่ก็มองแหวนในมือของ

อิ่นซินด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แหวนวงนี้ ฉันได้ยินมาว่า เป็นแหวนที่บริษัท LV ผลิตน้อยมาก เพราะมันมีลักษณะที่โดดเด่น สลักไว้ว่าฉันจะรักคุณตลอดไป ตรงรุ่น จับคู่สีด้วย ขนาดความใหญ่ก็พอดี ยี่สิบสองกะรัตเลยแหละ กะรัตเม็ดใหญ่มาก ฉันได้ยินมาว่าหากไม่มีเงินสิบล้านไม่สามารถซื้อมาได้ น้อง(ลูกพี่ลูกน้อง) เธอช่างมีบุญวาสนาเหลือเกิน ”

ระหว่างนั้น การสนทนาก็เริ่มอึดอัด “ใครเป็นคนมอบแหวนวงนี้ให้เธอล่ะ? มันเป็นแหวนที่แสดงถึงการขอแต่งงาน ต้องรู้นะ ว่าสามีของเธอ นั่งอยู่ข้างๆเธอ”

ความหมายของอิ่นเสี้ยงสวี่คือ แหวนวงนี้ต้องเป็นแหวนที่ชายอื่นมอบให้ เธอพยายามนำเรื่องนี้มาทำให้เขาสองคนขัดแย้งกัน

แต่ทว่าอิ่นซินได้ดึงมือของฉินเฟิงมาจับไว้ “เขาเป็นคนมอบแหวนวงนี้ให้กับฉันเอง ฉันไม่มีวันที่จะสวมแหวนที่คนอื่นเป็นคนให้เด็ดขาด”

“ฉินเฟิงให้หรอ?”

อิ่นเสี้ยงสวี่จ้องมองไปที่ฉินเฟิง แววตาของเธอเปี่ยมไปด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “น้อง(ลูกพี่ลูกน้อง) เธอรู้ไหม แหวนแบบนี้บริษัทLVไม่ผลิตมาขายอยู่แล้ว แหวนวงนี้เธอได้มายังไงกัน? ของคนงานหรอ?”

“ฉัน……”

เวลาผ่านไปสักพัก อินซินไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไง

เธอเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าแหวนวงนี้เป็นการประดิษฐ์ขึ้นจริงๆ แม้จะทำให้เธอต้องตกที่นั่งลำบาก แต่ถึงอย่างไรแหวนวงนี้ฉินเฟิงก็เป็นคนให้มา เธอก็เก็บมันไว้ ไม่เคยถอดมันออกเลย แต่สถานการณ์ในเวลานี้ เธอจะกล้าพูดออกไปได้ไงว่ามันเป็นการใช้มือประดิษฐ์ขึ้นมา

“เป็นแบบประดิษฐ์ ในท้องตลาดห้าสิบในวง ราคาต่ำ แล้วสภาพนี้ก็ยังคงเป็นเพชรสีแดงเทียมเพชรสีแดงเทียม มันเป็นอันตรายต่อร่างกาย โยนมันทิ้งไปเถอะ ใช่แล้ว คนที่ให้ของแบบนี้ก็ทิ้งไปได้แล้ว ให้อะไรไม่ให้ มาให้ของแบบนี้ มันคือการวางแผนให้ได้ทรัพย์สินแล้วทำร้ายผู้อื่น ”

หลี่ห้าวพูดแทรกขึ้น เขาสบถออกมา มันดูเหมือนไม่ได้ด่าฉินเฟิง แต่ในความเป็นจริงเขากลับด่าฉินเฟิงอย่างโหดเหี้ยม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เทพศึกมังกรหวนคืน